ตอนที่ 7 ช่วยข้าเจ้าต้องการสิ่งใด?
หลังจากออกมาจากพระราชวัง หลินลู่หยุนมองหารถม้าของมู่หรงหมิง นางไม่สนใจสายตาของคนด้านนอกที่กำลังมองมาเลยสักนิด อ๋องสิบเอ็ดมู่หรงหมิงผู้ที่ไม่เคยเข้าใกล้สตรี วันนี้กลับถูกสตรีกระชากลากถู ทุกคนต่างให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากต่างก็อยากจะรู้ว่า สตรีใจกล้าผู้นั้นเป็นใครกัน
แต่ไม่ทันได้สังเกตุให้ดี เซียวรุ่ยองครักษ์ข้างกายของหมิงอ๋องก็รีบเดินเข้ามาบอกกล่าวแก่หลินลู่หยุนว่า "คุณหนูสามหลินทะ..."
ยังพูดไม่ทันจบ มู่หรงหมิงก็ยกมือขึ้นห้าม ทำให้เซียวรุ่ยนั้นผงะไป ทุกคนต่างก็รู้ว่า อ๋องซื่อเจิ้งมู่หรงหมิงนั้น ถูกเรียกว่าเสว่เยว่กงจื่อ เหตุผลหนึ่งเพราะว่าเขาใส่หยกขาวพระจันทร์เสี้ยวตรงหน้าผากระยิบระยับใสแวววับเป็นของดีที่หายาก
เหตุผลที่สองคือเขารักสะอาด ไม่ให้คนเข้าใกล้เกินห้าฉื่อและไม่สามารถทนกับความสกปรกได้เลยแม้แต่น้อย
แม้สาวงามอันดับหนึ่งของเมืองลั่วเฉินอย่างไป๋หลานบุตรสาวของไป๋เฉิงเสี้ยง ที่รู้จักกับหมิงอ๋องตั้งแต่เด็ก และมีความพิเศษกว่าคนอื่นๆ ยังไม่สามารถเข้าไปใกล้เขาในระยะห้าฉื่อได้เลย ต้องอยู่ห่างอย่างน้อยห้าฉื่อ ว่ากันว่าใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฏข้อนี้ ส่วนที่เลยมาจะหายไปในทันที เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายส่วนที่เหลือยังอยู่ ก็ควรอยู่ห่างจากหมิงอ๋อง อ๋องซื่อเจิ้งห้าฉื่อเสีย
เซียวรุ่ยชะงักงันไปเล็กน้อยแต่ครู่เดียวเขาก็กลับมาเป็นปกติ แล้วเดินตามไปยังรถม้าของมู่หรงหมิงไปเปิดผ้าม่านให้กับเขา
เมื่อเข้าไปในรถม้าหลินลู่หยุนไม่ได้สนใจสิ่งอื่นนางยกมือขึ้นช่วยมู่หรงหมิงดูอาการ
"ขอหม่อมฉันตรวจดูหน่อย" หลินลู่หยุนจับชีพจรของเขามืออีกข้างก็แตะไปที่กำไลหยกบนข้อมือจากนั้นก็เริ่มตรวจดูอาการให้เขาทันที
หลังจากนั้นนางก็คลายมือออกแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องนี่ท่านโดนพิษมาจากในครรภ์อย่างนั้นหรือเพคะ? " พูดจบนางก็ดึงมืออีกข้างของเขามาตรวจดูอีกครั้ง
จากนั้นคิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันมือที่จับชีพจรก็ค่อยๆผ่อนคลายแต่ยังไม่ได้ปล่อยมือ ริมฝีปากเล็กฉ่ำน้ำของนางขบเม้มเข้าหากัน คิ้วเรียวดำขมวดมุ่น เผยให้เห็นใบหน้าขาวใสไร้เครื่องประทินโฉมแต่งดงามราวกับผ่านการแต่งแต้มสีสันบนภาพวาดนั้นดูเคร่งเครียด
"พิษในร่างกายของท่านอ๋องนั้นอาศัยอยู่กับท่านอ๋องมาหลายปี ซึมซับเข้าสู่กระแสเลือดกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของท่านไปเสียแล้ว หลายปีมานี้ท่านอ๋องก็เพียงใช้ยาดีคอยสกัดพิษเอาไว้ ไม่เช่นนั้นร่างกายนี้ของท่านก็คงพังไปนานแล้ว" กล่าวจบนางหยุดคิดครู่หนึ่ง
จากนั้นมือเล็กนุ่มนิ่มของนางก็บีบมือเรียวของเขาแน่นขึ้น "ท่านอ๋องหม่อมฉันสามารถคิดค้นยาที่ระงับพิษในร่างกายของท่านได้ชั่วคราว ส่วนจะแก้พิษได้ทั้งหมดหรือไม่นั้นหม่อมฉันไม่แน่ใจ เพราะพิษในร่างกายของท่านนั้นช่างร้ายกาจยิ่งนักหม่อมฉันไม่เคยเจอมาก่อนเลยเพคะ”
มือที่อยู่ในชายเสื้อของมู่หรงหมิงกำแน่นเล็กน้อย หญิงสาวตรงหน้านี้รู้วิชาแพทย์จริงๆ และยังเก่งกาจเพียงนี้แต่นางจะช่วยเขาไปทำไมกัน?
"เจ้าจะช่วยข้าถอนพิษ?"
หลินลู่หยุนจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นของเขาพลันหัวใจก็อดเสียดายไม่ได้
"ท่านอ๋อง พระองค์ออกจะรูปโฉมงดงามปานนั้น หล่อเหลา สง่างามถึงเพียงนี้ หม่อมฉันเป็นหมอหากรู้วิธีรักษาหรือยื้อชีวิตของคนไข้ได้แต่เมินเฉยนั่งดูคนไข้ทรมาน และเสียชีวิตลงเช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าหมอแล้วนะเพคะ
และยิ่งเป็นคนไข้ที่...หล่อเหลาราวเทพเซียนเช่นท่านแล้วยิ่งต้องรีบเร่งหาทางรักษาแม้ว่าจะไร้หนทางก็ต้องพยายามจนสุดความสามารถข้าต้องรักษาท่านเอาไว้ให้ได้"
มู่หรงหมิงขมวดคิ้ว "เช่นนั้นคุณหนูสามหลินจะบอกว่า ถ้าหากว่าข้าอัปลักษณ์แล้วโดนวางยาพิษเจ้าก็จะไม่รักษาให้ข้าอย่างนั้นหรือ?"
"เอ๋...หม่อมฉันพูดเช่นนั้นหรือเพคะ? ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว หมอรักษาทุกคนจนสุดความสามารถนั่นเป็นเรื่องจริง แต่กรณีท่านอ๋องนี้ก็พิเศษหน่อยนั่นคือจะปล่อยให้พระองค์อายุสั้นก็น่าเสียดายแย่"
มู่หรงหมิงพิจารณาคำพูดของนางพร้อมกับพิจารณานางที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน นางมิใช่สตรีที่โดนท่านแม่ทัพเลี้ยงดูอย่างตามแต่ใจมาตลอดหรอกหรือ
นางไม่อยากเรียนหนังสือท่านแม่ทัพก็ไม่ให้ไป ขี่ม้ายิงธนูบ่นว่าเหนื่อยไม่อยากทำแม่ทัพก็ไม่ให้ทำ งานเย็บปักถักร้อย อักษร กลอน พิณนางก็ไม่สนใจสักอย่าง แม่ทัพหลินก็ไม่ขัดใจ
วันๆนางเอาแต่วิ่งไล่องค์รัชทายาท ซื้อของมาประเคนให้เขาจนคนรู้กันทั่วเมืองว่าบุตรสาวคนที่สามของแม่ทัพหลินนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจไร้แก่นสาร ไร้ประโยชน์ ทำอะไรก็ไม่ได้ แต่กลับคลั่งไคล้บุรุษหนักหนา
นางที่เป็นเช่นนี้ไปเรียนวิชาแพทย์มาจากที่ใดกันและรู้ได้อย่างไรกันว่าพิษของเขานี้มาจากที่ใด คนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงไทเฮา ฝ่าบาทและเสียนไท่เฟยเท่านั้นเช่นนั้นนางรู้ได้อย่างไรหรือนี่ก็คือความสามารถในการวิเคราะห์ของนางอีกอย่างหนึ่ง
"เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ เรื่องนี้คนนอกไม่เคยรู้มีคนรู้เพียงสี่คนและคนที่สี่ก็คือข้าและหากมีคนที่ห้ารู้และนำไปพูดต้องถูกตัดหัวเชียว"
"___" หลินลู่หยุนกลืนน้ำลาย ดวงตาหงส์เบิกกว้างจ้องมองไปที่เขา "นี่ต้องตัดหัวเชียว?"
"แต่อาการของท่านอ๋องที่หม่อมฉันตรวจพบบอกเอง เช่นนั้นก็ตัดศรีษะท่านอ๋องสิเพคะ!"
