บทที่ 2 โลกใหม่
อ้อมแอ้มลืมตาตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าด้วยอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และที่เจ็บมากที่สุดคือตรงส่วนท้ายทอย มันปวดหนึบราวกับว่าโดนของแข็งมากระทบอย่างแรง หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ ค่อยปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่ส่องออกมาตามรูของผนังบ้าน ที่ทำจากใบไม้และหญ้าหรือจะเรียกได้ว่าเป็นกระท่อมคงจะไม่เกินจริง
เดี๋ยวนะผนังบ้านที่ทำจากใบไม้และหญ้าอย่างนั้นหรือ คราวนี้ร่างบางได้ตื่นเต็มตาเธอมองไปรอบๆ ทุกอย่างในนี้มุงจากหญ้าและใบไม้ ดีที่สุดก็คือเตียงที่เหมือนกับแคร่ไม้ไผ่ปูด้วยผ้าผืนบาง อ้อมแอ้มยกฝ่ามือขึ้นดูมือที่ดูเหมือนจะเล็กนิดเดียว กับเสื้อเก่าๆ ถูกปะชุนจนแทบจะหาพื้นที่ดีไม่ได้เอาเสียเลย
จะบ้าตายนี่มันที่ไหนกัน เธอควรจะอยู่ในโรงแรมที่เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้ตัวเธอมาอยู่ที่ไหน การแต่งตัวก็ดูประหลาดอย่างไรชอบกล และร่างกายนี้ดูผอมมากเกินไปราวกับว่าไม่ใช่ตัวของเธอด้วยซ้ำ
“โอ๊ย ปวดหัว” หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับ ความปวดร้าวแล่นขึ้นสมอง ภาพทั้งหลายหลั่งไหลเข้ามาราวกับพายุ เริ่มตั้งแต่ภาพวัยเด็กเรื่อยไปจนถึงโตเป็นสาว แต่ภาพที่สะเทือนใจจนอ้อมแอ้มต้องร้องไห้ออกมา มันคือภาพของครอบครัวเจ้าของร่างถูกฆ่าตายในสงครามแถบชายแดน
ไม่ว่าพี่ชาย น้องสาว บิดา มารดา หรือแม้แต่ท่านยายที่แก่ชราก็ตายในสงครามครานั้น ร่างนี้รอดมาได้ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากพี่ชาย ที่เข้ารับมือกับพวกที่เข้ามารุกราน
แม้จะเศร้าเสียใจเพียงใดแต่ร่างนี้ก็พยายามหนีตายมาได้ ด้วยให้คำมั่นสัญญากับพี่ชายแล้วว่านางจะรักษาชีวิตของตัวเองให้ถึงที่สุด ร่างที่อ้อมแอ้มได้เข้ามาอยู่มีนามว่าลี่อิน เป็นหญิงสาววัยสิบแปดหนาว นางได้หนีตายมาจากสงคราม และในระหว่างทางลี่อินบังเอิญพบห่อผ้าที่มีเด็กทารก ร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมกอดมารดาที่นอนจมกองเลือด
ด้วยความสงสารหญิงสาวจึงนำเด็กน้อยในห่อผ้ามากับตนด้วย นางได้เดินทางรอนแรมเรื่อยมาจนมาถึงยังหมู่บ้านหงชุน ด้วยเป็นสตรีคนเดียวไม่มีญาติหัวหน้าหมู่บ้าน จึงให้นางสร้างกระท่อมอยู่ตรงท้ายหมู่บ้านแห่งนี้ชั่วคราว
หัวหน้าหมู่บ้านถามถึงความสัมพันธ์ของนางกับเด็กน้อย มีความเกี่ยวข้องกันเช่นไรหญิงสาวตอบเพียงว่า เด็กน้อยเป็นบุตรสาวของตนสามีและครอบครัวตายหมด เนื่องจากลี่อินเจ้าของร่างสูญเสียครอบครัวตนไปหมดแล้ว นางจึงคิดว่าเด็กน้อยคนนี้กับตัวนางเองมีวาสนาต่อกัน จึงนับว่าทั้งสองเป็นครอบครัวเดียวกันนับจากนี้ไป
จากนั้นไม่นานอ้อมแอ้มในร่างลี่อินจึงได้นับตนเองเป็นมารดา ทั้งสองใช้ชีวิตด้วยกันอาศัยเก็บหัวเผือกหัวมันกินบ้าง บางคราคนในหมู่บ้านใจดีก็ให้ข้าวสารมา นางจึงได้ต้มน้ำข้าวให้บุตรสาวกินแทนน้ำนม เพื่อให้เด็กน้อยประทังความหิวได้บ้าง
แต่แล้วเหมือนโชคชะตาเล่นตลก ลี่อินล้มป่วยด้วยร่างกายมิได้รับการบำรุงมานาน อีกทั้งยังมีโรคประจำตัวและยังอดมื้อกินมื้อ จึงทำให้ร่างกายทนต่อไปไม่ไหวในคืนที่อ้อมแอ้มเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ก็เป็นคืนที่ลี่อินสิ้นใจไปแล้วเช่นกัน
อ้อมแอ้มอยากจะสาปส่งสวรรค์นัก ลำบากโลกโน้นไม่พอยังต้องให้เธอมาลำบากในโลกใหม่อีก ไม่มีอะไรที่มันดีกว่านี้แล้วหรือไร อย่างน้อยให้เกิดเป็นลูกแม่ค้าไม่ลำบากมากเหมือนที่เป็นก็ยังดี
เห็นแต่ในนิยายของคนอื่นเขาทะลุมิติมาร่ำรวย เป็นลูกคุณหนูหรือบางทีก็มีมิติวิเศษติดตัว ส่วนตัวเธอทะลุมิติมาเพื่อสู้ชีวิตขนานแท้
โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย เอาวะสู้ก็สู้ข้ามภพมาแล้วนี่ แถมเจ้ามนุษย์เหงือกน้อยก็ทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้ด้วย เรามาเป็นแม่ลูกจริงๆ เลยก็แล้วกัน เพราะว่าเรามีอะไรที่เหมือนกันเพราะเรากำพร้าเหมือนกัน
“แง”
อ้อมแอ้มหันกลับไปมองตามเสียงเด็กน้อยอายุประมาณเก้าเดือนนอนร้องไห้จ้า แขนขาดีดดิ้นไม่ยอมหยุด มีผ้าผืนเก่าสวมเป็นชุดใส่ให้กับเจ้าก้อนขาวอวบ ที่เอาแต่หลับหูหลับตาร้องไห้ไม่หยุด สงสัยคงจะหิวมากสินะ
เด็กหญิงผู้นี้มีนามว่าเสี่ยวเหลียนร่างเดิมเป็นคนตั้งให้ นั้นเพราะลี่อินอยากให้เด็กน้อยเป็นเหมือนดั่งดอกบัว ที่ในสักวันจะต้องเติบโตและเบ่งบาน นางช่างตั้งนามได้เหมาะสมกับเด็กน้อยมาก เพราะว่าเสี่ยวเหลียนผิวขาวผุดผ่องเนียนใส เหมือนมิใช่ลูกชาวบ้านธรรมดา
“เสี่ยวเหลียน เป็นอันใดหิวหรือลูก” หญิงสาวฝืนสังขารของตนเองคลานเข้าหาเจ้าตัวน้อย ที่ไม่ยอมหยุดร้องไห้เลย
“ฮึก แงงงง”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะลูก แม่อยู่นี่แล้ว” ลี่อินอุ้มเจ้าตัวน้อยไว้แนบอก พร้อมกับโยกแขนไปมาเพื่อกล่อมนางให้หลับ
เจ้าเด็กน้อยเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของมารดา จากที่นางร้องไห้ไม่หยุดกลับหยุดร้องได้ทันที พร้อมกับหลับตาพริ้มนอนดูดนิ้วตนเองจนเกิดเสียงอันน่ารัก หญิงสาวยิ้มให้กับเจ้าก้อนน้อย ช่างเป็นเด็กเลี้ยงง่ายเสียจริง
“เฮ้อ เอาวะ เสี่ยวเหลียนน่ารักน่าชังถึงเพียงนี้ จะทิ้งไปได้อย่างไรเสียดายก็แต่เงินโลกโน้น ข้าเพิ่งได้ใช้ไม่ได้ถึงครึ่งเลยนะ” ลี่อินได้แต่บนเสียดายเงินที่ตนอุตส่าห์ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ยังไม่ได้ใช้เงินถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ ให้โอกาสตนมาเกิดใหม่ก็ควรจะให้อะไรติดตัวนางมาบ้างมิได้หรือ สวรรค์ท่านช่างใจร้ายกับเธอมาก
เมื่อเจ้าก้อนในอ้อมกอดหลับสนิทแล้ว หญิงสาวจึงนำนางมาวางไว้บนเตียงนอนด้านใน เพื่อกันไม่ให้เสี่ยวเหลียนนอนกลิ้งตกเตียง นางจัดท่าทางการนอนให้เด็กน้อยได้นอนสบายที่สุด แล้วนำผ้าห่มคลุมให้ป้องกันอากาศหนาวเย็น
เมื่อจัดแจงให้เจ้าก้อนได้นอนสบายแล้ว ลี่อินเห็นว่ายังคงมืดอยู่อีกทั้งนางก็ยังรู้สึกเพลียๆ จึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนต่อเพื่อเอาแรง พรุ่งนี้เช้าเอาไว้ค่อยมาคิดอีกทีว่าจะทำเช่นไรต่อไป เพื่อให้ชีวิตตนกับเสี่ยวเหลียนมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้