บทที่ 12 จะนอนหรือไม่นอน
เดิมทีหลี่ซินเยว่สองแม่ลูกคิดว่าหัวหน้าแผนกเฉินจะต้องตำหนิดุด่าว่ากล่าวเจียงเฉิง แต่เมื่อหันกลับไปกลับพบว่าหัวหน้าแผนกเฉินมองมาที่พวกเธออย่างโกรธเคือง
“พวกคุณเป็นใครกัน กล้าคุยแบบนี้กับน้องเจียงเฉิงงั้นหรอ?”หัวหน้าแผนกเฉินพูดกับหลี่ซินเยว่สองแม่ลูกด้วยเสียงเย็นชา
จากนั้นหัวหน้าแผนกเฉินก็รีบพูดกับเจียงเฉิงอย่างประจบประแจงว่า“น้องเจียงเฉิง ฉันไม่รู้จักทั้งสองคนนี้เลยนะ มาถึงก็พูดจาไม่ดีใส่นาย นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนะ”
เมื่อเห็นหัวหน้าแผนกเฉินที่เย่อหยิ่งมีท่าทีเกรงใจเจียงเฉิงขนาดนี้ หลี่ซินเยว่สองแม่ลูกถึงกับอ้าปากค้าง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เจียงเฉิงเป็นแค่บุรุษพยาบาลในโรงพยาบาลที่หนึ่งไม่ใช่หรอ?ได้ข่าวมาว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลเขามักจะถูกคนอื่นรังแก แต่ทำให้แม้แต่หัวหน้าแผนกศัลยแพทย์ ถึงได้เกรงใจเจียงเฉิงขนาดนี้ล่ะ?
“คุณมาหาผมมีเรื่องอะไรหรอครับ?”เจียงเฉิงพูดอย่างเรียบเฉย
หัวหน้าแผนกเฉินจึงรีบกล่าวว่า“น้องเจียงเฉิง วันนี้นายสุดยอดไปเลย เคสที่แม้แต่ปรมาจารย์เชวี่ยยังไม่สามารถทำสำเร็จ นายช่วยชีวิตลูกสาวของประธานฟาง คณบดีเสิ่นเป็นปลื้มมากเลยนะ เธออยากจะเชิญนายไปเป็นแพทย์ประจำบ้านที่แผนกของเรา ให้นายไปหาเธอที่ห้องทำงานน่ะ ส่วนฉันน่ะ ก่อนหน้านี้เสียมารยาทกับนาย คณบดีเสิ่นได้ลงโทษให้ฉันพักงานแล้วล่ะ บอกว่าฉันจะกลับเข้าไปทำงานได้เมื่อไร ขึ้นอยู่กับนาย นายว่าพรุ่งนี้ฉันไปทำงานได้ไหม?”
หลี่ซินเยว่ที่กับโจวหลินที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้าแผนกเฉินพูด พวกเขาก็ตกตะลึงงันอยู่กับที่ทันที
ปรมาจารย์เชวี่ยยังไม่สามารถผ่าตัดได้?เขาช่วยชีวิตลูกสาวประธานฟาง?แถมคณบดีเสิ่นยังลงโทษหัวหน้าแผนกเฉิน และยังจะช่วยเลื่อนตำแหน่งให้เจียงเฉิงขึ้นเป็นแพทย์ประจำบ้านอีก?
สมองของโจวหลินสับสนวุ่นวายมาก แม่งเอ้ย ไอ้หมอนี่มันฆ่าตัวตายไม่ใช่หรอ?ทำไมจู่ๆระหว่างนึ้ถึงมีเรื่องน่าทึ่งเกิดขึ้นเยอะแยะมากมายขนาดนี้?
หลี่ซินเยว่ตกใจจนอึ้ง ถ้าเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ที่เจียงเฉิงดูอาการของลูกชายตนเองออกก็ไม่ใช่การพูดมั่วๆน่ะสิ เขาอาจจะรักษาลูกชายของตนหายก็เป็นได้
เจียงเฉิงไม่อยากยุ่งกับหัวหน้าแผนกเฉิน ถ้าตนไม่ตอบตกลงล่ะก็ เขาจะต้องหน้าด้านยุ่งวุ่นวายกับตัวเองไม่จบไม่สิ้นเป็นแน่ ดังนั้นเจียงเฉิงจึงพูดเบาๆว่า“ได้ครับ คุณไปเถอะ”
“ถ้างั้นก็ดี ขอบใจนะน้องเจียงเฉิง ขอบใจนะ”หัวหน้าแผนกเฉินรีบตอบรับ อย่างมีความสุข
คราวนี้หัวหน้าแผนกเฉินถือว่าวางใจแล้ว ถ้าตนต้องงานไปจริงๆ คงจะต้องจบเห่แน่
ในตอนที่หัวหน้าแผนกเฉินเดินจากไปยังหันไปถลึงตาใส่หลี่ซินเยว่แม้ลูก ไอ้บ้าสองคนนี้เกือบจะทำให้เขาลำบากแล้วไหมล่ะ
เจียงเฉิงเห็นหัวหน้าแผนกเฉินเดินจากไป จึงเตรียมจะรีบปิดประตู แต่หลี่ซินเยว่รับเข้ามาขวางประตูไว้ แล้วกล่าวว่า“อย่าปิดประตูสิ อย่าพึ่งปิด”
เจียงเฉิงถามอย่างเรียบเฉยว่า“มีเรื่องอะไรไหม?”
“เจียงเฉิง เอ่อคือ ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง ความจริงแล้วลูกชายฉันป่วยจริงๆนั่นแหละ”หลี่ซินเยว่พูดอย่างอับอาย
“อ๋อหรอครับ?เขาป่วย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ?”เจียงเฉิงเลิกขึ้นขึ้น อยากจะปิดประตู
ในเวลานี้เองหลี่ซินเยว่ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเอง เธอใช้ร่างขวางประตูไว้ ด้วยอาการป่วยของลูกชายเธอแล้ว เธอได้หาหมอมามากมาย แต่ล้วนไม่สามารถรักษาได้ ตอนนี้เป็นโอกาสเดียวที่จะรักษาโรคของลูกชายให้หาย
“เจียงเฉิง ขอโทษนะ เราผิดเอง เราไม่น่าพูดกับนายอย่างนี้ ตอนนี้มีแค่นายเท่านั้นที่จะรักษาลูกชายฉันให้หายได้ ฉันขอร้องล่ะนะ”หลี่ซินเยว่เป็นกังวลจนแทบจะร้องไห้
เมื่อเจียงเฉิงเห็นโจวหลินไม่พูดอะไรเอาแต่ทำหน้าไม่พอใจ เขาก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า“ผมมีสิทธิ์อะไรรักษาลูกชายของคุณล่ะครับ ผมก็แค่เดาส่งเดชเอง”
หลี่ซินเยว่รีบหันไปตะคอกใส่โจวหลิน“นี่ไอ้ลูกเวร เมื่อก่อนแกทำอะไรกับเจียงเฉิงน่ะ?ขอโทษเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
โจวหลินได้รู้ถึงความเก่งกาจของเจียงเฉิงแล้ว คนที่สามารถทำให้หัวหน้าแผนกเฉินกลัวได้ จะต้องเป็นคนมีพรสวรรค์อย่างแน่นอน ไม่แน่อาจจะสามารถรักษาโรคของตนเองหายก็เป็นได้ แต่เมื่อครู่เขาได้เยาะเย้ยเจียงเฉิงอยู่หลายครั้ง
“พี่เจียงเฉิงครับ เมื่อกี้ผมผิดไปแล้ว ผมปากพล่อย พี่อย่าถือสาผมเลยนะครับ”โจวหลินพูดอย่างเสียใจ
เจียงเฉิงรังเกียจพวกมีอำนาจแบบนี้ที่สุด จึงทำท่าจะปิดประตู
เมื่อโจวหลินเห็นแบบนั้น จึงตกใจจนคุกเข่าต่อหน้าของเจียงเฉิง แล้วพูดอย่างอ้อนวอนว่า“พี่เจียงเฉิง เมื่อก่อนฉันผิดเอง ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันปากพล่อย ฉันถูกโรคนี้รุมเร้ามานานมากพอแล้ว ฉันอยากเป็นลูกผู้ชาย พี่ช่วยฉันเถอะนะ”
ทันใดนั้นโจวหลินก็เห็นของที่อยู่ในมือ จึงรีบกล่าวว่า“พี่เจียงเฉิงครับ ความจริงแล้วฉันรู้ว่าพี่ออกจากโรงพยาบาลวันนี เลยตั้งใจซื้อภาพวาดนี้ให้ พี่ช่วยฉันด้วยเถอะนะ”
ก่อนหน้านี้รูปภาพรูปนี้เขามอบให้กับสวี่จื้อจุน เมื่อหันกลับมาเขาก็นำมารับรองแขก เจียงเฉิงไม่เคยเห็นคนที่เสแสร้งขนาดนี้มาก่อน
ด้วยเหตุนี้เจียงเฉิงจึงไม่ได้คิดจะรับภาพนี้ไว้
“เจียงเฉิง ถ้านายสามารถรักษาโรคเขาหาย ก็รักษาให้เขาเถอะ ไม่ว่ายังไง ทั้งสองครอบครัวของเราก็เป็นพันธมิตรกัน”สวี่จื้อจุนเห็นว่าเจียงเฉิงสามารถกำราบโจวหลินสองแม่ลูกได้ จึงเข้าไปไกล่เกลี่ย
เจียงเฉิงเห็นพ่อตาของตนเอ่ยปากแล้ว เขาไม่อาจทำอะไรที่เกินเลยอีก จึงแนะนำสูตรยาไป หลี่ซินเยว่รีบจดทันที
ในที่สุดโจวหลินก็หวังกลับมาผงาดใหม่อีกครั้ง เขาน้ำตาคลอ พูดกับเจียงเฉิงด้วยความตื้นตันใจว่า“ขอบคุณครับพี่เจียงเฉิง”
“คุณลุงครับ ผมขอมอบภาพนี้ให้คุณลุงนะครับ”โจวหลินรู้ว่าเจียงเฉิงไม่รับ จึงรับยื่นให้กับสวี่จื้อจุน
สวี่จื้อจุนเอาแต่ปฏิเสธ แต่โจวหลินจึงรีบหัวเราะและกล่าวว่า“คุณลุงครับ ภาพวาดนี้ถือว่าเป็นของขวัญตอบแทนที่พี่เจียงเฉิงรักษาโรคของผมนะครับ”
เมื่อสวี่จื้อจุนได้ยินดังนั้น จึงรับภาพไว้ แล้วส่งหลี่ซินเยว่สองแม่ลูกกลับ
กลับเข้ามาในบ้าน สวี่จื้อจุนพูดกับเจียงเฉิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“นายน่ะ!”
เจียงเฉิงรู้ดีว่า การกระทำของตนผิดปกติเกินไป ดังนั้นเขาจึงเกาหัวแกรกๆ แล้วกล่าวว่า“ผมแค่รู้สึกว่าพวกเขารังแกคนอื่นเกินไป ผมทำแบบนี้ ไม่เกินไปใช่ไหมครับ?”
สวี่จื้อจุนได้ยินอย่างนั้น จึงหัวเราะออกมาทันที“ฮ่าๆๆ ไม่เกินไปหรอก กลับกันยังสะใจด้วย แต่ดูไม่ออกจริงๆนะว่า นายจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง”
เดิมทีโจวหลินสร้างความอัปยศให้กับเจียงเฉิง เป็นเรื่องความแค้นของเด็ก ถึงสวี่จื้อจุนจะทนดูต่อไปไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถแทรกแซงได้ วันนี้เจียงเฉิงได้ทวงคืนศักดิ์ศรีของตนเองได้แล้ว สวี่จื้อจุนรู้สึกพอใจมาก
สวี่จื้อจุนมองดูเวลาครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า“เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว ไปพักผ่อนกันเถอะ”
สวี่ฉิงตอบรับ แล้วพาเจียงเฉิงกลับห้องนอนของพวกเธอ
เมื่อเห็นสวี่ฉิงปิดประตู หัวใจของเจียงเฉิงก็เต้นแรงทันที คืนนี้ตนจะได้ร่วมเตียงเคียงหมอนกับอาจารย์สาวสุดสวยของตนเอง สาวสวยขนาดนี้ ตนจะนอนด้วยดีไหมนะ?