“คุณหนูหลิน ท่านสามารถช่วยถอนพิษให้ท่านอ๋องได้จริงหรือ? ขอร้องท่านช่วยท่านอ๋องด้วยเถิด หลายปีมานี้ท่านอ๋องนั้นทรมานยิ่งนัก?” เสียงของเซียวรุ่ยดังมาจากด้านนอกของรถม้าฟังดูช่างเคารพนบนอบเสียจริงๆ
เซียวรุ่ยนั้นเป็นองครักษ์ประจำตัวของมู่หรงหมิงมานานตั้งแต่เขาอายุสี่ขวบก็เข้าร่วมกองทัพแล้วจากนั้นอายุแปดขวบก็ถูกส่งตัวมายังองครักษหมิงเย่เพื่อเข้าฝึกการเป็นองครักษ์มือทอง
ตั้งแต่รู้จักกับท่านอ๋องมาเขาก็เห็นท่านอ๋องต้องทนทุกข์ทรมานแทบตายเพราะพิษร้ายในตัวทุกเดือน อยู่ไม่สู้ตาย เขานั้นปวดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เอิ่ม...ข้าเองก็ไม่ได้พูดเช่นนั้นหนอก เพียงแค่ตอนนี้ข้าสามารถยับยั้งพิษได้ สามารถทำให้ท่านอ๋องนั้นอยู่ต่อได้อีกหลายปี แต่ว่า..ข้าเองก็คุยโม้กับรัชทายาทเอาไว้ว่าสามสิบปี แต่ไม่เป็นไรขอเพียงมีข้าอยู่ไม่ว่าจะอีกกี่ปี ข้าจะหาทางคิดค้นสมุนไพรและยาถอนพิษให้กับท่านอ๋องให้ได้"
หลินลู่หยุนยกยิ้มบางๆดวงตาสดใสจ้องมองสบตาของมู่หรงหมิง
ในขณะที่สองมือของนางก็ยังคงกอบกุมมือของเขาอย่างลืมตัวมู่หรงหมิงเองก็ไม่ได้ดึงมือกลับ แต่กลับรู้สึกวางใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"แต่ว่าคนที่สามารถวางยาพิษท่านสามารถวางยาพิษสตรีมีครรภ์ได้ เรียกได้ว่าชั่วร้ายมากชั่วช้ามากเสียจริงๆ ” หลินลู่หยุนบ่นพึมพำอย่างเหม่อลอย
“เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทนอย่างนั้นหรือ?”
ทั้งๆ ที่มู่หรงหมิงพึ่งได้เจอหลินลู่หยุนเป็นครั้งแรก และไม่สนิทสนมกับนางเลย และยิ่งไม่รู้ว่าวิชาแพทย์ของนางเป็นอย่างไร แต่เขาบอกไม่ถูกว่าทำไมเขานั้นถึงได้เชื่อนางอย่างน่าประหลาดได้
"หรือเจ้าต้องการเป็นพระชายาของข้าจริงๆ?" มู่หรงหมิงนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้นางโต้เถียงกับองค์รัชทายาทเอาไว้เรื่องเสด็จอาสะใภ้อะไรนั่นเขาจึงโพล่งขึ้นมาอย่างตกตะลึงไม่ได้
หลินลู่หยุนหัวเราะคิกขึ้นมา "ท่านอ๋องท่านล้อหม่อมฉันเล่นแล้ว เรื่องก่อนหน้านี้ทำให้ท่านลำบากแล้วจริงๆ หม่อมฉันบอกแล้วแค่เสียดายความสง่างาม หล่อเหลาและความสามารถอันสูงส่งของท่านเท่านั้น
อีกอย่างนั่นก็เพราะหม่อมฉันเป็นหมอเมื่อเห็นคนป่วยก็ต้องช่วยรักษา ท่านอ๋องวางใจได้คำพูดเหล่านั้นหม่อมฉันพูดเพียงต้องการเอาชนะมู่หรงอานเท่านั้นเพคะ
อีกอย่างหม่อมฉันยังมีความใฝ่ฝันที่จะมีวันเวลาที่ได้ออกไปเที่ยวเล่นระหว่างภูเขาและแม่น้ำ ออกท่องยุทธภพรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยระหว่างทาง ดื่มเหล้าคนเดียวจนเมามาย ใช้ชีวิตอิสระเสรีในโลกกว้าง” หลินลู่หยุนตอบ
มู่หรงหมิงมองสตรีข้างๆ อย่างครุ่นคิด ไม่คิดเลยว่านางจะพูดจาถึงอิสระเสรีอย่างไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้ วันเวลาอย่างนั้นเขาเองก็เคยคาดหวังเช่นกัน
มู่หรงหมิงจ้องมองดวงตาใสกระจ่างสุกสกาวของนางที่ส่องประกายมั่นใจและหมายมาดเชื่อมั่น ในสิ่งที่นางพูดออกมา ทำให้มู่หรงหมิงนั้นมองเหม่อไปอย่างลืมตัว
....