บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 อ๋องอายุสั้น

หลังจากรับกระยาหารเสร็จฮองไทเฮาก็ตรัสขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า

"หยุนเอ๋อปีนี้เจ้าก็ปักปิ่นแล้วใช่หรือไม่?" 

หลินลู่หยุนครุ่นคิดทวนความทรงจำของเจ้าของร่าง จากนั้นนางก็เอ่ยตอบ "ทูลไทเฮา อีกสองเดือนเพคะ"

"ดีดี..หมิงเอ๋อปีนี้เจ้าก็ยี่สิบสี่แล้วอาการป่วยของเจ้านั้นไม่ดีขึ้นเลยหรือ?" เมื่อนึกถึงอาการป่วยของมู่หรงหมิงฮองไทเฮานั้นก็มีพระพักตร์ที่เศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด

หลินลู่หยุนหันหน้าไปมองมู่หรงหมิง นางนึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่จับโดนแขนของเขานั้นเส้นชีพจรของเขาไม่คงที่สั่นไหว ลมปรานพุ่งพล่านผิดปกติ ที่แท้เขาก็ป่วยนี่เอง

มู่หรงหมิงยกยิ้มอบอุ่นให้กับฮองไทเฮาอย่างที่ยากจะมีผู้คนได้พบเห็นรอยยิ้มและแววตาเช่นนี้บนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา 

"เสด็จแม่ อาการป่วยของลูกนั้นไม่กำเริบก็นับว่าดีมากแล้ว เสด็จแม่อย่าได้ทรงกังวลประเดี๋ยวจะประชวรเอาได้"

"เห้อ..ได้อย่างไรกันเจ้าอายุเพียงเท่านี้ความสามารถมากมายยากจะมีคนสู้ได้แต่หมอหลวงกลับ..."

"เสด็จแม่.." มู่หรงหมิงทอดมองฮองไทเฮาด้วยแววตาปวดใจ "กงกง พาไทเฮาไปพักผ่อนเถิด เสด็จแม่ทรงพักผ่อนก่อนเถิดพะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวจะประชวรเอาได้

ส่วนคุณหนูสามหลินเสด็จแม่วางพระทัยลูกจะส่งนางกลับจวนแม่ทัพด้วยตนเอง"

ฮองไทเฮาโบกมือให้คนทั้งสองเป็นสัญญาณว่าให้ออกไปหลังจากทั้งสองกล่าวลา หลินลู่หยุนก็ถอยออกมาเงียบๆ เดินเคียงข้างมู่หรงหมิงออกมาจากพระตำหนักเฟิงหยี

ในขณะที่หลินลู่หยุนกำลังครุ่นคิดว่าจะขอตรวจชีพจรให้เขาอย่างไรดีอยู่นั้นเมื่อมองอีกทีเขาก็เดินห่างนางออกไปหลายก้าวแล้ว นี่นางขาสั้นหรือเขาขายาวกันแน่เหตุใดถึงได้ทิ้งช่วงเร็วขนาดนี้ได้

"ไม่พบเจ้าสองเดือนเจ้าก็เปลี่ยนเป้าหมายใหม่แล้วหรือ? เห็นข้าไม่สนใจเจ้าก็ไปตามตื๊อเสด็จอาสิบเอ็ดของข้าแทน!"

องค์รัชทายาท?

หลินลู่หยุนหมุนกายกลับมามองไปยังชายหนุ่มผู้นั้นด้วยแววตาเรียบเฉย เมื่อมองรูปลักษณ์ของคนผู้นี้ร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมชัดใต้คิ้วกระบี่คือดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยร่องรอยแห่งความสูงส่ง ที่ส่องประกายราวกับดาวนำทาง

ผสมไปด้วยความเย็นชาและหยิ่งทะนง

ทันใดนั้นสายตาก็สบประสานดวงตาหรี่แคบ สายตาที่มองมาทางหลินลู่หยุนนั้นเต็มไปด้วยความดูถูก ท่าทางเช่นนั้นมีความโอ้อวดและภาคภูมิใจที่ได้อยู่เหนือกว่าผู้คนทั่วไป

สรรพร่างท่วมท้นไปด้วยความเย่อหยิ่งของเชื้อพระวงศ์ราวกับมังกรหยิ่งยโสที่กำลังโผบินบนนภา การที่อายุเพียงสิบหกปีแต่กลับได้ตำแหน่งสูงมาครอบครอง ย่อมมีบรรยากาศที่แตกต่างจนทำให้หญิงสาวต่างหลงใหล

องค์รัชทายาทผู้นี้ เป็นพระโอรสของฮ่องเต้และเสิ่นฮองเฮามีนามว่ามู่หรงอานฮ่องเต้และเสิ่นฮองเฮาดูใจกันตั้งแต่ทรงพระเยาว์วัย และสมรสกันในวัยหนุ่มสาว ความสัมพันธ์จึงลึกซึ้งสุดหยั่ง

นับตั้งแต่ที่มู่หรงอานประสูติ

เขาก็ได้ขึ้นเป็นรัชทายาทโดยตรง โดยที่ไม่มีการต่อต้านจากขุนนางฝ่ายใดเลย เติบโตในทุ่งดอกไม้ ชีวิตหรูหรามั่งคั่ง มีราชครูที่เก่งที่สุดคอยอบรม เรียนรู้หน้าที่ขององค์ชายที่เป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว

หญิงสาวในเมืองหลวงต่างใจเต้นให้กับองค์ รัชทายาทผู้นี้โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรมาก

เพียงแต่หลินลู่หยุนมองเห็นความ กระวนกระวายและความดูถูกอยู่ในแววตาของเขา ที่ไม่ได้มีการปกปิดแม้แต่น้อยหากใช้ใจมองไม่ว่าใครก็มองออกว่าในคำพูดของเขาเมื่อครู่นั้นมีการดูถูกซ่อนเร้นอยู่ รวมทั้งท่าทีรังเกียจที่เขาแสดงออกมาไม่ปกปิดมันเลยสักนิด

หลินลู่หยุนยิ้มเย็นอยู่ในใจ ชายผู้นี้ในตอนที่หลินลู่หยุนยังปกติดีเขาก็มีทีท่าว่ามีใจ แต่หลังจากนางโดนยาพิษผิดปกติ เขาก็ไม่รอช้าที่จะรังเกียจนาง พูดจาทำร้ายจิตใจนาง

มาวันนี้เห็นว่านางไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วและไม่ได้ตามติดตนเองเหมือนก่อนนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาดูถูกดูแคลนและใส่ร้ายนาง

เหอะ โชคยังดีที่มันกลายเป็นเธอหลินลู่หยุนคนใหม่คนนี้จึงไม่หลงเหลือความรู้สึกใดใดกับองค์รัชทายาทแล้ว

เมื่อเปรียบเทียบกับชายหนุ่มชุดขาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลแล้วองค์รัชทายาทนั่นสู้ความงดงามของเขาไม่ได้เลย ความงดงามสง่างามของเขานี้ราวกับดอกไม้ท่ามกลางสายหมอกท่ามกลาง แสงจันทร์ สวยงามจนเป็นที่ต้องตาของผู้คน

หลินลู่หยุนตวัดสายตาไปยังมู่หรงหมิงที่เวลานี้เขาหยุดก้าวเดินเพื่อมองมายังนางและมู่หรงอาน วันนี้มู่หรงอานได้หมั้นหมายกับหลินเจียเสวี่ย แต่ถ้าหากตนเองนั้นอยากจะอยู่เหนือหลินเจียเสวี่ยและมู่หรงอาน ทางเดียวที่ทำได้นั่นก็คือ..

หลินลู่หยุนหรี่ตามองไปยังมู่หรงหมิงจากนั้นนางก็ก้าวเดินตรงไปยังเขาแล้วยื่นมือออกไปเกาะแขนของมู่หรงหมิงเอาไว้แน่น

ท่ามกลางความตกใจของเหล่าขันทีและนางกำนัล แม้แต่มู่หรงอานยังตกตะลึง

"นี่เจ้า..." มู่หรงอานคิดไม่ถึงว่าหลินลู่หยุนจะมุทะลุเช่นนี้ นางไม่กลัวตายเลยหรืออย่างไรถึงได้กล้าประชิดเนื้อตัวของท่านอ๋องหมิงเช่นนี้

"อืม..ใช่แล้วหล่ะองค์รัชทายาทเข้าใจถูกต้อง วันนี้ท่านก็ได้หมั้นหมายกับคุณหนูสี่ตระกูลหลินแล้ว ข้าในฐานะคนรู้จักของพวกท่านทั้งสองคนก็ขออวยพรให้พวกท่านสมรสกันในเร็ววันนะเพคะ"

ในระหว่างที่พูดนางก็ต้องคอยลอบสังเกตหมิงอ๋องด้วยอยากจะรู้ว่าแท้จริงวีรบุรุษผู้นี้กำลังร่วมมือกับนางแสดงเป็นละครหรือจะสลัดนางออกไปทำให้นางขายหน้า

แต่เมื่อเห็นว่ามู่หรงหมิงยืนนิ่งไม่กล่าวอะไรหลินลู่หยุนก็ไม่เกรงใจเขาอีกต่อไป

"ท่านอ๋องหมิงเพคะ หากพวกเราสมรสกันแล้วเช่นนั้นองค์รัชทายาทต้องเรียกหม่อมฉันว่าเสด็จอาสะใภ้ใช่หรือไม่นะเพคะ?"

มู่หรงหมิงหรุบตาลงจ้องมองใบหน้างามของหญิงสาวในอ้อมแขน ครู่หนึ่งริมฝีปากบางของเขาก็ขยับ "ใช่!"

“หลินลู่หยุนเจ้าอย่ากำเริบเสิบสานให้มากนัก เสด็จอาของข้าล้มป่วย สุขภาพร่างกายอ่อนแอยากหาทางรักษา อย่างมากอยู่ได้อีกแค่สามปีเจ้า........” มู่หรงอานถูกความโมโหเกินจะควบคุมจึงได้หลุดคำพูดต้องห้ามเหล่านั้นออกมาครั้นเมื่อนึกได้ก็สายไปเสียแล้ว

บรรยากาศรอบกายถูกอายเย็นปกคลุม มู่หรงหมิงขมวดคิ้วดวงตามืดครึ้มขึ้นมาทันที

หลินลู่หยุนพอได้ยินคำว่า “อย่างมากอยู่ได้อีกแค่สามปี” เดิมที่คิดจะผละออกจากแขนของมู่หรงหมิงพลันนางเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็พบว่าเขานั้นก็กำลังขมวดคิ้วมองนางอยู่เช่นเดียวกัน

ฉับพลันอย่างไม่คาดคิดหลินลู่หยุนก็กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ชายผู้มีความโดดเด่น สูงส่งตรงหน้าของนางนี้หากมีอายุอยู่ได้อีกเพียงสามปีจริงๆช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ดวงตาของเขาที่ทอดมองมาที่นางนั้นดูเศร้าหมองลงไปเป็นอย่างมาก มีใครบ้างไม่อยากมีอายุยืนยาว

"ทำให้องค์รัชทายาทผิดหวังเสียแล้ว มีข้าหลินลู่หยุนอยู่ข้าจะทำให้หมิงอ๋องอยู่ต่อไปอีกสามสิบปีเป็นอย่างไร สามีในอนาคตของข้าหลินลู่หยุนจะอายุสั้นนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรกัน"

กล่าวจบหลินลู่หยุนยกยิ้มให้กับเขาดวงตาของนางใสกระจ่างสะอาด เหมือนดวงดาวสกาวสุกใส ฉายแววเชื่อมั่นและมั่นใจออกมาประหนึ่งว่า นางมั่นใจว่าจะต้องทำให้เขามีอายุอยู่ต่อไปได้อีกสามสิบปีจริงๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงหมิงเห็นแววตามุ่งมั่นเช่นนี้ในตัวสตรีผู้หนึ่ง เขาไม่รู้หรอกว่าในคำพูดของนางนั้นเชื่อถือได้มากเพียงใดแต่แววตาของนางกลับทำให้เขาเชื่อว่านางสามารถทำได้อย่างสนิทใจ หลินลู่หยุน นางที่อยู่เบื้องหน้านี้น่าสนใจยิ่งนัก

"หลินลู่หยุนเจ้าอย่าได้พูดเล่นนะ ขนาดหมอเทวดายังไม่สามารถรักษาพระอาการป่วยของเสด็จอาได้เลย แล้วเจ้ามีความสามารถอันใด?"

หลินลู่หยุนยกยิ้มมุมปาก "หมิงอ๋องคือว่าที่สามีของหม่อมฉันในอนาคต มีอะไรให้น่าล้อเล่นกัน ต่อไปองค์รัชทายาทคงต้องเรียกหม่อมฉันว่า..เสด็จอาสะใภ้สิบเอ็ดแล้วนะเพคะ"

"หลินลู่หยุน สตรีไร้ยางอายเจ้าช่าง..."

หลินลู่หยุนไม่อยู่ฟังมู่หรงอานพล่ามนางรีบดึงหมิงอ๋องเดินออกไปจากพระราชวัง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังหลวงไม่นานข่าวคราวก็ถูกเผยแผ่ออกไปเป็นวงกว้าง

ฮองไทเฮาเบิกเนตรกว้างแย้มสรวญออกมาอย่างมีความสุข "อาไห่ ข้าเห็นตั้งแต่สองคนนั้นเดินเข้ามาพร้อมกันแล้วช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก มาเจ้ามานี่..." 

ที่พระตำหนักจรุงจิตร ฮ่องเต้มู่หรงหยินที่ได้ยินสวีกงกงเล่าถึงเหตุการณ์พระองค์ก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะตรัสถาม

"เดิมทีหมิงอ๋องเป็นผู้ที่รักความสะอาดเป็นอย่างมาก รักษาระยะห่างจากผู้คนถึงสามชุ่นตลอดเวลา แล้วเหตุใดถึงยอมให้บุตรสาวคนที่สามของแม่ทัพหลินแตะต้องสัมผัสกายได้เล่า?"

สวีกงกงครุ่นคิด "ข้าน้อยก็ยังแปลกใจ แต่ฝ่าบาทบุตรสาวคนที่สามของแม่ทัพหลินนั้นดูฉลาดเฉลียว ทั้งยังสง่างามกว่าเมื่อก่อนมากยิ่งนักหากหมิงอ๋องยินยอมสมรสกับนางก็ใช่ว่าจะมิได้นะพะย่ะค่ะ"

ฮ่องเต้มู่หรงหยินถอนหายใจ "แต่หมิงเอ๋ออยู่ได้อีกเพียงสามปีเท่านั้น จะไม่เป็นการทำร้ายนางหรอกหรือ?"

...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel