ตอนที่4 ความเดือดดาดที่เพิ่มพูน
เช้าวันต่อมา
เย่วลี่อิงนั่งบนบัลลังตั่งทองเพื่อต้อนรับเหล่าพระสนมที่มาเข้าเฝ้าเพื่อถวายพระพรตามธรรมเนียมปฏิบัติ ถึงนางจะไม่ชอบเพราะนางรู้ดีว่าภายใต้รอยยิ้มอ่อนหวานคำพูดแสนดีของสตรีงดงามเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงการเสแสร้งหาความจริงใจไม่ได้ และอีกอย่างพวกนางล้วนเป็นสตรีที่มาแย่งความรักของเฟยห้าวเทียนไปจากนาง
เย่วลี่อิงมักจะยกเลิกให้เหล่าสนมมาเข้าเฝ้ายามเช้าอยู่บ่อยครั้ง ต่างจากวันนี้นางกลับอยากให้สนมทุกคนมาเข้าเฝ้า เหตุผลเดียวที่นางมานั่งรอแต่เช้าเพียงเพราะอยากเจอเพื่อนสนิทที่ทรยศนางเท่านั้น
เหล่าสนมที่ทยอยมาเข้าเฝ้ายืนรออยู่หน้าตำหนักรอเวลาที่จะเข้าไปพร้อมกัน เมื่อสตรีรวมตัวกันก็เป็นธรรมดาที่จะพูดนินทาเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นแม้กระทั่งในวังก็ไม่ละเว้น
“พวกเจ้ารู้เรื่องเมื่อคืนที่ตำหนักหลี่กุ้ยเฟยหรือไม่”
เมื่อมีคนเริ่มเรื่องมีหรือจะไม่มีผู้สนใจ โดยเฉพาะเรื่องของสนมหลี่กุ้ยเฟยเพราะนางเป็นสนมเพียงคนเดียวที่เย่วฮองเฮาไม่แสดงทีท่าหึงหวงถึงแม้ห้าวเทียนฮ่องเต้จะเสด็จไปตำหนักของนางบ่อยกว่าทุกคน บ้างเดือนเสด็จไปหาสนมหลี่กุ้ยเฟยมากกว่าเหล่าสนมทุกคนรวมกันเสียอีก หากเป็นสนมคนอื่นเพียงห้าวเทียนฮ่องเต้เสด็จไปหาสองวันติดต่อกัน สนมนางนั้นจะไม่มีวันได้ปรนนิบัติห้าวเทียนฮ่องเต้เป็นวันที่สามอย่างแน่นอน
เหล่าสนมต่างพูดกันไปต่างๆนานา เพียงเพราะมีคนเห็นเย่วฮองเฮาเดินออกมาจากตำหนักด้วยสภาพที่เป็นฝ่ายถูกรังแก บางคนสะใจที่ห้าวเทียนฮ่องเต้ทรงลงมือกับเย่วฮองเฮา บางคนก็สาแก่ใจที่ต่อไปเย่วฮองเฮากับสนมหลี่กุ้ยเฟยจะเป็นปรปักษ์กัน ทุกคนต่างชอบใจไม่ว่าภายในตำหนักจะเกิดสิ่งใดขึ้นแต่ที่แน่ๆความสัมพันธ์ของทั้งสามคนจะไม่เหมือนเดิม
ขณะที่นางสนมกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุขอยู่นั้น คนที่นั่งรออยู่ในตำหนักกลับเดือดดาลจนใบหน้าเปลี่ยนสีแววตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจ เย่วลี่อิงลุกจากบัลลังตั่งทองมุ่งหน้าไปหน้าตำหนักทันที
“ปัง”
เสียงเปิดประตูทำเอาทุกคนตกใจ แต่เมื่อหันมาเห็นว่าเย่วลี่อิงยืนอยู่หน้าประตูทุกคนกลับหน้าซีดเผือกราวเห็นผีก็ไม่ปาน
“ทำไมพวกเจ้าถึงไม่พูดกันต่อ ข้าเพียงอยากร่วมวงสนทนาด้วยเท่านั้น”เย่วลี่อิงกล่าวด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ” เหล่าสนมเอ่ยด้วยท่าทางและน้ำเสียงลนลาน
ทุกคนตรงหน้าต่างคุกเข่าและพูดโดยพร้อมเพรียงกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่วฮองเฮาจะมานั่งรอ เพราะทุกครั้งจะมีแต่เหล่าสนมเท่านั้นที่มารอเพื่อเข้าเฝ้า เหล่าสนมต่างตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
ขณะที่เหล่าสนมนั่งตัวสั่นงันงก ก็มีขันทีจากตำหนักเฉียนชิงเข้ามา เขาก้มหน้าต่ำเพื่อให้เกียรติเหล่าสนมที่มีท่าทางเสียกิริยาด้วยความหวาดผวา
“คารวะฮองเฮา กระหม่อมเกากงกงจากตำหนักเฉียนชิง ฮ่องเต้ทรงให้กระหม่อมมาบอกฮ่องเฮาว่านับตั้งแต่วันนี้สนมหลี่กุ้ยเฟยจะไม่มาเข้าเฝ้าพระองค์เพื่อถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”
เกากงกงก้มหน้านิ่งรับรู้ได้ถึงรังสีแห่งความโกรธที่แผ่ออกมาจากเย่วฮองเฮา ทั้งยังเห็นพระหัตถ์ที่กำแน่นจึงรีบเอ่ยลา
“ในเมื่อกระหม่อมทำหน้าที่เสร็จแล้ว กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
อี้หงมองเหล่าสนมที่นั่งสั่นเงอะงะอยู่ ก็คิดในใจว่า ‘ขันทีผู้นี้ช่างมาถูกเวลาเสียจริง ในคราแรกความโกรธจากการถูกซุบซิบนินทาก็มากพออยู่แล้ว ตอนนี้ยังเพิ่มความฉุนเฉียวเพราะพระสวามีออกหน้าปกป้องสนมหลี่กุ้ยเฟยที่ทำให้นายของตนถูกนินทา และเป็นการย้ำว่าเรื่องที่ห้าวเทียนฮ่องเต้ทรงทำร้ายฮ่องเฮาเพื่อปกป้องสนมอันเป็นที่รักนั้นเป็นความจริง’
อี้หงได้แต่มองเหล่าสนมด้วยความรู้สึกสงสาร เพราะความโกรธนี้คงไม่พ้นสนมเหล่านี้ที่จะกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ วันนี้ช่างเป็นวันอับโชคของสนมเหล่านี้เสียจริง
“ตบปากพวกนาง30คราวและกักบริเวณพวกนางเป็นเวลา10วัน โทษฐานที่พวกนางไม่สำรวมปาก”
เมื่อพูดจบเย่วลี่อิงก็หันมามองอี้หงและนางกำนัลขันทีที่ยืนอยู่ด้านหลังของนางก่อนจะออกคำสั่งเสียงดังฟังชัดถ้อยชัดคำ โดยไม่สนใจคำโอดครวญของนางสนมที่ร้องขอความเห็นใจแม้แต่น้อย
“พวกเจ้า4คนมากับข้า นอกนั้นอยู่ลงโทษพวกนาง เกินได้แต่ห้ามขาด ใครกล้ายั้งมือข้ารู้ ข้าจะตัดมือมันผู้นั้นเสีย”
เมื่อสั่งลงโทษเสร็จเย่วลี่อิงเสด็จไปตำหนักกุ้ยเฟยทันที ในเมื่อเฟยห้าวเทียนไม่ให้หลี่ฟางซินมาหานาง นางไปหาหลี่ฟางซินเองก็ได้ อย่างไรสิ่งที่หลี่ฟางซินทำกับนาง นางย่อมไม่ปล่อยผ่านไปแน่นอน
ตำหนักกุ้ยเฟย
หลี่ฟางซินเป็นเพื่อนกับเย่วลี่อิงมาตั้งแต่วัยเยาว์ไหนเลยจะไม่รู้ว่านิสัยใจคอของเย่วลี่อิงเป็นอย่างไร หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่นางเป็นเพียงเย่วลี่อิงที่เป็นลูกสาวของแม่ทัพ หากนางรู้ว่าหลี่ฟางซินคิดทรยศนาง เย่วลี่อิงก็คงมาเจรจาถามถึงเรื่องราวให้แน่ชัด หลังจากนั้นก็ตัดความสัมพันธ์ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่นับตั้งแต่นางได้ขึ้นเป็นฮองเฮาก็เปลี่ยนไป เย่วฮองเฮาต้องด่าว่าลงไม้ลงมือกับนางเป็นแน่ แต่หลี่ฟางซินก็ไม่ได้แปลกใจเพราะอำนาจทำให้คนเปลี่ยนไปได้เสมอ
แน่นอนหลี่ฟางซินย่อมต้องว่างแผนเพื่อรับมือกับเย่วลี่อิงไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทูตขอฝ่าบาทไม่ไปทำความเคารพเย่วฮองเฮายามเช้า รวมถึงข่าวลือที่เย่วฮองเฮาโดนห้าวเทียนฮ่องเต้ทำร้ายเพื่อปกป้องนาง และแผนการต่อจากนี้ก็เช่นกัน มีหรือนางจะปล่อยโอกาสดีๆนี้ไป
หลี่ฟางซินนั่งจิบชาชมดอกไม้อยู่ในศาลาข้างตำหนัก และเป็นจริงตามที่นางคาดไว้ ไม่นานขันทีที่อยู่นอกตำหนักก็มารายงานหลี่ฟางซินว่าเย่วลี่อิงเสด็จมา เพียงหลี่ฟางซินโบกมือให้ขันทีออกไป เย่วลี่อิงก็มายืนอยู่ในสวนดอกไม้ของนางแล้ว นางลุกขึ้นแล้วเดินลงจากศาลาไปคอบกายทำความเคารพและเชิญเย่วลี่อิงขึ้นไปดื่มชาในศาลาอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น
“ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ
หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน
“คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส
มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่
“หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร”
“เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
“ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย”
น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น
“นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ”
“ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ”
“นี้เจ้า”
เย่วลี่อิงเดือดดาลจนเอ่ยสิ่งใดไม่ออก เพราะของทุกอย่างที่นางนั้นฝากไปให้ฝ่าบาทล้วนแต่เป็นของที่นางทำเองกับมือทุกอย่าง แต่หลี่ฟางซินกลับเอาไปทิ้งอย่างไรค่า
“หม่อมฉันต้องขอบคุณฮองเฮามากนะเพคะที่ทรงตบหม่อมฉันเมื่อวานนี้ เพราะพระองค์เลยฝ่าบาทจึงประทานของขวัญปลอบใจให้หม่อมฉัน พระองค์รู้หรือไม่ว่าคืออะไร...”