บท
ตั้งค่า

2 เห็นแก่ตัว

น้ำร้อนถูกกดลงในถ้วยกระดาษที่ภายในบรรจุเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หลังจากนั้นจึงหยิบไส้กรอก ไข่ต้มและแฮม เอาติดมือมานั่งที่โต๊ะในร้านสะดวกซื้อ หลังจากคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือสอบมาตลอดหนึ่งปีเต็ม วันนี้ซูจื่อถิงจะได้รู้สักทีว่าความพยายามของตนเองนั้นจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ใบหน้าอิดโรย แววตาเซื่องซึม ถึงแม้จะอายุยังน้อยแต่การอดนอนเพื่ออ่านหนังสือและการทำงานพาร์ทไทม์เลี้ยงชีพ ก็สามารถทำให้เด็กสาวคนหนึ่งเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

ซูจื่อถิงเรียนจบในมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับท็อปของประเทศ เมื่อคิดถึงช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ก่อนจะเรียนจบก็ได้แต่ทอดถอนใจ เวลาแนะแนวการเรียนจบ ก็ไม่เคยเห็นรุ่นพี่คนไหนกลับมาบอกว่า รสชาติของการเป็นผู้ใหญ่มันจะเหน็ดเหนื่อยถึงเช่นนี้ อันที่จริงเธออยากเป็นพนักงานออฟฟิศเอกชนสักแห่งแต่ถูกคนที่บ้านกดดันให้สอบราชการ และพร่ำบอกถึงเหตุผลดี ๆ ของการเป็นราชการ เธอจึงจำเป็นต้องสอบให้ติด ตามความตั้งใจของทุกคน

ใกล้ถึงเวลาของการประกาศผล หญิงสาวใจจดใจจ่อกับโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้า ซูจื่อถิงหมุนตะเกียบในมือเพื่อให้เส้นบะหมี่ม้วนเข้ามาอยู่รอบตะเกียบเพื่อที่จะสะดวกในการกิน คนตัวเล็กค่อย ๆ ซู๊ดบะหมี่เข้าไปในปาก พร้อมกับมืออีกข้างที่กำลังเปิดหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นหน้าเว็บไซต์ประกาศผล

คนตัวเล็กหรี่ตาลงเล็กน้อย หลังจากล็อกอินและใส่รหัสประจำตัวผู้เข้าสอบไปเรียบร้อย หน้าเว็บไซต์สำนักสอบข้าราชการพลเรือนเป็นสีแดงสดอันหมายถึงสีของธงชาติก็ปรากฏ มีแบนเนอร์ข้อความขนาดใหญ่ที่ขึ้นเป็นคำประกาศผลอยู่ตรงกลาง ถ้าเธอกดเข้าไปเมื่อไหร่ผลการสอบข้าราชการพลเรือนประจำปีนี้จะปรากฏขึ้นต่อหน้า

ซูจื่อถิงกินบะหมี่ที่กำลังยกขึ้นมาจนหมดไปหนึ่งคำ ก่อนที่จะค่อย ๆ จิ้มแบนเนอร์ประกาศผลสอบด้วยความตื่นเต้น

“ขอแสดงความยินดีด้วย คุณสอบผ่าน”

เมื่อได้เห็นหน้าจอประกาศผล ซูจื่อถิงกระโดดโลดเต้นดีใจอย่างถึงที่สุด จนผู้คนที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อหันมามองไปตาม ๆ กัน

“ฉันสอบติดราชการ” เสียงของหญิงสาวตะโกนลั่นร้าน

“จริงเหรอดีใจด้วย” ผู้คนในร้านเมื่อรู้สาเหตุของการดีใจต่างก็เข้ามาแสดงความยินดีไปพร้อม ๆ กัน

“ฉันสอบติดแล้ว” ซูจื่อถิงตะโกนเสียงดังลั่น

สีหน้าและแววตาของผู้คนในร้านสะดวกซื้อต่างก็ยินดีไปกับเธอ

“ดีใจด้วยนะนังหนู ในที่สุดความพยายามของเธอก็สัมฤทธิ์ผล” หญิงชราสองคนถือไม้เท้าแต่งกายแบบโบราณสีหน้าและท่าทางใจดี ยิ้มแย้มให้กับซูจื่อถิง

ชุดและการแต่งกายสวยงามดูคล้ายกับหลุดออกมาจากกองถ่ายละคร จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออก

แคก ๆ ๆ ความรู้สึกคล้ายกับมีก้อนบางอย่างมาติดอยู่ที่บริเวณลำคอ ความแสบร้อนของรสชาติบะหมี่ตีขึ้นจมูก

“ชะ ช่วยฉันด้วย” ร่างกายผอมบางของหญิงสาวคุกเข่าลงกับพื้น มือไม้พยายามไขว่คว้าหาผู้คนรอบข้าง แต่ไม่มีใครสักคนที่จะยื่นมือช่วยเหลือเธอ

“น่าสงสารจังเลย อุตส่าห์สอบติดแล้วเชียว” หญิงชราชุดสีขาวบอก

“ก็น่าสงสารอยู่ มนุษย์หนอมนุษย์” หญิงชราชุดสีดำเสริม

“เอาอย่างไรดีเสี่ยวซาน”

“เสี่ยวไป๋ ข้าสงสารนาง พ่อแม่และน้องชายที่อยู่บ้านนอกจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ ถ้ารู้ว่าลูกสาวตายแล้ว”

ก็คงเอาเงินประกันชีวิตของเธอไปใช้จ่ายกินกันจนอิ่ม เธอคิดในใจ แม้ซูจื่อถิงจะฟังสิ่งที่หญิงชราสองคนพูดไม่ค่อยเข้าใจนัก คุณยายสองคนนี้เป็นอะไรกันทำไมไม่รีบเข้ามาช่วยเธอ เป็นยมทูตกันเหรอคะ

“ใช่แล้วล่ะนังหนู ข้ากับเสี่ยวซานเป็นยมทูต” หญิงชราชุดขาวได้ยินเสียงที่เด็กสาวคิดในใจ

“ช่วยหนูด้วยค่ะ หนูยังไม่อยากตาย” เธอพยายามเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือ

เพิ่งจะสอบติด เพิ่งจะเรียนจบแล้วก็ต้องตายงั้นเหรอ อะไรกันเธอยังไม่ทันจะได้ใช้เงิน ยังไม่ทันจะได้แต่งตัวสวย ๆ เลย ถ้ารู้ว่าจะต้องตายเธอคงใช้เงินทั้งหมดที่มีเพื่อตัวเอง ไม่เพื่อใครทั้งนั้น

“น่าสงสาร เอายังไงดี”

หญิงชราทั้งสองคน ถือไม้เท้าขยับเก้าถอยหลังไปนิดหน่อยพูดคุยซุบซิบอะไรกันสักอย่าง ซูจื่อถิงที่สติกำลังเลือนหายไป มองคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า พื้นที่รอบตัวเปลี่ยนกลับมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เสียงของหญิงชราสองคนหายไปแล้ว เหลือแค่เพียง เสียงของหน่วยกู้ชีพที่กำลังใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตเธอ

“ไม่มีชีพจร ยืนยันการเสียชีวิต”

“เสียชีวิตเวลา.......”

ภาพของผู้คนในร้านสะดวกซื้อค่อย ๆ เลือนรางหายไปทีละน้อย กลิ่นบะหมี่ที่สำลักหกเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเต็มร่างกายก็หายไปหมดแล้ว ร่างกายของซูจื่อถิงกำลังล่องลอยอยู่ในความมืดมิด ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่คล้ายกับนานมากเหลือเกิน

น้ำเสียงคุ้นหูของใครหลายคนกำลังพูดคุย ซูจื่อถิงจำได้ ดูเหมือนนั่นจะเป็นเสียงคนในครอบครัวเธอ

“มันตายแล้ว โชคดีที่หลอกให้มันทำประกันชีวิตไว้ให้พวกเรา ไม่เสียแรงที่รับมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” ผู้หญิงวัยกลางคนกล่าว

“โธ่ มันน่าจะตายหลังเข้าไปเป็นราชการแล้ว พวกเราจะได้รับสวัสดิการ นี่อะไรดันชิงตายไปเสียก่อนจะได้รับสวัสดิการ” ผู้ชายสูงวัยเป็นคนพูด

“แล้วยังไงละคุณพ่อคุณแม่ เงินประกันของนางนั่นจะพอส่งให้ผมเรียน ม.ปักกิ่งได้หรือเปล่า พ่อแม่ก็รู้ว่าผลสอบของผมปีนี้ดีเพียงพอจะได้เข้าเรียนที่นั่น” เด็กหนุ่มเป็นคนพูด

“พอสิจ๊ะลูกรัก เงินประกันมันเพียงพอจะทำให้เราทั้งบ้านสบายกันไปตลอดหลายปีเชียวล่ะ อย่างน้อย ๆ ก็เพียงพอจนส่งลูกชายของแม่เรียนจบมหาวิทยาลัย และซื้อบ้านดี ๆ อยู่”

“แต่ก็น่าเสียดายนะครับคุณแม่ ถ้ามันยังอยู่ ถ้าเรียนจบ ผมก็ไม่ต้องทำงานปล่อยให้นังลูกเลี้ยงนั่นหาเงินให้เรากินให้เราใช้ อุตส่าห์เคี่ยวเข็นให้เรียบจบมหาวิทยาลัยดี ๆ แล้วเชียว” เด็กหนุ่มหงุดหงิด

“ดีแล้ว ๆ พวกเราจะได้ไม่ต้องลงมือทำให้มันตายเอง” ชายสูงวัยสบายใจที่เขาไม่ต้องวางแผนฆาตกรรมลูกเลี้ยงคนนั้นและหล่อนชิงตายก่อนโดยที่มือของเขาไม่เปื้อนเลือด

บทสนทนาที่สุดแสนจะเห็นแก่ตัว ลอยดังลอดเข้ามาในโสตประสาท เธอไม่คิดเลยว่าคนบ้านนั้นจะไม่เคยรักเธอ และใช้เธอเป็นเครื่องมือในการหาเงิน ถึงแม้ว่าตนเองนั้นจะพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นที่รักของคนทั้งบ้าน แต่กลายเป็นว่าความพยายามของเธอมันสูญเปล่า

หยาดน้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้ว กลับมารินไหลอีกครั้ง เสียงร้องไห้ของหญิงสาวเข้ามาทดแทนเสียงของพวกคนเห็นแก่ตัว

“ได้โปรดสวรรค์ขอชีวิตใหม่ที่ดีให้หนูได้ไหมคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel