บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 ชายโฉดหญิงชั่ว

หลินลู่หยุนมองไปยังเซียวรุ่ยครู่หนึ่งนางก็เดินเข้าไปหา "คุณชายเซียวมีอะไรอย่างนั้นหรือ?"

"คุณหนูสามหลิน ท่านอ๋องรอคุณหนูอยู่ที่หอไห่รุ่ยน่ะขอรับ" เซียวรุ่ยตอบอย่างนอบน้อม

"รอข้าหรือ? ท่านอ๋องของเจ้ายังมีธุระอะไรกับข้าอย่างนั้นหรือ?"

เซียวรุ่ยยิ้มเคอะเขินเขาเองก็ยังไม่เข้าใจท่านอ๋องของเขาเลยตนเองสุขภาพไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้ว ยังจะมาเอ้อระเหยตากลมอยู่ข้างนอก 

วันนี้ในตอนที่ส่งคุณหนูสามหลินลงหน้าร้านเซียงเก๋อแล้วท่านอ๋องกลับไม่รับสั่งให้กลับจวนหรือไปที่ไหนทำเพียงนั่งหลับตาอยู่เช่นนั้นจนเกิดเรื่องขึ้น หลังจากนั้นก็สั่งให้เขามารับคุณหนูสามหลินไปรับประทานอาหารที่หอไห่รุ่ย

หอไห่รุ่ยเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมือง หลวงมีทั้งหมดสามชั้นแต่ละชั้นก็กว้างใหญ่

โดยชั้นแรกเป็นชั้นที่ไว้สำหรับลูกค้าทั่วไป ชั้นที่ สองสำหรับชนชั้นที่มีฐานะร่ำรวยเหล่าขุนนางหรือพ่อค้าที่มีฐานะ ส่วนชั้นที่สาม จะมีความพิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้าที่มีฐานะร่ำรวยมั่งคั่งมียศถาบรรดาศักดิ์ ทั้งชั้นถูกแบ่งออกเป็นห้องส่วนตัวหลายสิบห้อง ทุกห้องถูกตกแต่งอย่างงดงามตระการตา

เซียวรุ่ยพานางมาถึงชั้นสามและเดินมายังห้องด้านในสุดซึ่งมีมู่หรงหมิงรอนางอยู่ในห้องก่อนแล้วริมหน้าต่างที่เขานั่งสามารถทอดมองออกไปทางด้านนอกและเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และไม่รู้ว่าหมิงอ๋องผู้นี้ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วหรือไม่ แล้วเหตุใดเขาถึงไม่กลับจวนทำไมถึงให้คนไปตามนางมาอีก เขารู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้นางกำลังหิวมากๆ

หลินลู่หยุนเข้ามาภายในห้องส่วนตัวนางรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องตอนนี้ช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกอึมครึมและเคร่งเครียดเสียจริงๆ

เมื่อเห็นหลินลู่หยุนเข้ามา เดิมทีใบหน้าที่ดูเย็นชาของมู่หรงหมิงกลับดูอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย "มาแล้วหรือ?"

บรรยากาศอึมครึมภายในห้องส่วนตัวก็ค่อยๆ จางไปหลินลู่หยุนนั่งอยู่ตรงหน้าของเขานางมองร่างของมู่หรงหมิงด้วยแววตาที่สุกสกาว

ในเมืองหลวงต่างพากันพูดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องนั้นเป็นบุรุษที่หล่อเหลาและสง่างามดั่งเทพเซียนแต่เสียอย่างเดียวพระองค์เป็นคนที่ดุร้ายหลากหลายอารมณ์น่าเกรงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นแม้ว่าจะรูปงามจนไม่มีที่เปรียบและมีฐานะที่สูงส่งเพียงใด แต่ในเมื่อมีอายุอยู่อีกไม่กี่ปีการที่พระองค์นั้นไม่มีพระชายาก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วต่อให้พระองค์จะหล่อเหลา สูงส่ง สง่างามถ้าอายุขัยสั้นก็ไม่ม่มีใครกล้าอภิเษกกับเขา

หลินลู่หยุนมองมู่หรงหมิงอย่างละเอียด เพียงรู้สึกว่าชายผู้นี้ช่างเป็นคนที่หล่อเหลาและสูงส่งมากจริงๆ ทุกท่วงท่า กิริยาสง่างามยิ่งนัก

มู่หรงหมิงกำลังรินชาเขาเอียงใบหน้าไปด้าน ข้างเพียงเล็กน้อยด้านข้างของเขาเป็นมุมอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเกลี้ยงเกลาและดูเย็นชา มองดูแล้วเหมือน พระจันทร์เสี้ยวที่น่าหลงใหลและดึงดูดสายตา

"ท่านอ๋อง ท่านรอหม่อมฉันหรือเพคะ?" 

ใบหน้าหล่อเหล่าของเขาดูอ่อนโยน นิ้วมือเรียวยาวขาวเห็นข้อต่อที่เด่นชัดยกน้ำชาขึ้นมาดื่มช้าๆ ดวงตาดำขลับคู่นั้นค่อยๆตวัดมาทางนาง

"ข้ารับปากไทเฮาเอาไว้แล้วว่าจะส่งเจ้าให้ถึงจวนท่านแม่ทัพอย่างปลอดมิใช่หรือ?"

"อ้อ..ท่านอ๋องช่างซื่อตรงเสียจริง" หลินลู่หยุนเอ่ยชมเขาจากใจจริง จากนั้นนางก็พูดขึ้นมาอีก

"เช่นนั้นวันนี้ท่านอ๋องทรงเลี้ยงข้าวหม่อมฉันอย่างนั้นหรือเพคะ?" ดวงตาของหญิงสาวสดใส แวววาว ขนตางอนหนาของนางกระพริบขึ้นลง ริมฝีปากเล็กสีชมพูยกยิ้มอย่างเย้ายวน

มู่หรงหมิงชะงักค้างไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยักหน้า "เจ้าอยากทานอะไรสั่งได้เลย"

"แล้วท่านอ๋อง เลี้ยงข้าวหม่อมฉันเนื่องในโอกาสอะไรหรือเพคะ?" 

มู่หรงหมิงเป็นคนที่พูดน้อยมาก วันนี้เป็นวันที่เขาพูดมากที่สุดตั้งแต่จำความได้แล้ว เขาไม่คิดเลยว่าหญิงสาวตรงหน้านี้จะถามมากเช่นนี้ เลี้ยงข้าวต้องมีโอกาสด้วยหรือ?

เขาขบเม้มริมฝีปาก ดวงตาหรุบลงครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้นมาเสียงนุ่มน่าหลงใหลว่า "อืม...เนื่องในโอกาสที่เราได้รู้จักกัน และเจ้าเป็นผู้มีพระคุณของข้า ในอนาคตหากเจ้าสามารถทำให้ข้าใช้ชีวิตอยู่ต่ออีกห้าปี-สิบปี ข้าสามารถเลี้ยงข้าวเจ้าได้ทุกมื้อเลย"

"ห้าปีสิบปีที่ไหนกัน หม่อมฉันโม้ไว้ตั้งสามสิบปีเชียว แต่ท่านอ๋องไม่ต้องกังวล ท่านอ๋องกลับไปก็เตรียมตัวจัดห้องไว้ห้องหนึ่งที่กว้างขวางมิดชิดและสะดวกสบาย อีกสองวันหม่อมฉันจะไปรักษาพระองค์ที่จวนเพคะ..."

ทั้งสองพูดคุยสั่งอาหารราวกับว่าได้รู้จักและคุ้นเคยกันมาแล้วหลายปี สิ่งนี้มู่หรงหมิงเองก็อดแปลกใจไม่ได้ 

ก่อนนี้ที่เขาพบนางแล้วให้องครักษ์ปล่อยข่าวออกไปถึงการเปลี่ยนแปลงก็เพียงแค่อยากเห็นท่าทีของมู่หรงอานก็เท่านั้น แต่เวลานี้กลายเป็นว่าเขานั้นได้มานั่งพูดคุยกับนางในห้องนี้แทน

ไม่นานอาหารก็ถูกนำออกมาวางอย่าง รวดเร็วหลินลู่หยุนพนมมือขึ้นพร้อมกับปรบมือเบาๆเมื่อได้กลิ่นอาหารที่หอมอบอวล

เสี่ยวเอ้อนำอาหารมาวางเรียงรายมากมายหลินลู่หยุนก็มองตามอาหารทุกจานด้วยดวงตาระยิบระยับ

มู่หรงหมิงเก็บท่าทางของนางทุกท่วงท่าเอาไว้ในใจเขามองดูนางปอกกุ้งแล้วนำเข้าปาก 

นี่คือรสชาติของอาหารที่อร่อยสุดๆ เมื่อเทียบกับมู่หรงหมิงที่ทานอย่างสง่างาม หลินลู่หยุนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนปีศาจที่หิวโหยเพิ่งผุดขึ้นมาจากนรก

มู่หรงหมิงมองดูท่าทางการกินของนาง นัยน์ตาของเขาแฝงด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แววตาราวกับดอกไม้ไฟ ไม่เฉยชาแปลกไปจากปกติ

หลังจากกินอิ่มและดื่มอย่างเต็มที่แล้วมู่หรงหมิงก็พานางกลับจวนแม่ทัพ

เวลานี้แม่ทัพหลินยังไม่กลับมาจากพระราชวังภายในห้องโถงของจวนจึงมีเพียงหลินเจียเสวี่ยที่พูดคุยกับเหยาซื่อ

เหยาซื่อ ตั้งแต่หลินเจียเสวี่ยได้หมั้นหมายกับองค์รัชทายาท นางก็กางปีกแผ่ขยายอำนาจไม่เกรงกลัวผู้ใดอีกต่อไปแล้วถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะอาศัยบารมีบุตรชายคนโตที่เป็นคุณชายใหญ่จวนแม่ทัพเพียงคนเดียวและคุณหนูใหญ่บุตรสาวคนโตของนางที่เป็นผินในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันอยู่ก็ตาม

แต่เวลานี้เป็นแม่ยายขององค์รัชทายาท ช่างเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของนางมากจริงๆ ในที่สุดนางก็มีวันนี้จนได้ วันที่นางได้เป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพอย่างเต็มตัว

“ท่านแม่ ทำไมจู่ๆฮองไทเฮาถึงได้เรียกนางโง่หลินลู่หยุนเข้าเฝ้าได้ ทั้งที่ก่อนนี้ก็ห่างหายไปตั้งสองปีกว่า"

 หลินเจียเสวี่ยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ "นี่ก็ดูสิจนป่านนี้ยังไม่กลับมาเลยไม่รู้ว่าจะไปประจบประแจงไทเฮาอะไรบ้าง ท่านแม่เหตุในนางโง่นั่นถึงได้ผอมขนาดนี้กัน มันยังกินน้ำแกงนั่นอยู่หรือเปล่าไม่ใช่ว่าเราโดนคนในครัวหลอกแล้วนะ"

 “เหตุใดเจ้าถึงคิดว่ามันไม่ได้กินน้ำแกงนั่นหรือ”

เหยาเซิงก็ใช่ว่าจะไม่สังเกตุแต่เป็นเพราะไม่ได้พูดคุยกับนางเช่นก่อนนี้จึงไม่รู้ว่านางโง่นั่นเปลี่ยนไปในทิศทางไหนกันแน่

“ข้ารู้สึกว่านางหญิงชั่วผู้นั้นเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคนเลย ท่านแม่ท่านคิดดูสิเมื่อก่อนมันทั้งอ้วนและโง่ ทำตัวน่ารังเกียจไปวันวันแต่แค่เพียงสองเดือนที่มันอยู่แต่ในเรือนไผ่เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้ไปได้"

ในขณะที่แม่ลูกทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มี สาวใช้นางหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบและเอนตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของเหยาซื่อเพียงสองสามประโยคเหยาซื่อก็ยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ “จริงหรือ เจ้าเห็นแน่ชัดหรือไม่?”

“หลังจากได้รับคำสั่งจากฮูหยิน พวกบ่าวก็เฝ้าอยู่ที่นั่นทั้งวัน เมื่อครู่ก็เห็นจริงๆนะเจ้าคะ ว่าคุณหนูสามอยู่ด้วยกันกับชายผู้หนึ่งเหมือนว่า ชายผู้นั้นจะมาส่งนางกลับจวนเจ้าค่ะ”

สาวใช้รีบกล่าวต่อ“หากแต่เพราะชายผู้นั้น ยืนหันหลัง บ่าวเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ ดังนั้นจึง เห็นไม่ชัดว่าลักษณะเป็นอย่างไรเจ้าค่ะ”

“แค่เห็นก็เพียงพอแล้ว ลักษณะเป็นเช่นไรก็ คงไม่จำเป็น”

เหยาซื่อดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที และไม่คำนึง ถึงสิ่งอื่นใด นางพูดกับหลินเจียเสวี่ยด้วยหน้าตาที่ สดใส “เสวี่ยเอ๋อเป็นอย่างที่เจ้าพูดไว้ไม่มีผิดหญิงชั่วนั่นออกจากวังแล้วแต่ไปเที่ยวเล่นกับบุรุษ แม่ก็คิดอยู่ว่า ตอนได้ยินว่าองค์รัชทายาทหมั้นกับเจ้านั้นเหตุใดนางไม่ตีโพยตีพาย ที่แท้เพราะไปเกาะแกะชายอื่น ไปเร็วโอกาสในการแก้แค้นของเรามา ถึงแล้ว”

"ชายโฉดหญิงชั่ว ต้องประจานเจ้าค่ะท่านแม่ นางสารเลวนี่ทำข้าเสื่อมเสียไปด้วยจริงๆ!"

.....

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel