บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 นายยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า?

สวี่ฉิงกับเจียงเฉิงเดินเข้าไปในห้องรับแขก ก็ได้ยินถึงเรื่องที่หลี่ซินเยว่บอกว่าตนเสียสามีไป จึงรีบกล่าวอย่างไม่พอใจทันที

ถึงแม้ว่าตระกูลสวี่จะเป็นพันธมิตรกับตระกูลโจว แม่ของตนกับหลี่ซินเยว่ยังเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่สวี่ฉิงยังคงรังเกียจแม่ลูกโจวหลิน เธอถึงได้ไม่พอใจเช่นนี้

เมื่อหลี่ซินเยว่ได้ยินดังนั้นจึงรีบหันไปดู ก็เห็นสวี่ฉิงกับเจียงเฉิงยืนอยู่ด้วยกัน

“เจียงเฉิง?”

เดิมทีหลังจากที่หลี่ซินเยว่ได้ยินว่าเจียงเฉิงฆ่าตัวตาย นอนอยู่ที่โรงพยาบาลได้เจ็ดวันแล้ว ต้องไม่รอดเป็นแน่ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับยืนอยู่ตรงหน้าของเธอตัวเป็นๆ ถ้าเจียงเฉิงยังไม่ตาย ลูกชายของตนจะแต่งงานกับสวี่ฉิงได้ยังไงกัน?

โจวหลินมองไปที่เจียงเฉิงอย่างตกตะลึง“เจียงเฉิง นายยังไม่ตาย?”

“หลินเอ๋อ พูดอะไรน่ะ”หลี่ซินเยว่รับดึงตัวโจวหลินไว้ ความจริงแล้วเธอก็แค่ดึงตัวของลูกชายเพื่อส่งสัญญาณเท่านั้น เนื่องจากความไร้ประโยชน์ของเจียงเฉิงเธอเคยประสบพบเจอมาแล้ว ถึงจะถูกเย้ยหยันเหยียดหยามอย่างไร ก็ไม่กล้าตอบโต้แม้แต่คำเดียว

“คนแบบนายยังมีชีวิตอยู่ดีมีสุขอยู่เลย ทำไมฉันจะต้องตายด้วยล่ะ?”

เจียงเฉิงมองไปที่โจวหลินด้วยสายตาเรียบเฉย พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เมื่อสิ้นเสียง ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนตกตะลึง เพราะว่าไม่มีใครนึกถึงว่าเจียงเฉิงจะตอบโต้ แม้แต่สวี่ฉิงที่กำลังจะออกโรงปกป้องเจียงเฉิงก็ต้องหยุดชะงักเช่นกัน

โจวหลินคิดไม่ถึงว่าเจียงเฉิงจะจิกกัดตัวเอง เมื่อก่อนเจียงเฉิงมีแต่ต้องหลบหน้าหลบตาตนเอง เขาโมโหกับการตอบโต้ของเจียงเฉิงแทบกระอัก

แต่เนื่องจากว่าที่นี่คือตระกูลสวี่ โจวหลินไม่อยากทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองเสีย จึงพูดกับสวี่จื้อจุนด้วยรอยยิ้มอึดอัด“คุณลุงครับ ผมได้ข่าวมาว่าเจียงเฉิงตายอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะครับ จู่ๆเห็นเขาอยู่ตรงนี้ ถึงได้เซอร์ไพรส์จนพลั้งปากไปน่ะครับ ผมแค่เป็นห่วงเฉยๆ แต่ดูสิ่งที่เขาพูดสิครับ ดูไร้การอบรมสั่งสอนไปแล้วมั้งครับ ถึงว่าล่ะยอมที่จะเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงแบบนี้”

คำพูดของโจวหลินดูผิวเผินเป็นคำพูดที่ห่วงใยเจียงเฉิง แต่ความเป็นจริงแล้วกำลังถากถางเขาว่าเจียงเฉิงเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก

เดิมทีหลี่ซินเยว่ดูถูกเจียงเฉิงอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นว่าเจียงเฉิงเย้ยหยันลูกชายตนเองเช่นนี้ จึงอดที่จะพูดไม่ได้“เจียงเฉิง ลูกชายฉันทำไมหรอ?ถึงลูกชายฉันจะไม่พร้อมยังไง เขาก็เป็นอาจารย์แพทย์ประจำบ้าน นายมันก็แค่บุรุษพยาบาลที่ทำหน้าที่ทำงานทั่วไปในโรงพยาบาล มีสิทธิ์อะไรดูถูกลูกชายฉันไม่ทราบ?”

“แม่ครับ แม่อย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมมีความพยายาม พึ่งพาตัวเองถึงได้เป็นอาจารย์แพทย์ประจำบ้าน ไม่แน่คนอย่างเจียงเฉิงอาจจะชอบทำงานทั่วไปในโรงพยาบาล และเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกินก็ได้นะครับ?”โจวหลินพูดไปด้วยแล้วยิ้มอย่างเยาะเย้ยไปด้วย

เจียงเฉิงไม่เคยทำให้แม่ลูกคู่นี้โกรธได้เลย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มเย้ยหยันเจียงเฉิง

เดิมทีเย่จู่ผิงอยากจะทำให้เรื่องจบลงด้วยดี แต่สวี่จื้อจุนห้ามเธอไว้

“คุณทำอะไรน่ะ?”เย่จู่ผิงกล่าวเสียงต่ำ

“ให้เจียงเฉิงได้ระบายหน่อยเถอะ เขาอยู่บ้านเราคงเก็บกดสะสมมานาน”สวี่จื้อจุนพูดเสียงเบา

เมื่อสวี่ฉิงได้ยินแม่ลูกคู่นี้รังแกคนอื่นเกินไป ไฟแห่งความโกรธจึงปะทุขึ้น เพราะไม่ว่าอย่างไร เจียงเฉิงก็เป็นสามีของตนเอง

แน่นอนว่าเจียงเฉิงเองฟังออก ว่านี่คือการเยาะเย้ยว่าเขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย

ไม่รอให้สวี่ฉิงเอ่ยปาก เจียงเฉิงก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน“นายเป็นลูกผู้ชายงั้นหรอ?”

“ฉันเห็นเวลานายโกรธสีหน้าหมองคล้ำ เมื่อกี้ฝีเท้าก็ดูเลื่อนลอย นายมักจะมีอาการปวดเอวปวดหลังใช่ไหม แขนขารู้สึกเย็นเฉียบ นายคงไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่าของผู้ชายนานแล้วสินะ?”

เดิมทีโจวหลินยังมีสีหน้าได้ใจ แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจียงเฉิง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

“นะ……นายพูดบ้าอะไรห้ะ?”โจวหลินตอกกลับ

“ฉันกำลังพูดอะไรนายน่าจะรู้ดีนะ จากความหมายของประโยคที่ฉันพูด นายมันไม่ชายลูกผู้ชายยังไงล่ะ”เจียงเฉิงกล่าว

เมื่อหลี่ซินเยว่ได้ยิน เธอก็รู้สึกตกตะลึง เป็นดังที่ว่า ที่ลูกชายของเธอยังไม่ได้แต่งงาน ก็เพราะมีปัญหาทางด้านร่างกาย ไม่สามารถทำอะไรกับผู้หญิงได้ เจียงเฉิงเห็นปัญหาของลูกชายตนเองภายในชั่วพริบตาเดียวได้ยังงั้นหรอ?

“นายพูดบ้าอะไรน่ะ ถ้านายมีปัญญาตรวจดูโรคได้ นายจะเป็นได้แค่บุรุษพยาบาลที่สมองมีปัญหาทำงานน่าขายหน้าอยู่ที่โรงพยาบาลหรอห้ะ?”

หลี่ซินเยว่คิดว่าเจียงเฉิงแค่เดาส่งๆ อีกทั้งเธอไม่อยากเปิดเผยปัญหาของลูกชาย ถ้าถูกคนภายนอกรู้เรื่องเข้า ยังไม่รู้เลยว่าจะถูกหัวเราะเยาะยังไง

หลี่ซินเยว่พูดอย่างไม่พอใจ“ตอนแรกเราแค่อยากมาเยี่ยมเยียนหลานสาวฉันเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าลูกเขยบ้านของเธอจะไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เรากลับดันเถอะ!”

“คุณลุงครับ ในเมื่อภาพนี้คุณลุงไม่ต้องการ งั้นผมขอเอากลับไปแล้วกันนะครับ”

โจวหลินพูดจบก็เก็บภาพวาดอย่างระมัดระวัง เดินอยากจะมอบภาพวาดล้ำค่าให้ เขาแค่เสียดายเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถแต่งงานกับสวี่ฉิงได้ ยิ่งไม่จำเป็นต้องเอาภาพวาดมูลค่าสูงขนาดนี้ยกให้

หลี่ซินเยว่แม่ลูกทั้งคู่เปิดประตูและกำลังจะจากไป ทันทีที่ประตูเปิด หลี่ซินเยว่ก็เห็นชายวัยกลางคนร่างท้วมสวมชุดสูทยืนอยู่หน้าประตู บุคคลผู้นี้ก็คือศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลเมืองหลูหยางที่หนึ่ง หัวหน้าแผนกเฉิน

“คะ……คุณคือหัวหน้าแผนกเฉิน?”ใบหน้าของหลี่ซินเยว่เผยให้เห็นท่าทีดีใจ

เธอรู้ดีว่า หัวหน้าแผนกเฉินเป็นคนที่ หัวหน้าแผนกเฉินเป็นคนโปรดของคณบดีเสิ่น คงจะมีอำนาจใหญ่ไม่น้อยในโรงพยาบาลเมืองหลูหยางที่หนึ่ง ในตอนแรกหลี่ซินเยว่เพื่อให้ลูกชายได้เข้าทำงานในโรงพยาบาลที่หนึ่ง เธอได้มอบของขวัญให้หัวหน้าแผนกเฉิน

แต่น่าเสียดายเนื่องด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้โจวหลินไม่ได้เข้าทำงานที่โรงพยาบาลที่หนึ่ง ทำได้แค่เข้าทำงานที่โรงพยาบาลที่สอง

เมื่อหัวหน้าแผนกเฉินเห็นหลี่ซินเยว่ก็ถึงกับตกตะลึง เขาถามอย่างงงๆ“คุณคือ?”

หลี่ซินเยว่รีบยิ้มแหยๆ“หัวหน้าแผนกเฉินลืมดิฉันแล้วหรอคะ ฉันคือหลี่ซินเยว่ค่ะ ไปเยี่ยมเยือนที่โรงพยาบาลครั้งก่อนไงคะ”

“ขอโทษนะครับ ผมจำไม่ได้”หัวหน้าแผนกเฉินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

“ที่นี่คือบ้านของเจียงเฉิงใช่ไหมครับ?”

หัวหน้าแผนกเฉินคิดว่าตัวเองมาผิดที่ จึงรีบถามขึ้น

เมื่อหลี่ซินเยว่ได้ยินดังนั้น จึงรู้สึกแปลกใจ หัวหน้าแผนกเฉินบุคคลใหญ่โตขนาดนี้ มาหาเจียงเฉิงด้วยเหตุผลอะไรกัน?

ภายในบ้านเจียงเฉิงได้ยินเสียงที่หน้าประตู เขาจึงเดินไปที่หน้าประตู แล้วมองหัวหน้าแผนกเฉินด้วยสายตาเรียบเฉย พลางกล่าวว่า“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?”

เมื่อหลี่ซินเยว่ได้ยินเจียงเฉิงพูดกับหัวหน้าแผนกเฉินเช่นนี้ จึงรีบตะคอกอย่างไม่พอใจว่า“เจียงเฉิง ไอ้สวะชักจะกล้าเกินไปแล้วนะ ถึงได้กล้าพูดกับหัวหน้าแผนกเฉินแบบนี้?”

“หัวหน้าแผนกเฉิน อย่าถือสาไปเลยนะคะ เขาปากไม่มีหูรูดอยู่แล้ว คิดอะไรก็พูดแบบนั้น เขาคงจะไม่ชอบหน้าของคุณตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว”โจวหลินอาศัยจังหวะนี้จุดประเด็นใส่สีตีไข่ กล้าจองหองกับกูงั้นเหรอ ดูสิแกจะเผชิญหน้ากับหัวหน้าแผนกเฉินยังไง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel