ตอนที่ 3 พิธีส่งตัวครั้งแรกของลั่วอ๋อง
“กระหม่อมคิดว่า….เรื่องนี้พระองค์ทรงตรัสกับพระชายาเองจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้เป็นนายหันมามองหน้าองครักษ์หนุ่มคู่กายด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง เขาเดินออกจากห้องทรงงานและมุ่งตรงไปยังห้องส่งตัวที่ถูกจัดเตรียมไว้ดูยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ก่อนหน้านั้นรับพระสนม เขาไม่เคยมาห้องส่งตัวพวกนางมาก่อนเลย แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เพราะเป็นการรับพระชายา พิธีส่งตัวจึงจำเป็นต้องทำ
“เปิดประตู”
“ท่านอ๋อง หากว่ากระหม่อมปิดประตูนี้แล้ว คืนนี้พระองค์ต้องอยู่ในห้องจนถึงเช้าวันพรุ่งขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ”
“จางจื่อเจ้าอยากเปลี่ยนอาชีพไปเป็นพ่อสื่องั้นหรือ”
“ท่านอ๋อง คือเรื่องนี้…”
“ข้ารู้แล้ว ออกไปเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องเดินเข้ามายังห้องส่งตัว เขามองไปยังเตียงที่มีเจ้าสาวในชุดสีแดงนั่งอยู่พร้อมกับผ้าปิดหน้า นางนั่งตัวเอียงแปลกๆเมื่อเทียบกับเจ้าสาวที่ตื่นเต้นในคืนส่งตัว
“นี่นางคงไม่ใช่ว่า…กำลังหลับอยู่หรอกนะ”
ลั่วอ๋องลำพึงเบาๆเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ เขายืนตรงหน้านางอยู่นานจนฟังเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนตรงหน้า นางหลับไปแล้วจริงๆ
เขาจึงเดินไปหยิบไม้มงคลมาเพื่อเปิดดูหน้าของนาง อย่างน้อยเขาก็ควรจะรู้ว่าเขาแต่งงานกับผู้ใด เขาเดินนำไม้ไปเปิดหน้าเจ้าสาว จังหวะเดียวกันที่นางคว้าข้อมือเขาเอาไว้ได้
“เจ้าเป็นผู้ใด หากว่าไม่แจ้งอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
เสียงดุดันราวแม่เสือพึ่งตื่นนอนทำเอาเขานึกตกใจ เมื่อครู่เขาฟังเสียงลมหายใจจนแน่ชัดแล้วว่านางหลับ?? มิใช่หรือ เหตุใดจึงตื่นแล้วล่ะ
“ข้าเป็นสามีของเจ้า”
มือนั้นปล่อยข้อมือของเขาลงพร้อมกับลุกขึ้นจนลั่วอ๋องนึกตกใจ เขาตั้งท่ารับทันทีคิดว่านางจะโจมตีเขา แต่นางทำเพียงย่อกายลงคำนับเขาเท่านั้น
โชคดีที่ผ้าแดงนั้นปิดอยู่มิเช่นนั้นเขาคงทำตัวไม่ถูกอย่างแน่นอน แม้ว่าจะรับพระสนมมาเจ็ดคนแล้ว แต่พิธีการเปิดหน้าเจ้าสาว ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“อืม ข้า…เปิดหน้าเจ้าได้หรือยัง”
“เชิญเพคะ”
ท่านอ๋องรู้สึกว่ามือของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อนางพูดจบ หัวใจเริ่มเต้นแรงแค่ฟังเสียงนาง เอาเข้าจริงๆแล้วน้อยครั้งมากที่เขาจะเข้าใกล้สตรีถึงเพียงนี้ แม้ว่าเจ็ดครั้งที่ผ่านมารับสนมเข้าตำหนัก
แต่เขากับพวกนางไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ากัน บางคนอยู่ในตำหนักเขาไม่ถึงเดือน ยาวสุดคือสองเดือนและสั้นที่สุดคือหกวัน
“ท่านอ๋องเพคะ”
“ว่าอย่างไร”
“เอ่อ…ช่วยเร็วหน่อยก็ดีเพคะ หม่อมฉันง่วงแล้ว”
เขานึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อยเมื่อได้ยินแต่ก็อยากรีบทำให้จบพิธีเช่นกันเมื่อไม้นั้นผ่านเข้าไปและนางจับข้อมือเขาอีกครั้ง
“ท่านอ๋องเพคะ จะจิ้มตาหม่อมฉันแล้วนะเพคะ พระองค์คงไม่คิดจะฆ่าหม่อมฉันเลยหรอกนะเพคะ อย่างน้อยให้หม่อมฉันได้พักเหนื่อยก่อนได้หรือไม่เพคะ”
“ข้า…เจ้าเอามือออกไปก่อนข้าจะเปิดแล้ว”
ฟ่างชิงเยี่ยนปล่อยมือเขาอีกครั้ง คราวนี้ท่านอ๋องเปิดผ้านางออกมา ใบหน้าที่ขาวเนียนถูกแต่งแต้มสีสันจัดจ้าน ปากที่ทาด้วยชาดสีแดง ดวงตากลมโตที่มองมาที่เขานั้นให้ความรู้สึกราวกับลูกแมวตัวหนึ่ง
ชิงเยี่ยนเองก็มองผู้ที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน แม้ว่าจะได้ยินชื่อเสียๆของเขามาเยอะ แต่คนที่ยืนตรงหน้ากลับดูต่างกับสิ่งที่เคยได้ยินมา
เขาดูจะมีอายุมากกว่านางไม่มาก แววตาคมเข้มดุจพยัคฆ์ที่จ้องมองมาที่นางด้วยความระแวงและสงสัย นอกจากสายตาที่ดุดันนั่นแล้ว ใบหน้ารูปไข่
จมูกเป็นสันได้รูปที่รับกับหน้าราวกับเทพบุตรนั้นทำเอาผู้มองแอบหวั่นไหวไม่น้อย นี่จะใช่อ๋องโลหิตที่ว่านั่นจริงงั้นหรือ
“เจ้า…มีนามว่าอย่างไร”
“หม่อมฉันฟ่างชิงเยี่ยนเพคะ”
ทั้งคู่สบตากันสักพัก แต่ละคนมองหน้ากันด้วยพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดรอบคอบโดยที่ไม่พูดอะไรกัน จนลั่วอ๋องนั้นได้สติขึ้นมาก่อน เขาจึงหยิบสุราสองจอกมายื่นให้นาง
“ดูเหมือนว่าเราต้องดื่มสุรามงคลนี่ด้วย”
“ดูเหมือนว่า..จะเป็นเช่นนั้นเพคะ”
ทั้งคู่ยกสุราขึ้นมาพร้อมกันและมองหน้ากัน
“อะฮึ่ม ….คือว่า เห็นว่าจะต้อง….เจ้า…”
“อ้อ เพคะ หม่อมฉันทราบ ต้องคล้องแขนกันเพื่อดื่มด้วยเพคะ”
ทั้งคู่เริ่มคล้องแขนกันด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ เพราะประหม่าไม่น้อย ฟ่างชิงเยี่ยนกลับคิดว่าท่านอ๋องตรงหน้านี้แม้ว่าจะดูดุดันแต่เขาก็ไม่ต่างกับคนธรรมดาทั่วไป และยังดูเป็นมิตรมากกว่าคนในสกุลฟ่างบางคนเสียอีก โดยเฉพาะ…บิดาของนาง
“โอ๊ย…ท่านอ๋องเพคะ ปิ่นนั่น”
“เดี๋ยวก่อน เจ้าอยู่เฉยๆ ข้าจะดึงออกให้”
เครื่องประดับของชิงเยี่ยนเผลอไปติดกับเข็มกลัดที่อกของท่านอ๋องเมื่อพวกเขาคล้องแขนดื่มสุรากันเสร็จแล้วและนางก้มคำนับให้เขา
ทั้งคู่ต่างก็ตกใจ หากว่าเขาดึงแรงไปก็อาจจะทำให้นางเจ็บได้ ซึ่งเขาไม่ถนัดเรื่องเช่นนี้เลย นี่คือความน่ารำคาญของสตรีที่เขาพยายามหลีกหนีมาตลอด
“น่ารำคาญยิ่งนัก อยู่เฉยๆข้าจะตัดมันออก”
“อย่านะเพคะ!!”
“แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร จะให้อยู่ท่านี้ทั้งคืนงั้นหรือ”
“หม่อมฉันจัดการเองเพคะ”
ฟ่างชิงเยี่ยนค่อยๆหันและปรับหน้าเข้าไปพร้อมกับดันตัวท่านอ๋องมานั่งที่เตียงนางหันหน้าจนมาชนอกของเขาและเริ่มแกะปิ่นเจ้าปัญหานั่นออกจากเข็มกลัดหน้าอกของเขา เสียงหัวใจของเขาดังรัวถี่เช่นเดียวกับหัวใจของนาง
“ออกหรือยัง”
“ใกล้แล้วเพคะ”
ชิงเยี่ยนบอกเขา เมื่อนางค่อยๆแกะเครื่องประดับออกมาจนได้พร้อมกับเขาที่ก้มลงไปลอบมองดูหน้านางในตอนนี้ หัวใจเขาเริ่มเต้นผิดจังหวะอย่างน่าประหลาด
“ออกแล้วเพคะ”
ชิงเยี่ยนดึงเครื่องประดับนั้นออกมาได้สำเร็จจนมุกที่ติดอยู่กับปิ่นของนางหลุดออกมาอย่างน่าเสียดาย
“น่าเสียดาย หลุดจนได้ ช่างเถอะพรุ่งนี้ค่อย…..”
ชิงเยี่ยนรู้สึกว่าเริ่มควบคุมสติไม่อยู่ นางรู้สึกแปลกๆหรือนางจะเริ่มง่วงกันนะ
“นี่…เจ้าเป็นอะไรไป….นี่..เดี๋ยวนะ…ในเหล้านั่น!!…พระชายา!!”
ชิงเยี่ยนล้มลง ลั่วอ๋องรีบวิ่งมารับนางและอุ้มไปที่เตียงตอนนี้นางเริ่มหายใจหอบรัว นี่คงเป็นครั้งแรกที่นางถูกวางยาเช่นนี้ ในสุรานั่นมียาผสมอยู่ ยาที่จะให้พวกเขาเข้าพิธีส่งตัวอย่างสมบูรณ์ สุรานี่เป็นสุราพระราชทาน เช่นนั้นผู้ที่ทำเรื่องนี้ได้มีแค่คนเดียว……
“ฝ่าบาท….เดี๋ยวพระชายา นั่นเจ้า…จะทำอะไร”
“ร้อน….ไม่ไหวแล้ว ช่วยด้วย น้ำ..น้ำ หิวน้ำ”
ชิงเยี่ยนลุกลงจากเตียงและวิ่งไปยังเหยือกที่วางอยู่
“อย่านะ!! นั่นไม่ใช่น้ำ ฟ่างชิงเยี่ยน!!”
นางกรอกสุรานั้นเข้าปากไปจนหมดรวดเดียวพร้อมกับเริ่มถอดชุดออกอย่างรวดเร็วและเดินมายังที่ลั่วอ๋องนั่งอยู่ เขาพยายามจะรวบรวมปราณแต่ในสถานการณ์เช่นนี้เขากลับทำอะไรไม่ได้ เมื่อนางเดินเข้ามาพร้อมกับโอบรอบคอของเขา
“นี่ท่านอ๋อง คืนนี้เป็น…คืน..เข้าหอ…เอิ้ก….”
“นี่เจ้า…เมาแล้ว”
“อืม…อีกไม่นานก็ต้องตายอยู่ดี ได้นอนกับคนรูปงาม…เอิ๊ก…เช่นท่าน….อาา….พ่อหนุ่มรูปงาม…ข้า..ร้อน ช่วยด้วย”
ลั่วหมิงจ้านเริ่มทนไม่ไหวเมื่อนางเริ่มถอดชุดของนางจนเหลือเพียงชั้นในบางเบานางไม่เพียงได้รับยามากกว่าเขา ในตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
“พระชายา เจ้าออกไปก่อน มิเช่นนั้นเราจะควบคุมมันไม่ได้”
“ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ต้องการข้าน่ะท่านอ๋อง ข้าแต่งให้ท่าน …เรื่องนี้ อ๊าา…ร้อนน เร็วเข้าสิ ร้อน…”
ปากอวบอิ่มนั้นรีบประกบไปที่ปากของอ๋องหนุ่มทันทีเพื่อไม่ให้เขาพูด นางเริ่มจัดการชุดของเขาออก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแรงมากขนาดนี้คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาเป็นแน่ ท่านอ๋องพยายามผลักนางออกไป แต่ตอนนี้เขาเองก็เริ่มจะต้านทานฤทธิ์ยานั่นไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“ฟ่างชิงเยี่ยน ข้าขอพูด…เป็นครั้งสุดท้าย…อาา เจ้าจะทำอะไร”
“ข้าต้องการท่าน อย่าพูดมาก เข้าหอกันเถอะเร็วเข้า!!”