2
“คุณหนูใหญ่พวกท่านมาแล้ว เชิญเข้าไปในเรือนก่อนเจ้าค่ะ” สตรีวัยสามสิบปีหน้าตางดงามราวกับนางฟ้าเอ่ยทักทายพวกนางแล้วเชื้อเชิญพวกนางเข้าไปในเรือน แม่นมกุ้ยมองสตรีนางนี้เหมือนนางมีอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่
ภายในห้องโถงที่ไม่ใหญ่มากนักของหัวหน้าหมู่บ้าน พวกนางนั่งดื่มน้ำชาที่หลิวฮูหยินเตรียมไว้ให้ เซียวหรูอวี้มองสตรีนางนี้ช่างคล้ายกับเหยาอี๋เหนียงเหลือเกิน หรือนางจะเป็นน้องสาวของเหยาอี๋เหนียง
“ข้าแนะนำตัวเลยแล้วกันนะ ข้าหลิวฮูหยินหรือเหยาหลี่หยงน้องสาวของเหยาอี๋เหนียงเจ้าค่ะ” ว่าแล้วเชียว นางต้องเป็นน้องสาวของเหยาอี๋เหนียง
“ข้าหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าหลิวหลิงกง” ชายวัยกลางคนเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน พวกนางทั้งสี่คนนั้นเงียบ หลิวฮูหยินมองดูคุณหนูใหญ่เซียวหรูอวี้คนนี้ไม่เหมือนที่พี่สาวนางบอกสักนิดเลยว่าเป็นคนที่หวาดกลัว ดูนางสิ นั่งนิ่งราวกับพระพุทธรูป แต่ใบหน้าของนางช่างงดงามเหลือเกิน เป็นยอดพธูก็ว่าได้ ดวงหน้าสดใส ริมฝีปากอวบอิ่ม มิน่าละ พี่สาวนางจึงต้องหาทางกำจัดคุณหนูใหญ่ผู้นี้
“เอาละ ในเมื่อเหยาอี๋เหนียงส่งท่านมาขัดเกลานิสัย ข้ารับรองว่าจะดูแลพวกท่านอย่างดี” หลิวฮูหยินเอ่ยขึ้นพลางสบตากับเซียวหรูอวี้ แววตาของเซียวหรูอวี้ช่างเย็นชาเหลือเกินทำให้หลิวฮูหยินนึกกลัวคุณหนูใหญ่ขึ้นมาทันที
“รบกวนหลิวฮูหยินแล้ว” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น หลิวฮูหยินพาพวกนางทั้งสี่คนไปพักอีกเรือนหนึ่งที่อยู่ทางไปลำธารซักผ้า สตรีทั้งสี่คนมองเรือนโกโรโกโสจะพังแหล่มิพังแหล่
“นี่คือเรือนของพวกท่าน ข้าขอบอกไว้ก่อนเจ้าค่ะ อยู่ที่นี่พวกท่านทุกคนต้องทำงาน หมู่บ้านของพวกเรา เน้นเย็บผ้าขาย พรุ่งนี้เช้าข้าจะส่งผ้ามาให้พวกท่านปักก็แล้วกัน” เมื่อเอ่ยจบหลิวฮูหยินก็หันหลังเดินออกไปทันที
“คุณหนู พวกนางรังแกท่านเกินไปแล้วนะเจ้าคะ” เสี่ยวลู่เอ่ยขึ้นรู้สึกสงสารคุณหนูใหญ่ของนางจริงๆ ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
“จริงเจ้าค่ะ เราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปจนตายหรือเจ้าคะ” แม่นมกุ้ยเอ่ยถามพลางอุ้มเซียวหรูเหยียนที่มิรู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร
“ข้ามิให้พวกเราอยู่ในหมู่บ้านนี้ไปจนวันตายหรอก พวกเจ้ามิต้องห่วง” หญิงสาวเอ่ยบอกเสี่ยวลู่และแม่นมกุ้ย จากนั้นพวกนางก็เดินเข้าไปในเรือน
หญิงสาวนั่งลงที่เตียง เสี่ยวลู่จุดเทียน แม่นมกุ้ยวางเซียวหรูเหยียนอีกเตียงหนึ่ง ภายในเรือนนี้มีแค่สองเตียงนอนเท่านั้นแล้วผ้าห่มแค่สองผืน
