ตอนที่ 5 อ๋องซื่อเจิ้ง
“แค่กแค่ก…” มู่หรงหมิงถูกหญิงสาวรูปโฉมงดงามตรงหน้าจ้องมองพลันเขาก็ส่งเสียงไอค่อกแค่กออกมา เขาพึ่งเคยถูกสตรีใจกล้าจ้องมองเช่นนี้เป็นครั้งแรก
"คุณหนูสามหลิน..." สวีกงกงเห็นหลินลู่หยุนจ้องมองหมิงอ๋องเช่นนั้นเขาก็เอ่ยเตือน หมิงอ๋องมู่หรงหมิงเป็นอ๋องซื่อเจิ้งที่ฮองไทเฮาและฮ่องเต้โปรดปรานรักใคร่มากที่สุด คุณหนูสามผู้นี้จะจดจ้องเช่นนี้ได้เหรอ
หนึ่งอย่าได้จ้องมองใบหน้า สองให้อยู่ห่างจากพระองค์สามชุ่น นี่คือกฎตายตัวของหมิงอ๋องไม่มีผู้ใดไม่กล้าปฏิบัติตามได้
ถึงแม้ว่าเวลานี้หมิงอ๋องนั้นจะมีพระวรกายที่อ่อนแอ เจ็บป่วยแต่ก็ดุร้ายเด็ดขาด อำมหิตยิ่งนักจนเป็นที่เลื่องลือ ดังนั้นเหล่าสตรีชั้นสูงของเมืองลั่วเฉิงถึงจะรักใคร่ชื่นชมรูปโฉมของอ๋องซื่อเจิ้ง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลยสักคน
อีกทั้งรอบกายของพระองค์นั้นก็ยังมีองครักษ์เงาที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมแฝงเร้นอยู่มีใครบ้างในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่รับรู้
หลินลู่หยุนถูกสวีกงกงเรียกเตือนนางก็ได้สติกลับมา ก้มหน้าทำความเคารพตามประเพณี "ถวายบังคมอ๋องซื่อเจิ้ง ลู่หยุนเสียมารยาทขอท่านอ๋องโปรดอภัยเพคะ"
มู่หรงหมิงมองไปที่หญิงสาวตรงหน้านี้อย่างพิจารณา เมื่อหลายวันก่อนนางยังมีรูปร่างอวบอยู่บ้างแต่เวลานี้รูปร่างผอมบางนี้ของนางนั้นก็ทำให้เขาประหลาดใจ ยิ่งใบหน้ารูปโฉมของนางที่ไร้เครื่องประทินโฉมก็งดงามไม่เหมือนใคร
ภายในระยะเวลาสองเดือนหญิงสาวผู้หนึ่งเปลี่ยนแปลงตัวเองได้มากขนาดนี้ ได้อย่างไร?
มู่หรงหมิงยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ดวงตาทุ้มลึกจับจ้องไปที่คนเบื้องหน้า “ข้าไม่ถือสาแน่นอนเพราะไม่ได้มีเพียงเจ้าที่จ้องมองข้าเช่นนี้”
"__" โอ้อวดสินะ โอ้อวดว่าตนหล่อมากสินะ เหอะเหอะ
"เชิญอ๋องซื่อเจิ้ง คุณหนูสามหลิน" ไห่กงกงเดินออกมาจากพระตำหนัก โค้งคำนับมู่หรงหมิงพร้อมกับเอ่ยเชิญคนทั้งสองให้เข้าไปด้านใน
หลินลู่หยุนไม่พูดอะไรอีกนางก้มหน้าลงรอให้มู่หรงหมิงเดินผ่านเข้าไปก่อนนางค่อยก้าวเดินตามเข้าไป จะให้ทำอย่างไรได้เมื่อมาอยู่ในยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่แล้วตนเองก็ทำได้เพียงเดินตาม
เนื่องจากยามนี้เป็นเวลาที่เหล่าองค์หญิงและองค์ชายเข้ามาถวายน้ำชาอวยพรแด่ฮองไทเฮา ดังนั้นด้านในจึงยังมีเหล่าองค์ชายหลงเหลืออยู่เพื่อพูดคุยกับฮองไทเฮา
มู่หรงหมิงก้าวเดินเข้าไปด้านในอย่างช้าๆโดยมีหลินลู่หยุนก้าวเดินตามเข้ามา หากจะบอกว่าไม่ตื่นเต้นเลยนั้นก็คงจะเป็นการโกหกคำโต หลินลู่หยุนพยายามสงบสติอารณ์ไม่ให้แสดงท่าทีที่ตื่นตระหนกออกมา
นางก้าวขาเดินตามมู่หรงหมิงเข้าไปโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผู้ใด
"ด้านหลังของเสด็จอาสิบเอ็ดเป็นใครกัน สตรีผู้นั้นคือผู้ใด?" จู่ๆก็มีเสียงถามดังขึ้นมา
ในตอนที่เดินเข้ามาหลินลู่หยุนให้เกียรติตำแหน่งอ๋องซื่อเจิ้งของมู่หรงหมิงให้เขาเดินนำหน้าก่อนนางนั้นเป็นเพียงสตรีสามัญบุตรสาวขุนนางก็เดินตามไปด้านหลัง แต่เมื่อเดินก็มีเสียงคนเอ่ยถามเช่นนี้มู่หรงหมิงก็พลันนึกได้ก็หยุด แล้วหันมา ทำให้หลินลู่หยุนนั้นชนเข้าอย่างจัง
หน้ามืดขึ้นมาทันที ร่างทั้งร่างของนางเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขามือของนางก็ยังจับไปที่ข้อมือของเขาแน่น เมื่อได้กลิ่นหอมของไม้กฤษณาปะทุเข้ามาในจมูกทำให้หลินลู่หยุนตกใจได้สติรีบถอยห่างแล้วรีบโน้มตัวลง “ขออภัยท่านอ๋องหม่อมฉันซุ่มซ่ามไปเองเพคะ"
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้าคุณหนูหลิน ดูเจ้าแล้วก็ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรซุ่มซ่าม มาเดินข้างๆนี่เถอะอย่าได้ไปเดินตามหลังของข้าอยู่เลย"
มู่หรงหมิงเห็นนางยังคงโค้งคำนับอยู่ก็ยื่นมือที่ขาวสะอาดและสวยงามออกไปแตะแขนของนางให้ลุกขึ้น หลินลู่หยุนนึกได้ก็ลุกขึ้นแล้วรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย
ทําไมถึงชนเข้าได้ หันกลับมาทำไมหรือ?
มู่หรงหมิงมองไปที่หลินลู่หยุนที่ลมหายใจลอยๆ รู้สึกตลกแล้วยื่นมือออกไป
หลินลู่หยุนมองดูมือที่ขาวสะอาดและงดงามที่อยู่ตรงหน้านางก็เงยหน้าขึ้น “ท่านอ๋อง? ”
"ก่อนนี้เจ้าก็เข้าเฝ้าไทเฮาออกจะบ่อย เหตุใดวันนี้ถึงประหม่า มาเดินข้างหน้านี่เถิด" หลินลู่หยุนมองดูมือของเขาแล้วรู้สึกว่าช่างเป็นบุรุษที่รูปงามมากจริงๆ แม้แต่มือยังสวยงามขนาดนี้
หลินลู่หยุนโน้มตัวยื่นมือไปแตะที่มือของเขาเล็กน้อยแล้วยืดตัวตรงก้าวขาเดินขึ้นหน้ามายืนอยู่ด้านข้างของเขา
การกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นแม้จะอยู่ไกลจากคนด้านในแต่ทุกคนก็เห็นได้ว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นและเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นทุกคนต่างก็ตกตะลึง สามชุ่นมิใช่หรือห้ามเข้าใกล้ไม่ใช่หรือ?
เสด็จอามิใช่ว่ารักความสะอาดมาก ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้มิใช่หรือแล้วนั่นคือผู้ใด?
"แม่นางผู้นั้นคือใครช่างพิเศษไม่ธรรมดาจริงๆ "
"แต่ข้าดูแล้วคุ้นๆนะ" เสียงพูดคุยกันค่อยๆดังขึ้น หลินลู่หยุนก้าวเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับมู่หรงหมิง
เมื่อสังเกตุดูแล้วด้านในก็ไม่ได้มีเพียงฮองไทเฮาเท่านั้น ยังมีองค์ชาย องค์หญิงและสตรีสูงศักดิ์ที่นางไม่รู้จักนั่งอยู่
โดยตรงกลางเป็นสตรีที่มีอายุประมาณห้าสิบปีแต่ยังคงสวยงามและสูงส่ง รอบกายแผ่ไปด้วยกลิ่นอายความสูงศักดิ์ ในความทรงจำผู้นี้คือไทเฮา
ส่วนด้านข้างเป็นหญิงชราเช่นเดียวกันแต่ในความทรงจำนั้นไม่มี
ด้านข้างทางซ้ายมีองค์หญิงใบหน้าจิ้มลิ้มพระองค์หนึ่งนั่นคือองค์หญิงสี่ธิดาของฝ่าบาทและเสียนเฟยถัดไปจากนางก็คงเป็นเสียนเฟยกระมัง
ส่วนทางด้านขวาก็เป็นองค์ชายรองและองค์ชายสามและยังมีอีกคนที่จ้องมองนางราวกับเข็ม
"ถวายบังคมไทเฮา ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีพะย่ะค่ะ/เพคะ"
ทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ฮองไทเฮาแย้มสรวญ วาดมือออกไปหนึงครั้ง "ที่นี่ไม่มีคนอื่นพวกเจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ"
"ขอบพระทัยเพคะ/พะย่ะค่ะ"
"เสด็จอา" เหล่าองค์หญิงและองค์ชายเอ่ยทักทายมู่หรงหมิง
"เสด็จอา พี่สาวคนสวยผู้นั้นคือผู้ใดเพคะ" เสียงใสหวานขององค์หญิงมู่หรงอิ๋นเอ่ยถาม มู่หรงหมิงขบเม้มริมฝีปากบางตวัดสายตากลับมามองหลินลู่หยุนแล้วหันไปมองฮองไทเฮา
"ข้าจำได้แล้ว นางก็คือคุณหนูสามตระกูลหลิน "
"ใช่แล้วเหตุใดนางถึงได้ผอมแล้วเล่า?"
