บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 ท่านอ๋องไม่สบาย

จมูกเขาแดงขึ้น ใบหน้าร้อนผ่าวซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะเขาแช่น้ำนานกว่าหนึ่งชั่วยาม ขึ้นๆลงๆอยู่ด้านหลังนั่นจนแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ด้านนอกแล้วจึงขึ้นมาและพบว่าจมูกเริ่มจะไม่ได้กลิ่นอะไรเพราะเขาสูดไอน้ำในห้องน้ำไปมากนั่นเอง

ห้องบรรทม

“เสด็จอาเพคะ นี่น้ำขิงเพคะ ดื่มเสียก่อนเถิดเพคะ”

“อืม ขอบใจเจ้ามาก เยว่ซิน มานั่งนี่สิ”

เยว่ซินเดินเข้าไปที่โต๊ะทรงอักษรของท่านอ๋องที่บัดนี้เขาสวมเพียงเสื้อนอนและมีชุดคลุมด้านนอกอยู่

“มีสิ่งใดหรือเพคะ”

“รายชื่อแขกที่จะเชิญมางานเลี้ยงอีกห้าวันข้างหน้า เจ้าอยากจะเชิญผู้ใดเพิ่มอีกหรือไม่”

“หม่อมฉันมีสหายในเมืองเฉินโจวนี้เพียงสองคนเพคะ สามารถเชิญพวกเขามาด้วยได้หรือไม่เพคะ”

“ย่อมได้อยู่แล้ว ผู้ใดกัน”

ท่านอ๋องถามพลางยกน้ำขิงที่นางต้มนั้นขึ้นมาจิบ

“ก็ลี่หลานเฟิน และศิษย์พี่ฟู่หย่งเล่อเพคะ”

“แค่ก แค่ก”

ท่านอ๋องสำลักน้ำขิงที่พึ่งดื่มเข้าไปในทันทีที่นางเอ่ยถึงบุรุษหนุ่มที่เรียนสำนักศึกษาเดียวกัน แต่บัดนี้เยว่ ซินตกใจและหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปากให้เขา

“แย่จริง น้ำร้อนเกินไปหรือเพคะ หม่อมฉันคงไม่ได้เตือนเสด็จอา…ก่อน….เอ่อ…”

ใบหน้านางอยู่ใกล้เขาเพียงนิดเดียวเมื่อรีบพุ่งตัวไปเช็ดปากให้ท่านอ๋อง เขาคว้าที่มือนางและมองนางอยู่ ใบหน้าที่ขาวดุจไข่มุกไร้เครื่องประทินโฉมในยามนี้ของนางทำเอาท่านอ๋องเริ่มวางตาไม่ลง นางค่อยๆดึงมือออกแต่เขารั้งมือเอาไว้

“เช็ดให้ข้า…หมดแล้วหรือยัง เช็ดออกให้หมดสิเยว่ซิน”

“พะ….เพคะ”

เยว่ซินไม่อาจขัดบัญชาได้ นางจึงเช็ดปากเขาพร้อมกับเช็ดที่ปกเสื้อชุดนอนเขาด้วยก่อนจะรีบดันตัวเองออกมาอย่างเร่งร้อน

“สะ…เสร็จแล้วเพคะ”

“อ้อ เช่นนั้นแขกที่เจ้าให้เพิ่ม เจ้าก็เขียนเพิ่มเอาเถิด”

“เพคะ”

นางคว้าพู่กันและน้ำหมึกมาเขียนรายชื่อต่อจากแขกของท่านอ๋อง เขามองนางสลับกับดื่มน้ำขิงจนหมด เมื่อนางเขียนเสร็จแล้วจึงวางลง

“หากว่าเสด็จอาดื่มน้ำขิงหมดแล้ว หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ”

“ข้า….รู้สึก…เวียนหัวเสียจริง เจ้า..มาพยุงข้าที”

“หม่อมฉันคิดว่าเสด็จอาคงจะจับไข้แล้วเป็นแน่ อย่างไรให้ท่านหมอมาดูอาการเสียหน่อย…”

“ไม่ต้อง…เจ้า…เช็ดตัวเป็นหรือไม่”

“เพคะ??”

“อยู่ที่สำนักศึกษา เขาไม่ได้สอนการเช็ดตัวให้หรือ”

“คือว่า…ก็มิใช่ว่าจะไม่สอน แต่ว่า…”

“เช่นนั้นเจ้าก็ทำ คงไม่มากไปหรอกใช่หรือไม่”

“แต่ว่า ให้พี่จงลี่มาทำจะสะดวกกว่าหรือไม่เพคะ”

“จงลี่ไปทำงานให้ข้า คืนนี้ไม่มาแล้ว คนอื่นก็คงนอนหมดแล้ว เจ้านั่นแหละทำ”

คำพูดที่ฟังดูเรียบๆแต่แฝงด้วยความนัยมากมายอย่างไม่อาจคิดได้นั้นทำให้เยว่ซินปฏิเสธไม่ได้ แม้ว่านางจะเคยเช็ดตัวให้หลานเฟิน แต่นางก็เป็นสตรีเช่นเดียวกับนาง ไม่เหมือนจวินอ๋อง ที่เป็นบุรุษแต่กลับให้นางเช็ดตัวให้

“เสด็จอาเพคะ พระองค์ต้อง….ถอดชุดนอนก่อนเพคะ”

“อ่อ ได้สิเจ้า..จัดการได้เลย ข้าเหมือนจะหมดแรงแล้ว”

“….ก็ได้เพคะ”

ท่านอ๋องปล่อยให้นางถอดเชือกผูกชุดนอนของเขาออกเผยให้เห็นอกกว้างที่มีกล้ามเนื้อกำยำด้านใน เยว่ซินหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นเข้า

นางไม่เคยเห็นกล้ามเนื้อที่งดงามเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจะเคยเห็นพวกศิษย์พี่ที่เคยถอดเมื่อตอนที่เรียนวิชากลางแจ้ง แต่ก็มิได้น่าดูเช่นของท่านอ๋องตรงหน้า

“เจ้า…เคยเห็นด้วยหรือ เหตุใดดูเจ้าไม่นึกแปลกใจ”

จวินลู่หานถามด้วยความนึกแปลกใจเพราะเขาภาคภูมิใจกับกล้ามเนื้อในส่วนนี้มาก เชื่อว่าสตรีใดได้พบเห็นย่อมทนไม่ไหวแต่หลันเยว่ซินกลับมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“หม่อมฉัน…เคยเห็นพวกศิษย์พี่…”

“เจ้าเห็นของชายอื่นงั้นหรือ…”

ท่านอ๋องลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเตียงพร้อมกับดึงแขนที่ถือผ้าชุบน้ำเพื่อจะเช็ดตัวให้เขา เยว่ซินตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเขาลุกขึ้นมาได้ ท่านอ๋องเองก็ดูเหมือนจะลืมว่าแกล้งป่วยอยู่ เขาจึงเริ่มทำท่าหมดเรี่ยวแรงและค่อยๆล้มตัวลงไป

“เอ่อ…เสด็จอา…เป็นอย่างไรบ้างเพคะ”

“ข้าลุกขึ้นกะทันหัน ตอนนี้...เหมือนจะเวียนหัว”

“เช่นนั้นหม่อมฉันจะรีบเช็ดตัวให้นะเพคะ”

“ลำบากเจ้าแล้ว ว่าแต่...เหตุใดเจ้าจึงต้องแอบดูชายหนุ่มฝึกวิชาด้วยเล่า”

“หม่อมฉันเปล่านะเพคะ ปกติแล้วชายหญิงจะแยกกันฝึกอยู่แล้ว แต่ว่ามีหลายครั้งที่พวกเขาจะวิ่งไปรอบๆสำนัก และพวกหม่อมฉันก็ทำอย่างอื่นอยู่จึงได้เห็น บางทีพี่หย่งเล่อก็วิ่งมาแวะทักทายก่อนจะไปรวมแถวเพคะ”

เขาได้ยินชื่อนี้มาไม่ต่ำกว่าสามครั้งแล้วตั้งแต่นางกลับมา และเขาก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมามากขึ้นทุกครั้งที่ได้ยิน แม้ว่าจะนานแล้วที่ไม่พบนาง แต่เหตุใดเมื่อพบอีกครั้งในรอบนี้ เขากลับอยากครอบครองนางเอาไว้เพียงคนเดียว ไม่อยากให้ผู้อื่นมายุ่งเกี่ยวกับนาง

“เจ้า สนิทกับคนผู้นั้นมากหรือ”

“หมายถึงหลานเฟินหรือเพคะ”

“กับ…”

“พี่หย่งเล่อหรือเพคะ พวกเรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเพคะ เพราะอยู่เมืองเดียวกัน คนอื่นๆที่มาจากเมืองเดียวกันก็สนิทกันเช่นนี้เหมือนกัน พี่หย่งเล่อยังมอบเข็มกลัดให้พวกเราด้วยในพิธีปักปิ่นและจบการศึกษา”

“พิธีปักปิ่นงั้นหรือ”

ใช่ เขานึกออกแล้ว ช่วงเวลาอายุสิบเจ็ดปีเต็มของสตรีจะต้องผ่านพิธีนี้ เขาเคยเข้าร่วมอยู่สองครั้งในพิธีนี้ในเมืองเฉินโจวกับบุตรตรีขุนนาง

หนึ่งในนั้นก็มีซ่งเหมยลี่ด้วย ซึ่งเขาพอนึกออกว่าเป็นพิธีที่สำคัญมาก แต่ตอนที่เยว่ซินครบสิบเจ็ดปี ในตอนนั้นเขาคงอยู่ท่ามกลางสนามรบและไม่ทันได้เตรียมปิ่นสวยๆส่งไปให้นาง

“เจ้าบอกว่า เขามอบเข็มกลัดให้งั้นหรือ”

“เพคะ มอบให้หม่อมฉันกับหลานเฟินคนละอันเพคะ”

“โอ๊ย…เหตุใดข้า....จึงปวดหัวเช่นนี้นะ แย่จริง”

“เสด็จอาเพคะ หม่อมฉันให้คนไปต้มยาแก้ไข้มาให้ดีกว่านะเพคะ”

“ไม่ต้องหรอก นอนพักสักพักก็คงหาย เจ้าน่ะหากไม่ลำบากก็ช่วยอยู่เป็นเพื่อนข้าที หากไข้ขึ้นตอนดึกอีก อาจจะต้องรบกวนเจ้าเช็ดตัวให้อีกที”

“แต่ว่า นี่ห้องบรรทม…”

“ทำไมละ เจ้าจำไม่ได้หรือว่าตอนที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ เจ้าก็ขอมานอนด้วยกับข้าทุกคืนร่วมเดือน ตอนนั้นไม่เห็นเจ้าจะนึกกลัว”

“แต่ว่านั่น หม่อมฉัน…พระองค์จะนำมาตรัสรวมกันหาได้ไม่นะเพคะ”

“ตอนนี้กับตอนนั้นต่างกันตรงไหน เจ้าก็ยังเป็นเจ้า ข้าก็ยังเป็นข้า หรือว่าเจ้าในตอนนี้ มองข้า…เป็นคนอื่นไปเสียแล้ว”

“เสด็จอาเพคะ เหตุใดจึงตรัสเช่นนั้น”

“เจ้าจากที่นี่ไปตั้งสี่ปี แน่นอนว่าจะเหมือนเดิมได้เช่นไร เจ้ามีทั้งสังคมใหม่ สหายใหม่ คนรู้จักมากมาย เจ้าคงไม่ต้องมาสนใจท่านอ๋องที่บ้าศึกสงครามเช่นข้าแล้วกระมัง”

“ไม่ใช่นะเพคะเสด็จอา หม่อมฉันไม่ได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่ว่า…เสด็จอาเองก็ถึงวัยที่…สมควร…”

“แล้วอย่างไร ข้ารู้ตัวว่าข้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ หากว่าเจ้าคิดว่าลำบากมาก เจ้าก็ออกไปเถิด ไม่ต้องทำแล้ว”

ท่านอ๋องหันหลังให้กับนาง หลันเยว่ซินไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเมื่อเป็นก่อนนี้หรือในตอนนี้ที่เขาน่าจะโตขึ้นจากครั้งที่นางจากไปก่อนหน้านั้น

แต่ดูแล้วเหตุใดเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจที่นางเมินเขาเช่นนี้เสียงหมอนวางดังจนจวินลู่หานต้องหันมาดูเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้หันมาทั้งตัว

“นั่นเจ้าจะทำสิ่งใดกัน”

“จัดที่นอนเพคะ”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel