ตอนที่ 8 ห้องอาบน้ำระทึก
ท่านอ๋องจิบชาและลอบมองนางที่ทำสีหน้าไม่ใครสู้ดีนักอย่างนึกสนใจพร้อมกับวางถ้วยชาลง
“ใช่ เยว่ซินของข้ากลับมาได้เดือนกว่าๆแล้ว น่าแปลกนะที่เจ้าไม่รู้ ทั้งๆที่ข้าพึ่งก้าวเข้าตำหนักไม่ถึงสองชั่วยาม แต่เจ้ากลับมาถึงหน้าตำหนักได้อย่างน่าแปลก”
ซ่งเหมยลี่ทำหน้าตาเลิกลักพร้อมกับยิ้มด้วยท่าทางที่ฝืนเต็มที “เยว่ซินของข้า” งั้นหรือ นี่เขาลืมไปหรืออย่างไรว่านางมิได้เป็นอะไรกับเขาเสียหน่อย แค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงจากเมืองเหลียงเท่านั้นเอง
“ต้องขอประทานอภัย ก่อนหน้านี้หม่อมฉันไปถือศีลที่วัดและภาวนาขอให้พระองค์ออกรบและนำชัยชนะกลับมา พึ่งกลับมาถึงจวนไม่นานนี่เอง จึง…ไม่ทราบข่าวเรื่องที่คุณหนูหลันเยว่ซินกลับมาจึงมิได้มาเยี่ยมเพคะ”
“ไม่จำเป็นหรอก เยว่ซินชอบอยู่อย่างสงบ ไม่ค่อยชอบรับแขกแปลกหน้าและไม่คุ้นเคย แต่ก็ต้องขอบใจเจ้าสำหรับน้ำแกงนี้ อ้อ อีกไม่กี่วันนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับนาง เช่นไรแล้วข้าจะส่งเทียบเชิญไปที่จวนสกุลซ่งด้วย”
ซ่งเหมยลี่นั่งบิดผ้าเช็ดหน้าอย่างอดกลั้น ถึงกับจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับนางเชียวหรือ
“แต่ว่าเมื่อครู่ ท่านอ๋องพึ่งตรัสว่า…ไม่ควรจัดงานเลี้ยงที่เอิกเกริก นี่จะไม่เป็นการ…สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุหรือเพคะ แค่ต้อนรับคนคนเดียว”
“แม่นางซ่ง งานเลี้ยงที่จะจัดครั้งนี้หาใช่เพียงเพื่อต้อนรับเยว่ซินเท่านั้น แต่จัดเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะให้เมืองเฉินโจว และปลอบขวัญเหล่าทหารในกองทัพที่ร่วมสู้รบกับข้า พวกเขาไม่ยิ่งใหญ่พอที่จะได้รับงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่งั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดว่าผู้ใดควรได้รับ คนที่นอนหลับอย่างสบายในเมืองใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเช่นพวกเจ้างั้นหรือ”
“ท่าน…ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันหาได้มีเจตนาเช่นนั้นไม่เพคะ เรื่องนี้หม่อมฉันมิอาจขัดพระบัญชาได้”
“ข้ายัง..ไม่ได้บัญชาสิ่งใด เพียงแค่ถามเจ้าด้วยคำถามปกติเท่านั้น เหตุใดแม่นางซ่งจึงได้ทำท่าตื่นกลัวและร้อนตัวเช่นนั้น เจ้ามิได้พึ่งบอกว่าเจ้าไปสวดมนต์ถือศีลภาวนาที่วัดมาหรอกงั้นหรือ หรือว่าเจ้ามิได้พูดเรื่องจริง”
“ท่านอ๋องเพคะ…หม่อมฉันมิกล้าพูดปดต่อหน้าพระพักตร์เพคะ หม่อมฉัน…”
“เอาล่ะ ข้าเหนื่อยแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถิด ขอบใจที่มา อ้อ …อย่าลืมเอาน้ำแกงนี่กลับไปด้วย คงเคี่ยวมานานอย่าเอาทิ้งไว้เลย เสียดายของ อย่างไรวันนี้ข้าคงกินอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
“พะ…เพคะ หม่อมฉัน….ทูลลาเพคะ”
“กลับดีๆเล่าแม่นางซ่ง”
ซ่งเหมยลี่ไม่มีคำใดกล่าวอีกต่อจากนั้น จึงได้สั่งคนเก็บแกงตุ๋นนั้นกลับทันที แม้ว่านางจะเคยถูกปฏิเสธบ่อยๆ แต่ครั้งนี้ดูจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง เหตุเพราะมีชื่อใครบางคนผุดขึ้นมาให้ได้ยินก็เป็นได้
“หาคนไปสืบมาให้ข้าที ข้าอยากรู้ว่านางกลับมาเมื่อใด และให้คนติดตามนางให้ข้า ข้าจะต้องรู้ทุกความเคลื่อนไหวในตำหนักนี้”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
ซ่งเหมยลี่เดินออกจากตำหนักอ๋องอย่างหงุดหงิดและขึ้นรถม้ากลับไปทันที ส่วนท่านอ๋องนั้นเมื่อส่งแขกที่ไม่ใคร่อยากจะรับรองออกไปได้แล้วนั้นก็หันกลับเข้าด้านใน
“จงลี่ วันนี้ข้าไม่รับแขกแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องจะเสด็จไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าอยากจะแช่น้ำหน่อย อย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องเดินเข้าไปยังห้องบรรทมเพื่อเปลี่ยนชุดอาบน้ำและเดินเข้าไปยังห้องอาบน้ำที่โอ่อ่า ห้องอาบน้ำแยกเป็นสองฝั่งใหญ่ๆ นานแล้วที่ไม่ได้แช่น้ำแบบสบายๆแบบนี้
หากไม่นับช่วงที่เขาอยู่ในวังหลวงที่มีคนคอยปรนนิบัติและอาบน้ำให้เพราะเป็นคำสั่งของฝ่าบาท เมื่อได้แช่น้ำและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็รู้สึกสบายขึ้น จนได้ยินเสียงพูดคุยด้านนอกดังขึ้น เขาลืมไปเลยว่าที่นี่….ยังมีหลันเยว่ซินอยู่ด้วย นางคงกำลังจะเข้ามาอาบน้ำเช่นกัน แต่ว่า….
“ข้าจะแช่คนเดียวเจ้าไม่ต้องรอหรอก รีบไปดูสำรับเย็นนี้ให้เสด็จอาเถอะ”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
เขาฟังไม่ผิดแน่ นางกำลังจะเดินเข้ามาอาบน้ำ แล้วเขา…จะทำเช่นไรดี หันไปเห็นโขดหินใหญ่ตรงหน้า ตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะคิดเขารีบว่ายไปที่โขดหินนั่นทันที ไอน้ำที่กระจายไปทั่วคงจะพอที่จะปิดบังร่างเขาเอาไว้ได้บ้างกระมัง
เสียงของเยว่ซินเดินเข้ามาแล้ว ตอนนี้นางถอดชุดคลุมแล้วเมื่อเขาเผลอตัวหันไปมองและต้องตกตะลึงกับร่างที่เห็นตรงหน้า
ร่างผอมแต่ไม่บอบบาง หน้าอกนั่นไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิดเลยสักนิด แต่กลมกลึงน่าสัมผัส สะโพกผายพอดีกับเรือนร่างนั้นทำเอาผู้ที่ลอบมองอยู่ถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก
ผมที่บัดนี้ถูกเกล้าขึ้นสูงเผยให้เห็นคอระหงนั่นช่างน่าสัมผัส ท่านอ๋องไม่เคยรู้สึกนึกอยากสัมผัสสตรีใดเท่านี้มาก่อนเลย…
“แย่แล้ว แย่แน่ๆ นี่ข้าเป็นอะไรไป”
เยว่ซินค่อยๆเดินลงมาในสระพร้อมกับแช่น้ำอุ่นด้วยความสบายใจหลังจากที่เหนื่อยล้ากับการทำอาหารและออกไปเดินข้างนอกมา ส่วนผู้ที่ลอบมองนางจากโขดหินด้านหลังนั่นถึงกับข่มใจเอาไว้ไม่น้อยเมื่อเห็นท่าอาบน้ำที่เย้ายวนตรงหน้า
“ไม่นะ หยุดเสียที เจ้าคิดบ้าอะไรอยู่จวินลู่หาน นางเป็น…..”
ใช่ นางไม่ได้เป็นอะไรกับเขา นางเรียกเขาว่าเสด็จอา แต่เขามิได้เป็นอาของนางจริงๆนี่ และอายุเขากับนางก็ไม่ได้ห่างกันมากเกินกว่าที่จะแต่งงานกันได้เสียหน่อย หากคิดดีๆแล้ว....
เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเหล่าขุนนางที่น่ารำคาญนั่นมัวแต่กดดันให้เขาคัดเลือกและแต่งตั้งพระชายาเสียที ไหนจะเจ้ากรมซ่งที่คอยส่งบุตรสาวมาให้เขาอยู่ตลอดนั่นอีกเล่า บางทีนี่อาจจะเป็นทางออกที่ดี
“เหตุใดข้าจึงคิดไม่ได้นะ”
เขายังคงหลบซ่อนตัวอยู่สระอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีโขดหินกั้นอยู่ เยว่ซินเริ่มแหวกว่ายไปตามขอบสระอย่างอารมณ์ดี นี่คงเป็นเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้นางยังดูเป็นเด็กอยู่กระมัง
เขาลอบมองอย่างเงียบๆเกือบสองเค่อเมื่อนางแช่พอแล้วและกำลังจะเดินขึ้นไป ภาพนางเดินขึ้นจากสระ แม้ว่านางจะหันหลังให้เขา แต่ภาพนั้นยังงดงามติดตราตรึงใจทำเอาหัวใจที่ไม่ได้เต้นแรงและรัวเร็วเช่นนี้มานานแล้วกลับมาเต้นระทึกอีกครั้ง
“แย่แล้ว…นี่ข้า….คิดบ้าๆอะไรกับนางกันนี่”
เย่วซินเดินออกจากห้องอาบน้ำไปแล้ว เขาถึงกับหายใจหอบอยู่ด้านหลังโขดหิน ก่อนจะค่อยๆเดินไปนั่งแช่น้ำให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยากเหลือเกินที่จะหยุดจินตนาการถึงเรือนร่างที่พึ่งได้เห็นเมื่อครู่นี้ได้
โต๊ะอาหารเย็น
“เสด็จอา เหตุใดพระองค์จึงพระพักตร์แดงก่ำเช่นนั้นเพคะ หรือว่าพระองค์จะต้องลมแรงจนจับไข้เพคะ”
“เอ่อ ข้า…ไม่เป็นไร นี่เจ้า ทำอะไรงั้นหรือ”
“ผัดเต้าหู้ทรงเครื่องเพคะ นำเต้าหู้มาทอดจนกรอบด้านนอกและนำผักเหล่านี้เพียงนาบกับน้ำมันและผัดซุบเห็ดน้ำมันหอยและนำมาราด พระองค์ลองชิมดูสิเพคะ”
จวินอ๋องรู้สึกว่าเขามักจะลอบมองไปที่ริมฝีปากนางอยู่เสมอ หลันเยว่ซินในอดีตที่ยิ้มยากผู้นั้นเหมือนจะไม่อยู่ตรงนี้
ตอนนี้ตรงหน้าเขานางเริ่มยิ้มให้เขาบ้างแล้ว เมื่ออาหารนั้นเข้าปากเขา จึงรู้สึกได้ว่าอร่อยราวกับไม่เคยได้กินที่ใดมาก่อน ท่านอ๋องเติมข้าวถึงสองครั้งทั้งๆที่ตอนบ่ายปฏิเสธน้ำแกงจากซ่งเหมยลี่ไป
“เสด็จอาดูเหมือนจะไม่สบายนะเพคะ หม่อมฉันจะไปต้มน้ำขิงมาให้ดื่มก่อนบรรทมนะเพคะ”