ตอนที่ 3 ฟินิกซ์เก้าเข็ม
หลินเจียเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นเธอก็ร้อนรนรีบโต้แย้งขึ้นมาในทันที
“ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านพ่อ นางโกหก นางพูดเพ้อเจ้อเจ้าค่ะ ท่านพ่อลูกไม่ได้พูดเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ!" หลินเจียเสวี่ยรีบอธิบายในทันที
"ลูกขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้ว"คำขอโทษที่เชื่อฟังของหลินลู่หยุนเมื่อเปรียบเทียบกับเสียงกรีดร้องของหลินเจียสวี่ยแล้ว มันน่าฟังกว่ากันหลายเท่าเลยทีเดียว
หลินฮวนขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีและกล่าวออกมาว่า “พอแล้วล่ะที่เขื่อน และกองทัพก็ยุ่งตลอดทั้งวัน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ก็อย่าทำให้มันวุ่นวายไปเลย”
กล่าวจบแม่ทัพหลินก็เดินออกไป โดยไม่สนใจเสียงตะโกนร้องของหลินเจียเสวี่ย แต่อย่างใด
ทันทีที่แม่ทัพหลินเดินจากไป หลินเจียเสวี่ยก็หยุดการกระทำที่เศร้าโศกนี้ลง และก็เงื้อมมือกระโจนเข้าไปหาหลินลู่หยุน หลินลู่หยุนคว้ามือของนางเอาไว้ โดยที่ใบหน้าไม่ได้หลงเหลือเค้าโครงของความเชื่อฟังอยู่เลย
และก็พูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า"หลินเจียเสวี่ยฉันไม่ใช่หลินลู่หยุนที่เจ้าจะรังแกได้อีกต่อไปแล้ว ในทางที่ดีเจ้าอย่าได้มายั่วโมโหข้า ไม่อย่างนั้น ข้าก็ไม่ว่าอะไรนะที่จะตบเจ้าเป็นครั้งที่สอง”
ความเหี้ยมโหดในสายตาของหลินลู่หยุนทำ ให้หลินเจียเสวี่ยรู้สึกชะงักไปในทันทีนางถอยหลังไปสองก้าวหลินลู่หยุนสะบัดมือของนางจากนั้นก็เดินออกไปจากลาน
ในขณะที่กำลังจะก้าวขาออกไปใครจะไปคาดคิดว่าหลินเจียเสวี่ยที่ยืนอยู่ทางด้านหลังจะเขวี้ยงถ้วยน้ำชาตามหลังนางมา ด้วยสัณชาตญาณหลินลู่หยุนเบี่ยงตัวหลบทำให้ถ้วยน้ำชากระเบื้องเคลือบนั้นปะทะเข้ากับต้นเสาแตกกระจายออกไป
เศษกระเบื้องกระจัดกระจายเฉียดแขนของหลินลู่หยุนไปทำให้เกิดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมา สำหรับหลินลู่หยุนแล้วบาดแผลเล็กน้อยเช่นนี้นั้นไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดคือการโจมตีลับหลังเช่นที่หลินเจียเสวี่ยกระทำ
หลินเจียเสวี่ยยกยิ้มเย้ยหยันกับการได้เห็นหลินลู่หยุนได้รับบาดเจ็บ แต่ในขณะที่นางกำลังได้ใจอยู่ก็ไม่รู้ว่าหลินลู่หยุนนั้นได้มาที่ด้านหน้าของนางตั้งแต่ตอนไหน
มือเล็กที่แข็งแรงของนางบีบเข้าที่ใต้คางของหลินเจียเสวี่ย หลินเจียเสวี่ยเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"หลินเจียเสวี่ย ที่ข้าพูดไปเมื่อสักครู่ไม่เข้าหูของเจ้าเลยใช่ไหม อยากจะลองดูไหม เจ้าจะได้รู้ว่าข้านั้นจริงจังกับคำพูดมากเพียงใด"
หลินเจียเสี่ยเบิกตากว้างสองมือทุบตีที่ข้อมือของนางแต่หลินลู่หยุนออกเเรงบีบที่คางของนางจนทำให้ดวงตาของหลินเจียเสวี่ยแดงก่ำเธอค่อยสบัดมือร่างของหลินเจียเสวี่ยก็เซล้มลงไป
