ตอนที่5 ของขวัญปลอบใจ
“หม่อมฉันต้องขอบคุณฮองเฮามากนะเพคะที่ทรงตบหม่อมฉันเมื่อวานนี้ เพราะพระองค์เลยฝ่าบาทจึงประทานของขวัญปลอบใจให้หม่อมฉัน พระองค์รู้หรือไม่ว่าคืออะไร...”
หลี่ฟางซินเห็นเย่วลี่อิงกำหมัดแน่นจึงหยุดพูด เพราะหากเย่วลี่อิงลงมือตอนนี้นางคงเจ็บหนักเป็นแน่
อี้หงเห็นสีหน้าของเย่วฮองเฮาก็รู้ได้ว่าทรงบันดาลโทสะอย่างที่สุดแล้ว หากสนมหลี่กุ้ยเฟยพูดอันใดกระตุ้นอีกครั้ง ใบหน้าในตอนนี้ที่ยังมีรอยช้ำอยู่คงได้บวมแดงขึ้นมาอีกรอบเป็นแน่แต่นั่นไม่สำคัญกับนาง ที่สำคัญคือหากฮองเฮาของนางลงมือกับสนมหลี่กุ้ยเฟยตอนนี้ ห้าวเทียนฮ่องเต้ต้องสั่งลงโทษฮองเฮาเป็นแน่
“ฮองเฮาเพคะ อย่าตกหลุมพรางของสนมหลี่กุ้ยเฟยนะเพคะ พระองค์จะหาเรื่องลงโทษนางเมื่อไรก็ได้ แต่วันนี้ทรงปล่อยไปก่อนเถอะนะเพคะ” อี้หงยกมือขึ้นป้องก่อนจะกระซิบกระซาบข้างหูนายของตน
เย่วลี่อิงได้ยินนางกำนัลคนสนิทกล่าวเตือนสติถึงจะเป็นความจริงแต่ในใจนางก็ยังร้อนเป็นไฟ นางเองก็รู้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันที่สมควรลงมือ เพราะเมื่อวานนางได้ตบหลี่ฟางซินไปแล้วหากวันนี้ทำอีกย่อมไม่ส่งผลดีกับนาง นางพยายามสูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ
“ข้าไม่อยากรู้ วันนี้ข้าเพียงอยากฟังบางอย่างจากเจ้าและอยากมาดูด้วยว่ารอยที่ข้าฝากไว้เป็นเช่นไรบ้าง”
เพียงเย่วลี่อิงลุกขึ้นก็ทำเอาหลี่ฟางซินสะดุ้งกลัว เย่วลี่อิงเดินเข้ามาใกล้หลี่ฟางซินที่ยืนอยู่ ก่อนจะพินิจพิจารณาใบหน้าของนาง เย่วลี่อิงสังเกตเหงื่อที่ผุดออกมาจากใบหน้าขาวก็ยกยิ้มมุมปาก
“สนมหลี่ เจ้ากลัวข้ามากเลยสินะ แต่อย่างกลัวไปเลยวันนี้เราไม่ทำอันใดเจ้าหรอก เจ้ารักษาตัวและใบหน้าของเจ้าไว้ให้ดีเถอะ”
เย่วลี่อิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยคำขู่ ก่อนใช้นิ้วจิ้มไปยังรอยฟกช้ำบนใบหน้าของหลี่ฟางซิน และหัวเราะเสียงดังแล้วหันหลังเดินลงจากศาลา
หลี่ฟางซินเห็นท่าทางและเสียงหัวเราะของเย่วลี่อิงก็เจ็บใจจนลืมความเจ็บปวดที่โดนนิ้วจิ้มซ้ำรอยเก่า นางกำหมัดแน่น ในเมื่อแผนที่นางคิดใช้ให้นางกำนัลไปตามห้าวเทียนฮ่องเต้มาดูเย่วฮองเฮารังแกนางต่อหน้าเพื่อให้เฟยห้าวเทียนลงโทษเย่วลี่อิง และเพื่อให้เฟยห้าวเทียนเข้ามาช่วยปกป้องนางจากเย่วลี่อิง นางจะได้ไม่เจ็บมากนัก นางต้องยอมรับว่าเย่วฮองเฮามือหนักมากทีเดียว ที่นางโดนกระทำเมื่อวานทั้งศีรษะและใบหน้ายังราวระบมอยู่มาก แต่นางจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้ ‘ข้ายอมทุ่มสุดตัว แต่ไม่ยอมเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวเป็นแน่’ ยังไม่ทันที่เย่วลี่อิงจะเดินจากไปหลี่ฟางซินก็รีบเอ่ยขึ้น
“ถึงฮองเฮาไม่อยากรู้แต่ของขวัญล้ำค่าเช่นนี้หม่อมฉันย่อมต้องประกาศให้รู้ทั่ววังหลังอยู่แล้วเพคะ... ที่ต้องบอกฮองเฮาก่อนก็เพียงแต่กลัวฮองเฮารู้ที่หลังแล้วจะทำให้ฮองเฮากริ้วหม่อมฉันอีกเพคะ”
เย่วลี่อิงหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงหลี่ฟางซินพูดกระแนะกระแหน ‘เจ้าจะไม่ปล่อยข้าไปสินะ ก็ได้ในเมื่อเจ้าอยากเล่นเล่ห์อุบายของสตรีแห่งวังหลังกับข้า ข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนเจ้า จะได้รู้ว่าใครคือเจ้าของวังหลังแห่งนี้’ เมื่อนางคิดดีแล้วจึงหันมามองหลี่ฟางซินที่ยืนอยู่บนศาลา
เมื่อหลี่ฟางซินเห็นว่าหยุดเย่วลี่อิงไว้ได้ จึงลงจากศาลาไปหาเย่วลี่อิง ถึงอย่างไรนางก็ต้องยื้อเวลาจนกว่าเฟยห้าวเทียนจะมาให้ได้ หากไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องปล่อยให้เย่วลี่อิงทำร้าย และกระพือข่าวออกไปเพื่อให้เย่วลี่อิงถูกลงโทษ เพราะหากครั้งนี้ไม่สามารถทำให้เย่วลี่อิงถูกลงโทษได้ ต่อไปก็จะถูกเย่วลี่อิงรังแกไปเรื่อยๆ อีกแน่
“ของขวัญอันใดที่ฝ่าบาทมอบให้เจ้า ก็เป็นธรรมดาที่เจ้าย่อมจะดีใจ เพราะถ้าหากข้าจำไม่ผิดแต่ก่อนตอนอยู่ตระกูลหลี่เจ้าไม่เคยได้ของอันใดจากท่านเสนาบดีและหลี่ฮูหยินเลย จะมีแต่ก็เพียงของเหลือๆ ที่พี่สาวพี่ชายเจ้ามอบให้เท่านั้น ข้าจึงไม่นึกแปลกใจที่เจ้าอยากป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้หรอกนะ” เย่วลี่อิงพูดด้วยน้ำเสียงถากถาง
เย่วลี่อิงยิ้มให้สนมหลี่อย่างเยาะเย้ย ‘ในเมื่อเจ้ากล้าเอาความรู้สึกของข้ามาย่ำยี ก็อย่าโทษข้าที่เอาปมในใจของเจ้ามาตอกย้ำแล้วกัน’ เย่วลี่อิงคิดอยู่ในใจ แต่คำพูดก่อนหน้านี้ที่พูดออกไปกลับบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจน ว่านับแต่นี้นางกับหลี่ฟางซินไม่จำเป็นต้องถนอมน้ำใจแก่กันอีกต่อไป
หลี่ฟางซินเม้มปากแน่นด้วยความแค้น แต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้ แต่แววตาของนางมิอาจปิดบังความรู้สึกนี้จากเย่วลี่อิงได้ เย่วลี่อิงเห็นแววตาโกรธเคืองของหลี่ฟางซินก็ทำให้นางสุขใจไม่น้อย ราวได้เอาคืนเรื่องที่ถูกนินทาในวันนี้ แต่ไม่ทันไรนางก็ต้องหุบยิ้มลง เมื่อนางเห็นปากยกยิ้มของหลี่ฟางซิน
หลี่ฟางซินยกยิ้มขึ้นเมื่อได้เห็นหน้านางกำนัลที่ตนส่งไปเชิญห้าวเทียนฮ่องเต้มา ‘ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเจ็บปวดบ้างแล้ว’ หลี่ฟางซินรีบเอ่ยขึ้นเมื่อรู้ว่าบุรุษที่ตนรอคอยใกล้มาถึงแล้ว
“ของขวัญที่ว่าคือ...ครรภ์มังกรเพคะ” หลี่ฟางซินยิ้มมุมปาก
เย่วลี่อิงรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากมายนัก เพราะเรื่องที่สนมนางหนึ่งจะตั้งครรภ์นั้นฮองเฮาอย่างนางก็ต้องเตรียมใจไว้อยู่แล้ว แต่เพียงไม่มีสนมนางใดกล้ามาลอยหน้าลอยตาพูดว่าจะตั้งครรภ์มังกรต่อหน้านางมาก่อนก็เท่านั้น และอีกอย่างต่อให้ฮ่องเต้จะตรัสมอบครรภ์มังกรให้นางก็ไม่แน่ว่านางจะตั้งครรภ์มังกรได้
เย่วลี่อิงหัวเราะดังๆ ไปรอบหนึ่ง ทำเอาหลี่ฟางซินที่กำลังลำพองใจงวยงงไปกับกิริยาอาการของนาง
“หลี่ฟางซินนะ ...หลี่ฟางซิน เจ้าช่างไม่รู้ความอันใดเลย เพียงคำพูดแค่นี้ก็สามารถปลอบประโลมความเจ็บปวดบนใบหน้าของเจ้าได้แล้วอย่างนั้นหรือ”
หลี่ฟางซินหรี่ตามองเย่วลี่อิงอย่างจับผิด พร้อมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะเหตุใดนอกจากเย่วลี่อิงจะไม่โกรธยังขำขันราวกับนางเป็นตัวตลก
“เพื่อนรักของข้า เจ้าพึ่งเข้าวังมาไม่ถึง6เดือน จึงไม่รู้เรื่องในวังหลังดี เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าให้รู้ก่อนที่เจ้าจะป่าวประกาศไปทั่วจนตัวเองต้องอับอายขายหน้า ดีหรือไม่”
เย่วลี่อิงปรายตามองใบหน้าเรียวสวยของหลี่ฟางซินก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา
“ข้าไม่รู้หรอกว่าฝ่าบาทเคยตรัสมอบครรภ์มังกรให้สนมนางในคนใดบ้าง แต่ถึงฝ่าบาทจะไม่เคยตรัสมอบครรภ์มังกรให้ผู้ใดมาก่อน แต่เจ้าควรรู้ไว้ว่าสนมตั้งแต่ระดับกุ้ยเฟยข้าก็มิเคยสั่งให้ดื่มยาห้ามครรภ์ เช่นนั้นสนมตั้งแต่ระดับกุ้ยเฟยขึ้นไปที่ปรนนิบัติฝ่าบาทล้วนมีสิทธิ์ได้สิ่งนี้โดยไม่ต้องให้ฝ่าบาทเอ่ย”
เย่วลี่อิงระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“และถึงฝ่าบาทจะตรัสมอบครรภ์มังกรให้เจ้า ก็ไม่แน่ว่าเจ้าจะมีได้ หรือถ้ามีแล้วเมื่อไรกัน...หลังข้า...หรือหลังสนมกุ้ยเฟยคนอื่นๆ” เย่วลี่อิงยิ้มเย้ยหยัน
หลี่ฟางซินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นเคือง นางคิดว่าเมื่อเย่วลี่อิงได้ยินย่อมอดกลั้นไม่ไหวต้องตบตีนางเป็นแน่ แต่กลับไม่เป็นดังที่นางคาด นางดันโดนเย่วลี่อิงตอกกลับเสียจนหน้าชา นางพยายามข่มอารมณ์ของตนไว้ก่อนจะนึกถึงคำที่ฮ่องเต้เคยเล่าเรื่องระหว่างเขากับเย่วลี่อิงให้ฟัง ‘โชคดีที่ยังมีอีกเรื่อง เรื่องนี้เย่วลี่อิงคงเก็บอารมณ์ไว้ไม่ได้เป็นแน่’ หลี่ฟางซินเมื่อนางนึกได้ก็ไม่รั้งรอรีบเอ่ยขึ้นในทันที
“จริงเพคะ หม่อมฉันอาจไม่ใช่คนแรกที่ตั้งครรภ์มังกร แต่หม่อมฉันต้องตั้งครรภ์ก่อนฮองเฮาเป็นแน่เพคะ เพราะตั้งแต่เข้าหอกันจนถึงวันนี้ฝ่าบาทก็ยังไม่เคยให้ฮ่องเฮาปรนนิบัติเฉกเช่นสามีภรรยาสักครั้งเลยนี้เพคะ”
เย่วลี่อิงเม้มริมฝีปากแน่นใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะออกปากสั่งเหล่าขันทีและนางกำนัลที่อยู่บริเวณนั้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
"พวกเจ้าทั้งหมดถอยออกไป10ก้าว"