ตอนที่ 4 พบเจอหนุ่มรูปงาม
หลินลู่หยุนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากนี่นับว่าเป็นวิชาการฝังเข็มทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเลยก็ว่าได้
บอกเลยนะว่านี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว! ถ้ามีสิ่งนี้เธอก็จะสามารถปกป้องตัวเองได้ดีขึ้น และทำมาหากินได้ด้วย! สุดยอด!
หลังจากนั้นหลินลู่หยุนก็เดินเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง เธอไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้สำรวจทั่วทุกห้องได้อีกต่อไป เธอเข้าใจดีว่าตัวเองเคยเห็นโลกมาเยอะ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจกับของจำนวนมากมายที่อยู่ในห้องนี้อยู่ดี
ภายในห้องมีทั้งสมุนไพรนับไม่ถ้วน หนังสือการแพทย์โบราณแถมยังมีของอื่นๆ อยู่อีก ดูๆ แล้วของพวกนี้เป็นของที่มีมูลค่าสูงมากทีเดียว
ในขณะที่เธอกำลังเปิดดูตำราแพทย์พันพิษอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ด้านนอกดังเข้ามา หลินลู่หยุนรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในบ้านหลังนี้นานเกินไปเกรงว่าโตวโตวจะเข้ามาพบจึงคิดว่าตัวเองควรออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยหาเวลากลับมาศึกษาที่นี่อย่างละเอียดภายหลัง
ทันทีที่หลินลู่หยุนออกมาจากมิติเธอได้มองดูด้านนอกหน้าต่างก็พบว่าเวลานั้นล่วงเลยไปไม่ถึงหนึ่งเค่อเท่านั้นเอง ดังนั้นช่วงเวลาในมิติแตกต่างกันสิบนาทีงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าพื้นที่นี้จะมีข้อดีอยู่ไม่น้อยเลยนะนี่ช่างดีจริงๆ
หลินลู่หยุนยกกำไลหยกเคลือบที่แขนขึ้นมาดูอีกครั้งก่อนนี้เธอพยายามถอดหลายครั้งก็ถอดไม่ออกนั่นเป็นเพราะเป็นกำไลมิตินี่เองคาดว่าเจ้าของร่างนี้ก็คงจะไม่ทราบเช่นเดียวกันว่ากำไลนี้มีที่มาอย่างไร
พูดไปเจ้าของร่างเก่านางก็ไม่ได้เข้าใจอะไรในโลกมากนัก เพราะจิตใจมัวแต่ฝักใฝ่แต่เรื่องอันหาสาระไม่ได้ พอเห็นคนหล่อก็ลืมเลือนทุกอย่างชนิดไม่รู้เหนือใต้ จะมานึกถึงสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน แล้วยังเป็นเพราะว่านางโดนพิษจึงไม่อาจนั่งเรียนหนังสือได้ดังนั้นนางจึงไปเข้าชั้นเรียนที่สถานศึกษาได้แค่สองครั้งก็ไม่ไปอีกเลย
แม่ทัพหลินก็ไม่ได้บังคับนางเพราะมีเหยาซื่อคอยชักใยตามตามใจในเรื่องผิดๆ นางไม่อยากไป พวกเขาก็ไม่บังคับเลย จนทำให้นางกลายเป็นคนไม่รู้หนังสือโดยสมบูรณ์!
เช้าวันต่อมาพระราชโองการหมั้นหมายระหว่างองค์รัชทายาทและหลินเจียเสวี่ยก็ถูกประกาศออกมา มีกำหนดสมรสในอีกเจ็ดเดือนข้างหน้านั่นคือสิบเอ็ดเดือนเก้า
เวลานี้หลินลู่หยุนกำลังนอนแช่น้ำพุจิตวิญญาณอยู่ในมิติอย่างสบายใจจู่ๆที่ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกของโตวโตวดังขึ้น
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ!"
หลินลู่หยุนลุกขึ้นยืนก้าวขาออกมาพลางชุดที่ร่างของนางก็ปรับเปลี่ยนเป็นสีม่วงขาวขับผิวที่เปล่งปลั่งของนางให้ดูขาวผ่องสวยดุดันขึ้นมา
"มีเรื่องอะไร?" หลินลู่หยุนพูดพลางกับเปิดประตูออก โตวโตวที่กำลังจะมาฟ้องเมื่อเห็นคุณหนูของตนฉับพลันนางก็ตกตะลึงดวงตาเบิกกว้าง
"คะ คุณหนู เหตุใดท่านถึงได้งดงามเพียงนี้เจ้าคะ คุณหนูท่านเป็นมนุษย์ใช่หรือไม่เจ้าคะ ไม่ใช่เซียนสาวลงมาจุติใช่หรือไม่?"
หลินลู่หยุนยกนิ้วชี้เคาะไปที่หน้าผากของโตวโตวหนึ่งที ดวงตาหงส์หรุบลง
"ตกลงเจ้ามีเรื่องอะไร?"
เอื๊อก...โตวโตวหายใจไม่ทัน เมื่อถูกเอ่ยถามความตั้งใจเดิมจึงผุดขึ้นมา "พระราชโองการเจ้าค่ะ ของคุณหนูสี่กับองค์รัชทายาท หมั้นหมายกันแล้วเจ้าค่ะ!"
ใบหน้าของหลินลู่หยุนเฉยเมย ไม่เปลี่ยนแปลง "แล้วอย่างไร เกี่ยวอะไรกับข้า?" นางเอ่ยถาม
อ่า...โตวโตวกระพริบตา "คุณหนูท่านไม่เสียใจหรือเจ้าคะ?"
"ทำไมข้าต้องเสียใจ พวกเขาหมั้นหมายกันเกี่ยวอันใดกับข้าล่ะ เวลานี้พวกเขาคงกำลังตื่นเต้นดีใจเช่นนั้นพวกเราก็ออกไปเที่ยวกันเถอะ"
"ห๊ะ? ไปเที่ยวหรือเจ้าคะ?" โตวโตวผู้ที่ไม่เคยออกไปไหนเลยเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นดีใจ
"ไปเที่ยวสิ ฉลองกันสักหน่อยที่พวกเขาจะได้สมหวัง แต่ก่อนที่จะไปฉลองต้องหาเงินสักถุงหนาๆ..." หลินลู่หยุนหรี่ตาลงจากนั้นนางก็ก้าวเดินออกจากเรือนไผ่ไปทางห้องโถงใหญ่ทันที
หลินลู่หยุนเดินมาถึงห้องโถงใหญ่เวลานี้คนในจวนวันนี้มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้ากันหมดรวมทั้งแม่ทัพหลินก็อยู่ด้วย
ทันทีที่หลินลู่หยุนเดินมาถึง กงกงผู้นำราชโองการมาประกาศหันมาพบนางเข้าพอดี จากนั้นเขาก็ยกยิ้ม "นี่คงเป็นคนหนูสามหลิน"
หลินลู่หยุนประสานมือโค้งศรีษะเล็กน้อย "กงกง เป็นหยุนเอ๋อเองเจ้าค่ะ"
"งดงามยิ่งนัก .. คุณหนูสามฮองไทเฮามีรับสั่งให้ท่านนั้นเข้าเฝ้า ยามนี้ไม่เช้าแล้วไปด้วยกันเลยก็แล้วกัน แม่ทัพหลินฮูหยินข้าน้อยขอลา"
กล่าวจบกงกงก็เดินนำหลินลู่หยุนออกไปแต่ หลินลู่หยุนยังคงยืนมองกงกงอย่างงุนงง
"เจ้ามัวยืนทำอะไร ยังไม่ตามกงกงไปอีก!" แม่ทัพหลินเอ่ยกับบุตรสาว
ทันทีที่หลินลู่หยุนปรากฎตัวในคราแรก ทุกคนในลานต่างก็ตกตะลึงไปแล้ว เมื่อได้ฟังรับสั่งของฮองไทเฮาที่กงกงเอ่ย ก็เป็นเรื่องราวให้ต้องตกตะลึงเป็นครั้งที่สอง
เขาก็ไม่รู้ว่าบุตรสาวคนที่สามที่ก่อนนี้อ้วนเป็นแม่หมูจู่ๆก็ผอมเพรียวร่างอ้อนแอ้นเช่นนี้ได้อย่างไร หนำซ้ำใบหน้าของนางงดงามเป็นอย่างมาก ทำให้เขาพลันนึกถึงฮูหยินเอกมารดาของนางขึ้นมาทันที
หลินลู่หยุนกระพริบตาก้าวขาเดินตามกงกงออกไป กงกงเปิดผ้าม่านออก "เชิญคุณหนูสามหลินขึ้นรถม้า"
"กงกงเกรงใจเกินไปแล้ว" หลินลู่หยุนรีบก้าวขาขึ้นรถม้าตามกงกงเข้าวังไปในทันที
ภายในห้องโถงตระกูลหลินหลังจากที่หลินลู่หยุนออกไปแล้วทุกคนที่ตกอยู่ในภวังค์ต่างก็เริ่มซุบซิบกันขึ้นมา
"นั่นคุณหนูสามจริงๆหรือ?"
"ตั้งแต่ที่คุณหนูสี่ให้บ่าวทุบตีคุณหนูสามครานั้นคุณหนูสามก็ขังตัวเองอยู่แต่ในเรือนไผ่มีเพียงนางเด็กโตวโตวที่เข้าออกเรือน"
"เดือนที่แล้วคุณหนูสามก็ผอมแล้วแต่ไม่ได้ผอมและสวยงามมากเท่าวันนี้"
"นี่เรียกว่า..งามล่ม...."
"พวกเจ้าไม่มีงานทำหรืออย่างไร ไสหัวออกไปทำงานให้หมดเลยนะ!" หลินเจียเสวี่ยที่ทนคำเยินยอของบ่าวรับใช้พูดถึงหลินลู่หยุนไม่ได้ก็ตวาดแว้ดออกมาจนลืมภาพลักษณ์คุณหนูสี่ผู้แสนดีต่อหน้าท่านแม่ทัพหลินไป
แม่ทัพหลินขมวดคิ้ว "นายท่านฮองไทเฮารับสั่งให้ลู่หยุนเข้าเฝ้าเรื่องนี้ท่าน..." เหยาซื่อเอ่ยถามอย่างร้อนรน
ก่อนนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าฮองไทเฮากับฮูหยินเอกจวนแม่ทัพนั้นมีความสัมพันกันดีมากเพียงใด และพอฮูหยินเอกแม่ทัพหลินเสียชีวิตลงฮองไทเฮาก็โปรดปรานหลินลู่หยุนเป็นอย่างมากแต่ระยะหลังสองปีกว่ามานี้เนื่องจากหลินลู่หยุนล้มป่วยสติไม่ค่อยดีเหมือนก่อนนี้นางจึงห่างเหินฮองไทเฮาไป
แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
แม่ทัพหลินมองเหยาซื่อดวงตาเย็นชาวาบผ่านไป "ก่อนนี้ไทเฮาก็ทรงโปรดปรานหยุนหยุนไม่ใช่เหรอ มีอันใดแปลกกัน"
กล่าวจบแม่ทัพหลินก็เดินออกจากจวนไป หลินเจียเสวี่ยกระทืบเท้าก่อนจะโวยวายขึ้นมา "ท่านแม่เดิมทีวันนี้ควรจะเป็นวันที่ทุกคนชื่นชมยินดีไปกับลูกมิใช่หรือที่ในที่สุดองค์รัชทายาทก็ได้หมั้นหมายกับลูกแล้ว แต่เหตุใดทุกคนถึงได้เอาแต่กล่าวถึงยัยหลินลู่หยุนหน้าไม่อายนั่นกันเล่าเจ้าคะ ท่านแม่..."
เหยาซื่อตีมือของนางเบาๆ "เสวี่ยเอ๋อเวลานี้เจ้ามีอะไรต้องไปสนใจนางกัน เจ้าเป็นถึงคู่หมั้นองค์รัชทายาท พระชายาองค์รัชทายาทในอนาคต เวลานี้ทุกคนทั่วเมืองหลวงต่างหากที่ต้องอิจฉาเจ้า ไปเถอะไปพักผ่อนสักหน่อย แม่จะสอนเจ้าถึงการวางตัวแต่เนิ่นๆกัน"
หลินเจียเสวี่ยยกยิ้มเขินอาย ใบหน้าเรียวเล็กของนางขึ้นสีระเรื่อทำให้นางดูน่าทะนุถนอมมากยิ่งขึ้นเหยาซื่อมองดูด้วยสายตารักใคร่
หลินลู่หยุนเดินตามสวีกงกงมายังพระตำหนักเฟิงหยีของฮองไทเฮาอย่างคุ้นเคย ที่บอกว่าคุ้นเคยนั้นก็คงจะเป็นเพราะว่าฮองไทเฮานั้นโปรดปรานเจ้าของร่างเดิมนี้เป็นอย่างมาก
ดังนั้นเมื่อสองปีก่อนเจ้าของร่างเดิมนี้เดินทางเข้าออกวังเฟิงหยีของฮองไทเฮากับจวนแม่ทัพอยู่บ่อยครั้ง จนผู้คนต่างก็พูดถึงการหมั้นหมายของนางและองค์รัชทายาทกันหนาหู
ทำให้จิตใจของหญิงสาวค่อยๆเอนเอียงและพึงพอใจองค์รัชทายาทในคราแรกองค์รัชทายาทก็มีทีท่าชอบพอนางเช่นกันแต่หลังจากนั้นนางก็โดนเหยาซื่อวางยาและกลายเป็นหญิงสาวร่างอ้วน สมองทึบโง่เง่าเกียจคร้านกลายเป็นที่รังเกียจและขยะแขยงสำหรับเขา
หลินลู่หยุนมองดูพระตำหนักสีทองอร่ามล้อมรอบด้วยสวนดอกไม้นานาพรรณให้ความร่มรื่นและกลิ่นหอมอ่อนๆลอยตามลมมา
"คุณหนูสามหลินเชิญเข้าไปข้างในเถิด ข้าน้อยต้องกลับพระตำหนักจรุงจิตรแล้ว" สวีกงกงกล่าวจบเขาก็หมุนตัวเพื่อจะเดินออกไป
พระตำหนักจรุงจิตเป็นพระตำหนักของฮ่องเต้ดังนั้นสวีกงกงก็เป็นกงกงของฮ่องเต้?
แต่ทันใดนั้นเขาก็โค้งคำนับลงอย่างนอบน้อม"ถวายบังคมอ๋องซื่อเจิ้ง"
หลินลู่หยุนขมวดคิ้วหันกลับไปมองสวีกงกงอีกครั้งสายตาของนางก็พบเข้ากับชายคนหนึ่งที่กำลังก้าวเดินมาทางเธอ เขาสวมชุดสีขาวไข่มุกปักลวดลายเมฆเมฆาด้วยดิ้นทองคำ
ผมดำขลับของเขาถูกรวบขึ้นกลางศรีษะสวมใส่กวานเอาไว้อย่างสง่างาม ส่วนผมที่ไหลลู่ลงมาสีดำหมึกนั้นส่งผลให้ใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลามากอยู่แล้วนั้นยิ่งขาวใสมากขึ้น
คิ้วงามดุจภาพวาด สายตาเป็นประกาย กวาดมองซ้ายขวา มีเสน่ห์กระจายไปทุกทิศ
ในมือที่เรียวยาวของเขาถือพัดสีขาวอันหนึ่ง ดูสง่างามสูงส่ง รอบกายแผ่ซ่านกลิ่นอายความสูงส่งที่โดดเดี่ยวชนิดหนึ่งออกมา เขาเพียงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ต้องทำอะไร ก็เหมือนภาพวาดที่ล้ำค่าประเมิณราคาไม่ได้แล้ว
ชายหนุ่มรูปหล่องดงามดุจหยก ไร้ผู้เทียบเคียง
นี่เป็นสิ่งเดียวที่หลินลู่หยุนนึกออกในตอนนี้ ผู้ชายหล่อตรงหน้านี้หล่อเกินไปแล้ว ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันต้องฆ่าดาราและหนุ่มน้อยหน้าใสตายเรียบแน่ๆ
...