นางหอบหายใจจ้องมองหลินลู่หยุนด้วยความตื่นกลัว ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลินลู่หยุนเดิมทีนางควรจะอ่อนแรงไม่ใช่หรือ ต่อให้ผอมลงแล้วอย่างไรหากนางยังดื่มน้ำแกงนั่นอยู่นางจะไปมีเรี่ยวแรงมหาศาลนี้ได้อย่างไร
หลินลู่หยุนเดินกลับมายังเรือนไผ่ของตนเลือดที่แขนก็หยดผ่านกำไลลงมาที่ปลายนิ้วมือหยดลงพื้นตามทางที่นางเดิน เมื่อมาถึงเรือนหลินลู่หยุนก็ถอดเสื้อคลุมเพื่อทำแผลแต่ในขณะนั้นเองจู่ๆลำแสงสีสันมากมายเปล่งออกมาจากกำไลหยกบนข้อมือของเธอ
รูปร่างเดิมของกำไลข้อมือก็ค่อยๆ หลุดลอกออกไปเหลือเพียงกำไลหยกเคลือบสีม่วงขาวที่งดงามประหนึ่งสมบัติล้ำค่า
เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลไปตามลวดลายของกำไล ครู่เดียวกำไลหยกนั้นก็ค่อยๆปรากฎรูปร่างของนกฟีนิกซ์
ในตอนนี้นกฟีนิกซ์ที่หลับไหลอยู่ในกำไลข้อมือได้ตื่นขึ้นมากลายเป็นสิ่งมีชีวิตและส่องแสงได้ จู่ๆมันก็กระพือปีกหนึ่งครั้งทันใดนั้นมันก็ได้บินเข้าสู่ช่วงจุดตันเถียนของหลินลู่หยุนมลายหายวับไปในทันที
พร้อมกับภาพตรงหน้าของหลินลู่หยุนก็ดับมืดไป จวบจนเวลาล่วงผ่านสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของหลินลู่หยุนคือดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล
ไกลออกไปคือภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่านมีน้ำตกไหลลู่ลงมารอบด้านเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี หลินลู่หยุนเดินไปตามทางเดินที่ประดับไปด้วยก้อนกรวด เดินไปสักพักก็พบกับบ่อน้ำที่ใสสะอาดมีขนาดครึ่งวงกลมอยู่ด้านหน้าภายในสระครึ่งวงกลมนั้นพวยพุ่งไปด้วยไอของน้ำนางคาดการว่าคงจะเป็นน้ำพุร้อน สายลมที่พัดผ่านได้พัดพากลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นหญ้าให้กระทบกับใบหน้า
หลินลู่หยุนสูดหายใจนำพาอากาศบริสุทธิ์นี้เข้าไปในปอดจากนั้นนางก็ยื่นมือลงไปตักน้ำในบ่อน้ำพุนั้นขึ้นมาดื่ม
ครั้งแรกที่ดื่มเข้าไปรู้สึกถึงกระแสน้ำอุ่นสายหนึ่งไหลไปตามร่างกายหลินลู่หยุนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากนางก้มลงตักน้ำขึ้นมาดื่มอีกครั้ง คราวนี้นางรู้สึกว่า ภายในร่างกายนั้นร้อนรุ่มราวกับทั่วทั้งร่างกำลังจะระเบิด รูขุมขนและจุดชีพจรที่สำคัญในร่างกายถูกเปิดออกนำพาให้ทั่วทั้งตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ถูกขับออกมา
หลินลู่หยุนไม่รอให้ร่างกายโดนแผดเผานางกระโดดลงไปในบ่อน้ำพุเพื่อดับความร้อนในร่างกาย กระแสน้ำพุพวยพุ่งโอบล้อมร่างของนางแทรกซึมทุกอณูในร่างกาย
ร่างกายถูกผลัดเปลี่ยนชำระล้างสิ่งสกปรกผมที่หยาบกร้านก่อนนี้ก็ค่อยๆฟื้นฟูดกดำเงาสลวย ใบหน้าที่เดิมทีกำลังได้รับการบำรุงดูแลจากนาง จู่ๆผิวพรรณก็ดูเปล่งปลั่ง ขาวใสจนเห็นเส้นเลือดฝอย คิ้วโก่งดุจใบหลิวดำเข้มเรียวงาม
ขนตาหนาของนางค่อยๆยาวงอนดำสวยคล้ายปีกผีเสื้อยามหลับไหล และขยับโบยบิน ริมฝีปากเล็กฉ่ำวาวสีแดงระเรื่อ จมูกโด่งเรียวเล็กดูสวยงามดุจเซียนสาวลงมาจุติ
ร่างกายที่ติดขัดหลังจากการลดน้ำหนักก็กลับมากระชับ รูปร่างผอมเพรียวสวยงามหลินลู่หยุนลุกขึ้นก้าวเดินออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน ชุดสีขาวก่อนนี้ที่นางสวมใส่กลับกลายเป็นสีฟ้าสลักลวดลายอย่างสวยงาม นี่คงจะเป็นบ่อน้ำพุจิตวิญญาณสินะ
หากไม่เพราะการข้ามภพมาอยู่ที่นี่และได้เห็นสิ่งเหล่านี้แน่นอนว่าหลินลู่หยุนนั้นต้องช็อคอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นสำหรับนางนั้นมันช่างปกติเสียจริง
หลังจากเดินออกจากบ่อน้ำพุจิตวิญญาณไปด้วยความระมัดระวัง นางตรงไปยังภูเขาตรงหน้ายังไม่เดินเข้าไปในภูเขาแต่กลับมีกำแพงอากาศขวางทางนางอยู่
หลินลู่หยุนตัดสินใจเอื้อมมือไปจับกำแพงนั้นดูก็ปรากฎคลื่นเบาๆ เผยให้เห็นประตูแผ่นใหญ่นางเอื้อมมือไปแตะห่วงประตูทองแดงแล้วเคาะลงไปที่บานประตูหนา ออกแรงเคาะมันเบาๆ ทำให้เกิดเสียงทื่อๆ
หลังจากนั้นนางก็ได้ยืนรออยู่ที่หน้าประตูอย่างเงียบๆ หวังว่าจะมีเสียงตอบกลับ แต่รออยู่สักครู่ก็ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใดๆ ตอบกลับ มาเลย
ดังนั้นหลินลู่หยุนจึงออกแรงผลักประตูให้เปิดออกด้วยความระมัดระวังแทน
ตรงกึ่งกลางทางเดินมีโต๊ะหินที่มีหนังสือวางอยู่ ทั้งสองข้างของทางเดินมีสองห้องแยกออกไปคนละฝั่ง นอกจากนี้ยังมีป้ายแขวนที่ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าทั้งสอง ห้องนี้มีไว้ทำอะไร ใบป้ายแขวนเขียนเอาไว้ว่า ‘ศาลาสมุนไพร’ และ ‘ห้องเก็บโอสถลับโบราณ ดูเหมือนว่าหลินลู่หยุนคนที่แล้วจะพลาดเรื่องดีๆ ไปแล้วจริงๆ
หลินลู่หยุนไม่ได้รีบร้อนเข้าไปตรวจดูในห้องนางเดินตรงไปยังโต๊ะหินมองไปที่ปกหนังสือก็ได้เห็นคำสี่คำที่เขียนเอาไว้บนปกว่าเคล็ดลับ ‘ฟีนิกซ์เก้าเข็ม'
หลินลู่หยุนเปิดหน้าปกหนังสือและอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับมิติฟีนิกซ์ตรงหน้าแรกของหนังสือ
อย่างไรก็ตามต้นกำเนิดของมิติยังคงเด่นชัด นางรู้เพียงแค่มิตินี้เทียบเท่ากับโลกใบหนึ่ง ที่มีกฎเป็นของตัวเองและมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์
หลินลู่หยุนค่อยๆ เปิดตำราเล่มหนาที่เก่ามากๆ หน้าแรกขึ้นซึ่งในนั้นเขียนว่า เคล็ดลับฟีนิกซ์เก้าเข็มเอาไว้ด้วยตัวอักษรสีทอง แต่กลับไม่มีเนื้อหาใดๆ อยู่ข้างใน
แปลกจัง ... แต่ก็น่าสนใจดีแฮะ แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? หรือว่าจะมีกลไกอะไรอีกรึเปล่านะ?
คิดได้เช่นนั้นหลินลู่หยุนก็ลองใช้มือแตะไปที่ตัวอักษรเหล่านั้น ทันใดนั้นแสงสีทองก็เปล่งประกายออกมาแล้วพุ่ง เข้าไปในร่างกายของนางในทันที
ในวินาทีนั้นจู่ๆ ในจิตของหลินลู่หยุนก็ปรากฏรายละเอียดเรื่องเคล็ดลับฟีนิกซ์เก้าเข็ม ฟินิกซ์เก้าเข็มนับเป็นวิชาการฝังเข็มที่สูญหายไปแล้วนับพันปี ไร้ผู้สืบทอดเพราะการฝังเข็มนี้เป็นวิชาการฝังเข็มของตระกูลแพทย์ตระกูลหนึ่งที่ล่มสลายไปเมื่อพันปีก่อนแต่ตอนนี้วิชาฝังเข็มนี้กลับมาปรากฎอยู่ตรงหน้าของนาง และถูกดูดกลืนเข้าไปในความทรงจำของนางแล้ว
...