เสียงเหล่าองค์ชายทางด้านข้างเอ่ยขึ้น ท่ามกลางหมู่คนที่พูดคุยมีเพียงองค์ชายผู้สง่างามโดดเด่นผู้หนึ่งไม่พูดไม่จา สายตาของเขาจดจ้องหลินลู่หยุนตั้งแต่นางเดินเข้ามาจนไม่อาจละสายตาไปได้ มู่หรงอานองค์รัชทายาทผู้สูงส่งนั่นเอง
คิ้วดาบของเขาขมวดมุ่นดวงตาเรียวคู่นั้นนั้นแฝงเต็มไปด้วยความอึมครึมเคร่งเครียด คาดไม่ถึงไม่เจอนางเพียงสองเดือนหลินลู่หยุนกลับกลายเป็นคนละคน นางที่เคยอ้วนน่ารังเกียจจะงดงามมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เหล่าองค์ชายต่างพูดคุยชื่นชมถึงความงดงามของหลินลู่หยุนไม่หยุดปาก จู่ๆมู่หรงอานก็รู้สึกหงุดหงิด
"งดงามแล้วอย่างไร นางก็ยังคงเป็นหญิงโง่น่ารังเกียจคนนั้นอยู่ดี" กล่าวจบเขาก็หันไปหาไทเฮา
"เสด็จย่า เวลาไม่เช้าแล้วหลานค่อยมาถวายพระพรเสด็จย่าใหม่ วันนี้เสด็จย่ามีแขกหลานขอทูลลาพะย่ะค่ะ " กล่าวจบเขาก็หันไปหามู่หรงหมิง "เสด็จอาหลานทูลลาพะย่ะค่ะ"
"อืม พวกเจ้าก็ออกไปเถอะ" ตรัสจบฮองไทเฮาก็ยกยิ้มทอดพระเนตรหลินลู่หยุน "หยุนเอ๋อเจ้าเข้ามาใกล้ๆให้ข้าดูสักหน่อยเถอะอาการป่วยของเจ้าหายดีแล้วหรือยัง?"
หลินลู่หยุนเดินผ่านมู่หรงอานไปโดยที่นางไม่หันไปมองเขาเลยสักนิด มู่หรงอานขมวดคิ้ว นี่คงจะเสแสร้งแกล้งปล่อยเพื่อจับใช่หรือไม่เขาจะคอยดูว่า นางจะไม่สนใจเขาไปได้สักกี่วันกัน
ทุกคนในห้องโถงออกไปแล้วหลินลู่หยุนนั้นถึงได้เดินเข้าไปนั่งลงที่ด้านข้างของฮองไทเฮาโดยมีมู่หรงหมิงเดินตามไปนั่งลงเก้าอี้ด้านข้างนาง แม่นมที่อยู่ด้านข้างก็รินน้ำชาให้คนทั้งสองอย่างระมัดระวัง
ฮองไทเฮายื่นมืออันขาวซีดของนางมากอบกุมมือของหลินลู่หยุน ความอบอุ่นที่ส่งทอดออกมาทำให้ความประหม่าในใจของหลินลู่หยุนในก่อนนี้ก็มลายหายไป
"เด็กน้อยเจ้าเป็นอย่างไรบ้างไม่มาหาคนแก่อย่างข้าบ้างเลย"
"ก่อนนี้ร่างกายของลู่หยุนผิดปกติ เกิดจากการเจ็บป่วยที่เข้ามาอย่างกระทันหันร่างกายบวมและสมองเลอะเลือนจนไม่สามารถควบคุมได้
แต่เวลานี้ลู่หยุนหายดีแล้ว ลู่หยุนจะเข้าวังมาถวายพระพรไทเฮาบ่อยๆนะเพคะ"
ฮองไทเฮาแย้มสรวญอย่างพอพระทัย "ดี ดี เช่นนั้นวันนี้ก็อยู่รับสำรับกันก่อนก็แล้วกัน อ้อ ดูสิเลอะเลือนใครบางคนไปแล้ว"
ตรัสจบฮองไทเฮาก็ปรายเนตรมองไปยังโอรสของพระองค์ "หมิงอ๋องวันนี้เจ้าก็อยู่เสวยกับแม่ก่อนจากนั้นก็ไปส่งหยุนเอ๋อที่จวนแม่ทัพให้แม่ด้วยแล้วกัน"
สีหน้าของมู่หรงหมิงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าภายในใจนั้นจะรู้สึกถึงความผิดปกติอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าวันนี้ที่เขาถูกพระนางเรียกเข้าวังมานั่นเป็นเพราะคิดจะจับคู่ให้เขาแล้วใช่ไหม?
...