ตอนที่ 3 หยุดเอาไว้เพียงแค่นี้
ตอนที่ 3 หยุดเอาไว้เพียงแค่นี้
น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่าของนาง ทำให้จ้าวหย่งคังตะลึงอ้ำอึ้งคล้ายคนเป็นใบ้ จะจับข้อมือของนางก็ไม่กล้า เพียงแค่เห็นแผ่นหลังที่แสนบอบบางอ่อนปวกเปียกนั่นเดินเข้าไป จู่ ๆ ก้อนน้ำแข็งในใจของตนก็รู้สึกคล้ายกลับมามีบางอย่างกระแทกเข้าให้
ในจังหวะที่ไป๋ฟางหรงเดินเข้าไปก็พบเข้าให้กับถังม่านชิง ว่าที่ฮูหยินรอง “พี่สาว ท่านนี่เก่งจริง ๆนะ มัดใจท่านแม่กับท่านพ่อเสียอยู่หมัด ท่านทำได้ ข้าเองก็ทำได้ คอยดูว่าข้าจะทำให้ท่านกลายเป็นคนที่ถูกลืม”
ม่านชิงแสยะยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเมื่อเห็นว่าท่านแม่ทัพเดินมา ก็จับข้อมือของฟางหรงเอาไว้ รีบบีบน้ำตาให้ไหลลงมาอย่างทันใด นางแอบจิกเล็บลงบนฝ่ามือของฟางหรง “พี่สาว ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่ซักถามอะไรให้ท่านรำคาญใจอีกแล้ว” นางแสร้งกล่าวขึ้นมาเท่านั้น เพื่อให้อีกฝ่ายหลงกลนาง
ไป๋ฟางหรงสะบัดแขนออกจากการกอบกุมของนางเพราะเจ็บ จากนั้นนางก็เห็นว่าสามีรีบก้าวเท้ามารับตัวนางแพศยาเอาไว้ได้ทัน “พี่สาวเหตุใดจะต้องทำร้ายข้าด้วย” นางรีบซบลงแผงอกของท่านแม่ทัพจ้าวหย่งคังเข้าให้
“เจ้าทำอะไรนางเพียงเท่านี้ก็ถึงขั้นทำร้ายนางเชียวรึ” นึกไม่ถึงว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ น้องน้อยที่น่ารักอ่อนหวานคนนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่นางปีศาจร้ายยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา
ฟางหรงได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ ช่างบาดใจนัก มันเหมือนกับคมมีดกรีดเข้ามากลางใจนาง นางยิ้มเยาะตนเองที่โง่เขลามองคนผิดไปจริง ๆ นางยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “หากข้ากล่าวปฏิเสธ ท่านแม่ทัพก็ไม่เชื่อข้าอยู่ดี”
“เพราะเจ้ามันเป็นคนที่ชอบโกหกหลอกลวงอย่างไรเล่า” เขาประคองถังม่านชิงเอาไว้ เห็นนางร้องไห้เขาก็ปวดใจนัก แต่ทว่าเห็นดวงตาของนางที่มองมา เขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก
“ท่านแม่ขอรับ” จ้าวหย่งเล่อเดินออกมาตามหามารดา เขาจามมาหลายครั้งจนน้ำมูกไหลเยิ้มออกมา นางเห็นลูกชายเป็นเช่นนี้ จึงได้ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งเช็ดน้ำมูกให้ลูกชาย ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นจ้าวหย่งคังมอบให้นางเองกับมือ
หย่งคังเห็นผ้าผืนนั้นจดจำได้ดีในช่วงเวลาที่เขารักนาง แต่ตอนนี้เขากำลังชิงชังนาง เห็นนางกระทำทุกอย่างก็คิดเพียงแค่ว่าเป็นแผนของนางเท่านั้น
“พวกเรากลับเรือนกันเถิด อากาศหนาวเช่นนี้อย่าออกมารับไอเย็นเลย ท่านแม่ยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย และยังมีคนมาทำให้ท่านแม่กลัดกลุ้มใจอีก” จ้าวหย่งเล่อ นิสัยไม่เหมือนใคร เขาไม่ชอบใครก็มักจะพูดตรง ๆ และการพูดของเขาก็ดูเหมือนจะเหน็บแนมบิดาเข้าให้
หย่งคังเห็นลูกชายเกลียดชังก็นึกโมโหนัก “ข้ารึทำให้แม่เจ้ากลัดกลุ้ม เป็นนางเองที่รังแกชิงเอ๋อร์เพราะความริษยา”
“ท่านแม่ทัพอย่าได้ต่อว่าพี่สาวเลยเจ้าค่ะ ข้า...ข้าไม่อยากเห็นพวกท่านทะเลาะกัน” ทีท่าของนางนั้นราวกับลูกแมวน้อยที่หวาดกลัวราชสีห์ จนต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอด นางแอบช้อนสายตาและลอบยิ้มเล็กน้อยก่อนจะจางหายไปทันใด
ฟางหรงชะงักงัน ทวนคำพูดของเขาขึ้นมา เป็นนางหรือที่ริษยา เป็นนางหรือที่หาเรื่องสตรีของนาง ที่แท้นางเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า หาใช่สตรีที่เขาดูแลในอ้อมกอดไม่ นางสำเหนียกตนเองได้แล้ว นางยอมแล้ว และจะยอมจริง ๆ
“ท่านแม่อย่าไปฟังคำพูดของท่านแม่ทัพเลย” จ้าวหย่งเล่อกล่าวขึ้น แต่ทว่าทำให้ฟางหรงสะท้านไปทั้งตัว
“เล่อเอ๋อร์ ห้ามพูดจาเช่นนี้อีกนะ” ฟางหรงนางกำลังกลัวว่าลูกชายของนางจะมีอคติกับบิดา “เป็นแม่ต่างหากที่จิตใจคับแคบ” ฟางหรงไม่รู้จะกล่าวอันใดดี นางอ่อนใจเหลือเกิน เกรงว่าลูกชายจะชิงชังบิดาเข้าไส้
“หาใช่เช่นนั้นไม่ ท่านแม่ของข้าใจดีที่สุด ทำงานตัวเป็นเกลียวขนาดนี้ พักผ่อนก็น้อย ยังดูแลท่านย่าและท่านปู่ ยังดูแลไปถึงบ่าวรับใช้ในจวนนี้ มีแต่ท่านพ่อเท่านั้นที่ตาบอด” หย่งเล่อหาใช่เด็กที่ไร้ความคิด ท่านอาจารย์ยังออกปากชมเชย มิหนำซ้ำยังได้ร่ำเรียนกับองค์ชายทั้งหลายอีกด้วย เขาทั้งฉลาดเฉลียวเก่งกาจ มีแต่คนชื่นชมว่าคิดอ่านนั้นเกินตัวนัก
หย่งคังถูกม่านชิงประคองเข้ามายังเรือนนอนของตน เมื่อก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้อง ก็พบว่าสาวใช้กำลังยืนรอเขาอยู่ “นายท่าน สำรับได้จัดให้นายท่านกับแม่นางถังอยู่ในห้องนี้แล้วเจ้าค่ะ ส่วนแม่นางถังจะพักในห้องนี้เกรงว่าจะถูกครหา ดังนั้นจึงให้พักยังห้องติดกับฮูหยินใหญ่”
“ขอบใจเจ้ามาก เดี๋ยวที่เหลือข้าจัดการเองไปเถอะ ข้าดูแลท่านแม่ทัพได้” ถังม่านชิงกล่าวขึ้นมา
แม่ทัพจ้าวมองเห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะ มีแต่ของที่เขาชมชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลา และไก่ ยังมีน้ำแกงที่เขาชมชอบอีกด้วย เขาชิมน้ำแกงปลาเข้าให้ รสชาตินี้เป็นของฟางหรงที่ทำขึ้นมา เขานึกถึงวันเก่า ๆ นางหอบหิ้วเขาอาหารมาให้เขายังค่ายฝึก
ไม่ว่าจะเดินทางไกลสักเพียงใด นางก็หอบของกินมาให้เขา บำรุงเป็นอย่างดี นางตัวเล็ก ๆ เพียงเท่านั้น แต่ถึงเป็นเช่นนั้นเขาเห็นถึงความพยายามของนาง ที่จงใจเอาอกเอาใจเขาสุดตัว ก็เริ่มไม่ชอบใจนางที่เห็นหน้า เข้าให้ คิดเพียงแค่นางจงใจทำทุกอย่างก็เพื่อหวังผลประโยชน์จากเขาและจากตระกูลจ้าวทั้งสิ้น
“ท่านพี่ อาหารแม่ครัวที่นี่ช่างอร่อยนัก” ม่านชิงเห็นเขานิ่งค้าง ตะเกียบยังอยู่ในมืออยู่เลย และดูเหมือนว่ากำลังเหม่อลอยชอบกล
“หากอร่อยก็กินให้มากเล่า คราวหน้าเอาไว้ ข้าจะสั่งให้แม่ครัวทำให้กับข้าวที่เจ้าชอบให้บ้างดีหรือไม่” หย่งคังกล่าวขึ้นมา รู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างกัดกินก้อนเนื้อหัวใจของเขา มันเจ็บแปลบ ๆ อย่างชอบกลนักและไม่เข้าใจอย่างยิ่ง ว่าเหตุใดเขาจะต้องนึกถึงเรื่องเก่า ๆ อีก
“ท่านพี่” ฟางหรงนางจะใช้ความพยายามครั้งสุดท้าย “ข้าเอาขนมหวานมาให้เจ้าค่ะ” นางลืมความโกรธที่มีต่อเขาไปสิ้น นางกำลังทำใจให้เผชิญหน้ากับความจริง
“ไม่ต้อง ข้าไม่ชอบของหวาน” น้ำเสียงดุดันนั่นดังกังวานไม่น้อย ขนมของโปรดของเขาแต่ก็เลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีของนาง
ฟางหรงสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ คล้ายว่าเขากำลังตะคอกนาง “เจ้าค่ะ” ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปเสียด้วยซ้ำก็ถูกตวาดออกมาแล้ว
ม่านชิงรีบเดินออกมา “พี่สาว ไหน ๆ ท่านก็มาแล้ว มารับอาหารด้วยกันสิเจ้าคะ” คำเสแสร้งนั่น ยิ่งกระตุ้นให้ท่านแม่ทัพมองเห็นความจริงใจของถังม่านชิง
เพล้ง!
ถาดขนมหวานและถ้วยนั่นตกแตกไม่เหลือชิ้นดี ม่านชิงร้องไห้ขึ้นมา “พี่สาว เหตุใดต้องใจร้ายขนาดนี้ ข้าไม่เคยคิดกับท่านอย่างมีอคติสักนิด แต่เหตุใดจะต้องลงมือทำแบบนี้ด้วย”
จ้าวหย่งคังก้าวเท้าออกมา พบว่าขนมนั้นหกเต็มพื้นไปทันใด สาวใช้กำลังจะอ้าปากพูดความจริง แต่ฟางหรงส่ายหน้าให้พวกนางเงียบปากเสีย ถึงอย่างไรสามีของนางก็ไม่เคยเห็นนางมีความจริงใจให้เขาสักนิด
“ช่างก่อเรื่องนัก ต่อไปนี้ไม่ต้องมาดูแลข้าอีก ออกไปซะ” เขาเหลือบตามองนางเล็กน้อย เห็นนางสะดุ้งตกใจกับคำพูดของเขา นางห่อตัวลงด้วยความน่าเห็นใจนัก แต่ทว่าในสายตาของเขานางช่างเสแสร้งหลอกลวง นางแสร้งทำเป็นภรรยาที่แสนดี เพื่อทำให้เขากลายเป็นคนโง่เขลาในสายตาคนอื่น เป็นที่หัวเราะขบขันให้ผู้คนในเมืองหลวง
“ต่อไปนี้ อย่างไรข้าก็มีชิงเอ๋อร์ดูแล เจ้าไม่ต้องมายุ่มย่ามจัดการอันใดให้ข้าอีก เพราะถึงอย่างไรข้าจะแต่งงานกับนาง” น้ำเสียงของเขายังคงหนักแน่น เหลือบมองนางกำลังเก็บเศษถ้วยที่แตกด้วยมือตนเอง
น้ำเสียงของเขาทำให้นางสะดุ้งและเผลอหยิบถ้วยกระเบื้องที่แตกและถูกมันบาดนิ้วเข้าให้ หย่งคังชะงักรีบปล่อยม่านชิงออก และจับปลายนิ้วของนางขึ้นมาอย่างหลงลืมตน เมื่อสบตาเข้ากับฟางหรงเห็นนางระบายยิ้มอ่อน ก็คิดไม่ดีใส่นางอีก
ฟางหรงเมื่อครู่ดีใจนักหนา จนทำให้หัวใจอันเจ็บปวดได้รับการเยียวยา นางจึงได้ยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าเขาก็ยังรักนางอยู่ ไม่ถึงอึดใจเดียว จ้าวหย่งคังกล่าวขึ้นมาด้วยถ้อยคำสะเทือนใจอีกครั้ง “นี่ก็เป็นแผนลวงข้าอีกสินะ”
ความรักของนางที่มีต่อเขามันช่างดูไร้ค่าเสียจริง นางยิ้มเยาะให้กับความโง่งมและดื้อดึงของตนเอง ฟางหรงช้อนสายตามองคนทั้งคู่ที่ตระกองกอดกันอย่างอบอุ่น แต่นางกลับกอดความอ้างว้างเหน็บหนาวเอาไว้ตลอดระยะเวลาเกือบหกปี
ฟางหรงยืนตัวตรง วางท่าทีเย็นชาทันใด แม้จะเจ็บปวดแทบกระอักเลือดออกมาก็ตามที และน้ำเสียงที่นางใช้กับเขาก็ดูห่างเหินนัก นางระบายยิ้มอย่างขมขื่น กล่าวขึ้นมาด้วยหัวใจแหลกสลายไปแล้ว
ดวงตาคู่สวยของนางกำลังสั่นระริกวูบไหวอัดแน่นไปด้วยความทรมานอย่างลึกซึ้ง นางกลืนก้อนความเจ็บปวดเอาไว้ แต่ทว่ามันจุกอยู่ลำคอของนาง กว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้ก็ทรมานนัก
“หลังจากเดือนเอ้อร์เยว่ไปแล้ว ท่านแม่ทัพยืนกรานจะแต่งแม่นางถังเข้ามาเป็นภรรยา ข้าล้วนไม่ขัดข้อง ข้าไม่ควรขัดขวางความรักของพวกท่านทั้งสอง อย่างไรข้าก็ขอแสดงความยินดีด้วยเจ้าค่ะ หลังจากนี้ไปแล้วก็คงจะมีแต่ความสุขกันถ้วนหน้า”
‘และยกเว้นเพียงแค่ข้าคนเดียวที่เจ็บช้ำพอแล้ว ข้าเจ็บพอแล้ว ข้าจะไม่ฝืนแล้ว ต่อไปนี้ข้าควรจะหยุดเอาไว้ หยุดหัวใจเอาไว้เพียงเท่านี้’