“เอาละ พวกเรานอนพักผ่อนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ยังมิรู้จะต้องเจอกับเรื่องอะไร ขอให้พวกเจ้าอย่าได้หวาดกลัว ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่ว่าเรื่องอะไรจะเกิดขึ้นเซียวหรูอวี้คนนี้ก็พร้อมรับมือ แม่นมกุ้ยและเสี่ยวลู่ได้ยินผู้เป็นนายเอ่ยปากจะปกป้องตนก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก พวกนางทั้งสองคนคุกเข่าต่อหน้าเซียวหรูอวี้
“พวกเจ้าทั้งสองคนคุกเข่าทำไม” นางมองสตรีทั้งสองคน
“บ่าวรู้สึกตื้นตันใจที่คุณหนูจะปกป้องบ่าว” เสี่ยวลู่พูดแล้วโขกศีรษะให้เซียวหรูอวี้ทันที
“บ่าวก็ขอบคุณคุณหนูที่ห่วงใย” แม่นมกุ้ยโขกศีรษะให้เซียวหรูอวี้
“พอแล้ว ไม่ต้องแล้ว” เซียวหรูอวี้บอกให้พวกนางทั้งสองคนหยุดโขกศีรษะ ทั้งสอจึงหยุดทันที คนจีนโบราณนี่ดีใจก็โขกศีรษะ เสียใจก็โขกศีรษะ
“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู” บ่าวทั้งสองคนเอ่ยพร้อมกัน
“เสี่ยวลู่ดับไฟได้แล้ว เจ้าก็มานอนกับแม่นมกุ้ยส่วนหรูเหยียนข้าจะนอนกับนางเอง”
“เจ้าค่ะ” ไฟในเรือนดับลง คนนอนในเรือนนั้นต่างคิดไปต่างๆนานา โดยเฉพาะเสี่ยวลู่กับแม่นมกุ้ยมิรู้จะกลัวอะไร ส่วนเซียวหรูอวี้นอนกับเซียวหรูเหยียนอย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้…
โครม! เสียงถีบประตูอย่างแรงพวกนางทั้งสี่คนกำลังรับประทานข้าวต้มร้อนๆ ที่แม่นมกุ้ยทำเมื่อตอนรุ่งสาง บุรุษแปลกหน้าแต่งตัวดูดีมีสกุลหอบผ้ามาแล้วโยนลงพื้น
“เจ้าเป็นใคร” เซียวหรูอวี้เอ่ยถามบุรุษผู้หยาบคายผู้นี้
“ข้า เป็นลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านนามว่า หลิวตงอี้” หลิวตงอี้ยืนกอดอกแล้วบอกนาง เขามองสตรีที่แต่งตัวด้วยผ้าฝ้ายธรรมดา นางช่างงดงามยิ่งนัก นางคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนเซียวบุตรสาวของท่านแม่ทัพ หลิวตงอี้ยืนตะลึงกับความงามเขาเพิ่งได้สังเกตนางชัดๆ
เซียวหรูอวี้รู้สึกว่าหลิวตงอี้จ้องนางตาไม่กะพริบ หญิงสาวอยากจะเอาไม้ทิ่มตาเสียเหลือเกิน นางเป็นสตรีให้บุรุษเช่นนี้แทะโลมได้อย่างนั้นหรือ
“เจ้ามองข้าพอหรือยัง”
พลันได้ยินเสียงของนางอีกครั้ง หลิวตงอี้ได้สติขึ้นมาทันที “ข้า…ข้าเอาผ้ามาส่ง” เขาพูดอย่างเขินอาย
“เจ้าโยนผ้าอย่างนี้หรือ เจ้าเก็บมันขึ้นมา” เขามองสตรีอยู่ตรงหน้าดุอย่างกับเสือ หลิวตงอี้รีบเก็บผ้าขึ้นมาทันที
“ตายแล้ว พี่ตงอี้ ทำอะไรเจ้าคะ” เสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้นพร้อมก้าวเข้ามาในห้อง สตรีนางนี้หอบผ้ามาเช่นกัน นางมองดูพี่ชายนางเก็บผ้า
“ไป๋จื่อ ข้าทำผ้าหล่นน่ะ” ชายหนุ่มเก็บผ้าเสร็จแล้วบอกน้องสาว
“เจ้ายืนทำไม ทำไมเจ้าไม่เก็บผ้าขึ้นมา” หลิวไป๋จื่อตวาดใส่เซียวหรูอวี้
“เจ้ากล้าขึ้นเสียงกับคุณหนูใหญ่หรือ” เสี่ยวลู่หมั่นไส้ สตรีนางนี้ใหญ่มาจากไหนถึงกล้าขึ้นเสียงกับคุณหนูของนาง
“เสี่ยวลู่!” เซียวหรูอวี้เรียกชื่อสาวใช้ เสี่ยวลู่ก้มหน้าลงทันที
“เจ้าถามข้า ว่าข้าทำไมไม่เก็บผ้า ข้าไม่ได้ทำหล่น แต่พี่ชายเจ้าทำหล่น เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องเก็บมันขึ้นมา” นางพูดชัดๆ ช้าๆ
หลิวไป๋จื่อมองพี่ชายที่โง่เง่าของนาง พี่ชายนางคงสมองฝ่อไปแล้ว เมื่อคืนมารดายังบอกให้ทำทุกอย่างกลั่นแกล้งนังคุณหนูใหญ่
“ใช่ข้าทำหล่น ข้าก็ต้องเก็บขึ้น!” หลิวตงอี้บอกกับน้องสาวแต่สายตามองเซียวหรูอวี้อย่างไม่ละเลย
“ดี! อย่างนั้นท่านก็เก็บต่อไปแล้วกัน” พูดจบหลิวไป๋จื่อก็โยนผ้าทิ้งทันทีแล้วเดินออกไป
“ไป๋จื่อ! เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้นะ” หลิวตงอี้โกรธน้องสาวเป็นอย่างมาก เขาลืมคำที่มารดาบอกเมื่อคืน เขาเข้าข้างเซียวหรูอวี้
“ข้าขอโทษแทนน้องสาวข้าด้วยนะ คุณหนูเซียว” ชายหนุ่มมีสีหน้ารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ทีแรกเขาก็อยากจะแกล้งนางแต่เห็นใบหน้าที่งดงามแล้ว...เขาก็ตกหลุมรักนางอย่างไม่มีข้อแม้
เซียวหรูอวี้คิดไว้แล้วเชียว หลิวฮูหยินต้องส่งคนมาแกล้งนาง นั่นก็คือบุตรชายและบุตรสาวของหลิวฮูหยินนั่นเอง
“ช่างเถอะ ข้าไม่ถือ” นางบอกอย่างใจเย็น
“อีกสองวันข้าจะมารับผ้าที่พวกท่านปักเสร็จแล้วกัน” เขายื่นผ้าให้นาง หญิงสาวรับผ้าในมือเขา
“ขอบคุณเจ้ามาก”
“ข้าไปละ” หลิวตงอี้เดินออกจากห้องไป เสี่ยวลู่และแม่นมกุ้ยต่างพากันเก็บผ้าทันที…
พวกนางทั้งสามคนมองกองผ้าที่ต้องปัก สองวันจะเสร็จทันไหมนี่ เซียวหรูอวี้คิดอย่างหนักใจเหลือเกิน คงจะไม่ได้หลับได้นอนกันพอดี
“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวเห็นสายตาที่หลิวไป๋จื่อมองคุณหนู เป็นแววตาที่ไม่หวังดีและประสงค์ร้ายเจ้าค่ะ” แม่นมกุ้ยเอ่ยขึ้น สตรีนางนี้ช่างซ่อนพิษเหลือเกิน
“ข้าดูออก ตอนแรกพี่ชายก็แกล้งโยนผ้าลง พอเขามองหน้าข้าชัดๆ ถึงกับตะลึงแล้วจึงก้มลงเก็บผ้า พวกเจ้าก็เห็นแล้วนี่” นางยังจำแววตาที่น่าขยะแขยงของหลิวตงอี้ได้
“จริงเจ้าค่ะ หรือว่านี่จะเป็นแผนการของหลิวฮูหยินส่งบุตรชายและบุตรสาวมากลั่นแกล้งท่าน” เสี่ยวลู่ถาม
“เจ้าพูดถูก เดิมทีหลิวตงอี้ก็ต้องทำตามมารดาแต่เขาอาจจะหลงรักข้าเลยแกล้งไม่ลง”
“จริงอย่างคุณหนูว่าเจ้าค่ะ คุณหนูงามออกจะขนาดนี้บุรุษใดได้เห็นก็ตกหลุมรักเป็นธรรมดา แต่หลิวไป๋จื่อนี่คงต้องเกลียดคุณหนูแน่เลยที่งามกว่านาง” เสี่ยวลู่เอ่ยขึ้นอย่างกังวล
“พวกเจ้าอย่ากังวลเลย พวกเรามาปักผ้ากันดีกว่าจะได้เสร็จๆ” ตอนนี้นางต้องรีบทำก่อนจะถึงวันส่ง ดีนะมีแบบอย่างมาให้ดู ชาติที่แล้วสถานเลี้ยงเด็กสอนอาชีพให้ทุกอย่าง นางไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่าจะทำไม่ได้
สองวันผ่านไปผ้าที่พวกนางช่วยกันปักนั้นเสร็จพอดี หลิวไป๋จื่อและสาวใช้คนสนิทเดินมาดูผ้าที่ตะกร้าที่พวกนางปักเป็นลายผีเสื้อปะรูปดอกไม้
พวกนี้ทำได้ไม่เลว หลิวไป๋จื่อคิดในใจ แล้วมองหน้างามที่ไม่แต่งแต้มสีสันของเซียวหรูอวี้
“ยกไปสิ” เซียวหรูอวี้บอกคนพวกนี้ให้ยกตะกร้าผ้าไป ยืนอยู่เรือนของนางนานๆ ทำให้เซียวหรูอวี้รำคาญหูรำคาญตา
“คุณหนู ข้าตรวจดูผ้าก่อน” หลิวไป๋จื่อบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จะไล่นางไปไหนผ้ายังไม่ได้ตรวจเลย อย่างน้อยหลิวไป๋จื่อต้องหาทางแกล้งนางคุณหนูเซียวคนนี้ เสี่ยวห่าน...สาวใช้คนสนิทหลิวไป๋จื่อตรวจดูผ้าในตะกร้า
“คุณหนูหลิว ท่านดูสิ ผ้าดำขนาดนี้เกิดอะไรขึ้น” เสี่ยวห่านชี้ไปที่ผ้าตะกร้านั้นที่ดำเปื้อนอย่างสกปรก
เป็นไปไม่ได้ ผ้าจะโดนฝุ่นได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เซียวหรูอวี้นับทุกผืนและตรวจทุกผืนด้วยมือตัวเอง คนพวกนี้เล่นสกปรกกับนางเสียแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหนู” แม่นมกุ้ยอุ้มเซียวหรูเหยียนเดินเข้ามาพร้อมเสี่ยวลู่หลังจากที่ได้ยินเสียงโวยวายของเสี่ยวห่าน
“เจ้าก็แหกตาดูสิ ผ้าทั้งดำ ทั้งเลอะสกปรกขนาดนี้จะขายได้อย่างไร” หลิวไป๋จื่อบอกแม่นมกุ้ยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ข้าตรวจผ้าทุกผืนก่อนยกมาให้เจ้า” เซียวหรูอวี้ไม่ยอมแพ้เช่นกัน สายตาจ้องไปที่เสี่ยวห่านที่ยืนอยู่ข้างหลิวไป๋จื่อ เสี่ยวห่านจับผ้าตะกร้านั้นแล้วก็มีฝุ่นซึ่งป็นผงถ่าน
“ถ้าเจ้าตรวจดูทุกผืน ผ้าสกปรกได้อย่างไรล่ะคุณหนูเซียว” หลิวไป๋จื่อยิ้มเยาะ
“เสี่ยวห่านเจ้าเดินมาหาข้า” น้ำเสียงทรงพลังเอ่ยขึ้นทำให้เสี่ยวห่านขนลุกซู่ สายตาเสี่ยวห่านมองหลิวไป๋จื่อ เสี่ยวห่านก้าวไปช้าๆ
“โอ๊ย! เจ็บ” เซียวหรูอวี้กระชากข้อมือของเสี่ยวห่านอย่างแรงแล้วบีบ สีหน้าเสี่ยวห่านบ่งบอกว่าเจ็บมาก
สีหน้าแต่ละคนตกใจเป็นอย่างมาก แม่นมกุ้ยและเสี่ยวลู่ตกใจไม่แพ้กัน ทำไมคุณหนูของพวกนางต้องทำแบบนี้
“ปล่อยเสี่ยวห่านเดี๋ยวนี้นะ!” หลิวไป๋จื่อที่ได้สติบอกนาง