บทที่ 3 กลับมาอีกครา
บทที่ 3 กลับมาอีกครา
แคว้นต้าอู๋
รัชศกหมิงหล่าง
ฮ่องเต้นามเย่หมิงหล่าง
"คุณหนู ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ!!!"
เสียงของสาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นนายของตนฟื้นแล้ว เสียงเอะอะโวยวายนี้ทำให้ฟางเมี่ยวถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะของตนเอง ความรู้สึกปวดหนึบไหลเวียนไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ศีรษะของนางราวกับถูกบีบรัดอย่างไรอย่างนั้น
"ปวดหัวยิ่งนัก!!!"
"คุณหนู บ่าวจะไปตามหมอนะเจ้าคะ!!"
เสียงที่คุ้นเคยทำให้ฟางเมี่ยวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติ และเงยหน้าไปมองสาวใช้น้อยนางนั้นทันที
ลู่ชิง!!!
"ลู่ชิง เจ้า..."
"เอ? เป็นบ่าวเองเจ้าค่ะ คุณหนูคิดว่าเป็นผู้ใดกันเจ้าคะ รอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปเรียนนายท่านว่าคุณหนูได้สติแล้ว"
ลู่ชิงลนลานลุกขึ้นยืนหวังจะไปบอกคนในจวน แต่ทว่าฟางเมี่ยวกลับร้องเรียกนางเอาไว้เสียก่อน
"ช้าก่อน"
ลู่ชิงยังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปก็ถูกฟางเมี่ยวรั้งตัวเอาไว้ นางจึงหันมามองนายตนด้วยความงุนงง
“คุณหนู?”
"ข้ายังไม่ตายหรือ?"
ลู่ชิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีตกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย
"ตายอันใดกันเจ้าคะ!!!"
"เช่นนั้นข้ามาอยู่ที่จวนได้เช่นไร หรือว่าข้ายังไม่ได้ตกหน้าผาตาย แล้วหลี่เยี่ยนเฉินเล่า ยามนี้อยู่ที่ใด"
“คุณหนู คุณชายหลี่ย่อมต้องอยู่ที่สนามรบสิเจ้าคะในยามนี้”
หลี่เยี่ยนเฉินยังอยู่ที่สนามรบอย่างนั้นหรือ!!!
เมื่อหวนนึกถึงบุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาผู้นั้น ใจของนางก็สั่นระรัว นางคล้ายได้ยินเขาเอ่ยบางอย่างกับนางก่อนที่นางจะตกจากหน้าผาลงมา
"ลู่ชิง!!!"
"เจ้าคะ"
"เจ้าเล่ามา ว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น!!!"
"เอ่อ..."
"เล่ามาสิ!!!"
"คือว่าสองวันก่อนฮูหยินใหญ่ล้มป่วยจนสิ้นใจ คุณหนูจึงเป็นลมหมดสติไปเจ้าค่ะ ยามนี้ทุกคนในจวนร้อนใจยิ่ง"
ฟางเมี่ยวมือสั่น รู้สึกว่าศีรษะของนางหมุนเคว้งเป็นวงกลมอย่างไรอย่างนั้น
ท่านแม่ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?
นางรีบลุกพรวดพราดโซเซไปที่กระจกในทันที ภาพที่เห็นทำให้นางถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก
นางกลับมาเกิดใหม่ในร่างของตนเองเมื่อยามที่ยังมีอายุเพียงสิบสี่ปี
นี่คือนางในตอนที่มีอายุเพียงสิบสี่ปี ในยามนั้นท่านแม่ป่วยหนักและจากนางไป หลังจากท่านแม่ตายจาก นางที่เป็นบุตรสาวนอกจากเสียใจแล้วก็ไม่ได้ทำสิ่งใดอีก วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไร้แก่นสาร เอาแต่ตามเย่จิ้นหยางอย่างหน้าไม่อาย
เย่จิ้นหยาง บุรุษที่ส่งคนมาสังหารนางอย่างเลือดเย็น!!!
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นฟางเมี่ยวก็หนาวสะท้านไปทั้งกาย นางไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะอำมหิตกับนางได้ถึงเพียงนี้
"คุณหนู ระวังเจ้าค่ะ ท่านยังไม่หายดีนะเจ้าคะ"
"ข้าไม่เป็นอันใด"
ฟางเมี่ยวหยิบเพียงชุดตัวนอกมาคลุม ก่อนจะให้ลู่ชิงประคองนางไปที่เรือนใหญ่ทันที ยามนี้มันคือสถานที่ตั้งศพของท่านแม่ เมื่อมาถึงก็พบกับท่านพ่อของนางที่ยืนอยู่ เขามองมาที่นางด้วยความตกใจ
"เมี่ยวเอ๋อร์!!! เมี่ยวเอ๋อร์ของพ่อ เจ้าฟื้นแล้วหรือ?"
ฟางเมี่ยวคล้ายย้อนกลับไปในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นอีกครา
"เพราะท่านพ่อ ท่านแม่จึงตาย ท่านรับอนุเข้าจวนมา ทำให้ท่านแม่ต้องตรอมใจตาย!!!"
"เมี่ยวเอ๋อร์ พ่อผิดไปแล้ว พ่อไม่ได้ตั้งใจ"
"เพราะท่านพ่อ ฮือออ ท่านแม่ ข้าเกลียดท่านพ่อ"
นับแต่นั้นมานางก็กลายเป็นสตรีที่ไม่รู้ดีชั่ว สิ่งใดที่แย่งชิงมาได้นางก็จะทำ เพราะนางคิดว่าคนที่ทำดีย่อมไม่เคยได้ดี ดูอย่างท่านแม่เป็นตัวอย่างสิ!!
นางจ้องมองบิดาของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ความรู้สึกผิดตีกระทบขึ้นมาภายในใจ นางรู้แล้ว หากท่านแม่ยังอยู่ย่อมทนไม่ได้ที่เห็นนางเอ่ยด่าทอบิดาตนเช่นนั้น
บิดาที่ชาติก่อน นางเอาแต่บังคับขู่เข็ญ สร้างเรื่องขายหน้าให้เขาไม่เว้นวัน
"ท่านพ่อ"
"เอ!!! เมี่ยวเอ๋อร์!!!"
เสนาบดีฟางเหลียนตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ บุตรสาวก็โผเข้ามากอดเขาเช่นนี้ เขาคิดว่านางจะตำหนิเขาเสียอีก เมื่อหลายวันก่อนเขารับอนุใหม่เข้าจวนมา และมีปากเสียงกับมารดาของนาง จนมารดานางอาการทรุดลงและตายจากไป
เขารู้สึกผิดในใจยิ่งนัก
"ท่านพ่อ ข้าเหลือเพียงท่านแล้ว"
นางจ้องมองบิดาด้วยแววตาที่ใสกระจ่าง เสนาบดีฟางเหลียนที่เห็นเช่นนั้นก็ใจอ่อนยวบ ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"พ่อ เอ่อ...พ่อคิดว่าเจ้าจะอาละวาดเสียอีก"
ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก พลางครุ่นคิดในใจ
ท่านอยากให้ข้าอาละวาดหรือไม่เล่า?
"ไหว้ศพมารดาเจ้าเสีย วันพรุ่งเราก็จำต้องนำนางไปฝังแล้ว"
ฟางเมี่ยวพยักหน้า ก่อนจะมองไปที่โลงศพสีดำทะมึนตรงหน้า
ท่านแม่ ท่านไม่ต้องห่วง เมี่ยวเอ๋อร์กลับมาแล้ว เมี่ยวเอ๋อร์ได้มีโอกาสใช้ชีวิตใหม่อีกครา ข้าจะไม่ทำผิดพลาดอีก
งานศพของฟางฮูหยินผ่านพ้นไปด้วยดี ยามนี้ในจวนไว้ทุกข์เป็นเวลาสามเดือนเพียงเท่านั้นตามคำสั่งเสียก่อนตายของท่านแม่ เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ฟางเมี่ยวก็ได้เห็นบางอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ชาติก่อนนางเอาแต่เที่ยวเล่น ไม่สนใจสิ่งใด จึงทำให้ไม่ได้มองดูเหล่าอนุที่หวังปีนป่ายขึ้นมาแทนที่ท่านแม่ อีกทั้งยังหวังมีบุตร เพื่อช่วงชิงสมบัติของนางและท่านพี่ นางมีพี่ชายหนึ่งคนนามว่าฟางเจี๋ย ยามนี้กำลังศึกษาที่สถานศึกษานอกเมือง พี่ชายนางชอบท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นางไม่รู้ว่าหลังจากที่นางตายนั้น อนุเหล่านี้มีบุตรหรือไม่ และท่านพ่อกับท่านพี่จะเป็นเช่นไร
แต่นั่นก็ช่างมันเถิด เมื่อมีโอกาสอีกครานางจะเริ่มต้นชีวิตใหม่!!!
ฟางเมี่ยวคนเดิมได้ตายจากไปแล้ว นางจะเป็นฟางเมี่ยวคนใหม่ที่ไม่มีทางก้าวพลาดอีก!!!
ฟางเมี่ยวจ้องมองตนเองในกระจก ยามนี้นางยังเป็นเพียงสตรีน้อยงดงามผู้หนึ่ง ไม่ได้แต้มชาดทาปากผัดแป้งจนหนาเตอะเช่นชาติก่อน เมื่อได้พิจารณาดูตนเองชัดเจนเช่นนี้ นางกลับพบว่าตนในยามนี้ดูงดงามไร้พิษสงยิ่งนัก
ช่วงชีวิตนี้ของนางช่างเลือนรางนัก นางมัวแต่เอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระจนหมด
ฟางเมี่ยวยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วจึงครุ่นคิดถึงเย่จิ้นหยางขึ้นมา นางกำถ้วยชาในมือแน่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ในเมื่อได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่ นางจะไม่เสียเวลาไปแก้แค้นผู้ใดทั้งสิ้นแม้กระทั่งจางเสวี่ยฮุ่ย หากจะเอ่ยตามจริงนางก็เป็นคนผิดที่พาตนเองเดินเข้าหาความตายเอง ไม่ใช่ว่านางไม่โกรธแค้น แต่ความโกรธย่อมไม่ส่งผลดีกับตัวนางในทุกทาง ชาตินี้นางจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าชาติที่แล้ว และ...
มีชีวิตเพื่อชดเชยให้คนผู้นั้น
"คุณหนู อนุซางมาแล้วเจ้าค่ะ"
ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นจึงละจากความคิดของตน ก่อนจะเอ่ย
"ให้นางเข้ามา"
ไม่นานนักก็มีสตรีวัยกลางคนนางหนึ่งเดินเข้ามาในเรือนของนาง ฟางเมี่ยวปรายตามองอนุซางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"รบกวนแม่เล็กแล้ว"
"ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะได้รับใช้คุณหนู"
ฟางเมี่ยวยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพยักหน้าและบอกให้อนุซางนั่งลงตรงข้ามกับนาง พลางกวาดสายตามองอนุซางอย่างพิจารณา จนคนที่ถูกมองรู้สึกวางมือวางเท้าไม่ถูก
"ในจวนกำลังไว้ทุกข์ให้ท่านแม่ ยังไม่ครบสามเดือนแม่เล็กก็สวมใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสเสียแล้ว"
อนุซางรู้สึกเอ่ยวาจาไม่ออก เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เล่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟางเมี่ยวไม่เคยสนใจพวกนางเลยด้วยซ้ำ ต่อให้พวกนางจะเอ่ยวาจาเหน็บแนมฟางฮูหยินใหญ่เช่นไร หรือทำท่าทางวางใหญ่วางโตเพียงใด สตรีน้อยตรงหน้าก็ไม่เคยใส่ใจ วันๆ เอาแต่แต่งตัวออกไปยั่วยวนบุรุษ
แล้วเหตุใดวันนี้จึงมาจับจ้องนางกันเล่า!!!
"เอ่อ..."
"ว่าอย่างไร อนุในจวนทุกคนล้วนแต่งกายเช่นแม่เล็กหรือไม่?"
"คุณหนูข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ!!!"
อนุซางรีบคุกเข่าสำนึกผิดในทันที ฟางเมี่ยวที่เห็นเช่นนั้นจึงถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง
"เฮ้อ แม่เล็กลุกขึ้นเถิด ข้าเพียงถามเพราะสงสัยเพียงเท่านั้น"
อนุซางหน้าซีดเผือด ก่อนจะแสร้งยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นน่าเกลียดเสียจนฟางเมี่ยวอยากจะยื่นมือไปตบเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ใจเย็นไว้ ต้องไม่ตบ!!!
"แม่เล็ก ที่ข้าให้คนไปตามท่านมาเพราะข้ามีเรื่องอยากถามท่านเรื่องหนึ่ง"
"เจ้าค่ะ"
"ได้ยินว่ากิจการร้านค้าของท่านแม่ข้า ยามนี้ท่านดูแลอยู่หรือ?"
"เอ่อ"
"ยามที่ท่านแม่ล้มป่วยก็ได้ท่านช่วยดูแล ยามนี้ท่านแม่จากไปแล้ว กิจการทั้งหมดข้าจะรับช่วงต่อเอง ระยะนี้ท่านจงมาสอนข้าทุกวันจะได้หรือไม่?"
"เจ้าค่ะ"
"ไปเถิด"
อนุซางแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม แต่ทว่าในใจกลับก่นด่าฟางเมี่ยวในใจ
ฟางเมี่ยวเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะให้อนุซางกลับเรือนไปเสีย อนุซางลอบกำมือตนเองแน่นด้วยความไม่พอใจ
เกิดอันใดกับเด็กผีนี่กัน!!! หรือวิญญาณฮูหยินมาสิงร่างนาง
การดูแลกิจการเหล่านั้น นางพยายามแทบตายกว่าจะหลอกมาจากนังฮูหยินหน้าโง่นางนั้นได้ ท่านพี่เองก็วางใจที่มีนางช่วยดูแล ยามนี้ต้องส่งคืนฟางเมี่ยวแล้ว ไม่ได้การ!! นางต้องหาทางรับมือเสียแล้ว
เด็กนั่นโง่จะตายไป นางสอนมั่วๆ ไปเสียก็สิ้นเรื่อง!!
ฟางเมี่ยวส่งเสียงเหอะในลำคอ มีหรือที่นางจะไม่รู้เท่าทันความคิดของอนุซาง เดิมทีแต่ก่อนนางก็พอมองออก แต่กลับเพิกเฉย ปล่อยให้เหล่าอนุเหิมเกริม เพราะนางไม่อยากมีมารดาที่อ่อนแอ นางคิดเพียงว่าแต่งออกไปแล้วนางก็จะไม่ข้องเกี่ยวกับสตรีอ่อนแอเช่นท่านแม่อีก นางถูกสั่งสอนในทางไม่ดีจนเสียนิสัย จะจากผู้ใดเล่า ก็อนุซางนั่นอย่างไร!!!
ยามนั้นที่นางหลงรักเย่จิ้นหยาง ก็เป็นอนุซางที่ชี้แนะให้นางทำ สอนนางแต่งหน้าเข้มๆ สอนการยั่วยวนบุรุษ ทำทีเป็นแม่เล็กที่ห่วงใยอยากให้นางได้เป็นพระชายาจวนอ๋อง ท่านแม่ห้ามนางเท่าใดก็ไม่ฟัง คิดว่าสตรีอ่อนแอเช่นท่านแม่จะไปรู้เรื่องอันใด
แต่ทว่าวิธีการแต่ละอย่างที่อนุซางสอนนางนั้น ล้วนน่ารังเกียจทั้งสิ้น
แต่วันนี้นางรู้แล้ว สตรีชั่วผู้นี้หวังจะกอบโกยผลประโยชน์จากนาง ต้องการช่วงชิงทุกอย่างของนางหวังจะให้มันตกเป็นของตนจนหมด
แต่ชาตินี้อย่าฝันไปเลย!!!
ฟางเมี่ยวที่คิดได้เช่นนั้นจึงหันไปเอ่ยกับลู่ชิงทันที
"ลู่ชิง ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป หากอนุหรือสาวใช้บ่าวไพร่ในจวนไม่สวมชุดไว้ทุกข์ ให้โบยคนละสิบไม้ หักเบี้ยหวัดและเงินเดือนครึ่งปี"
“เจ้าค่ะคุณหนู”