บท
ตั้งค่า

16.อาวุธร้าย

เสียงพูดคุยด้านในทำให้คนที่ยืนด้านนอกยกยิ้ม ก่อนจะหมุนกายเดินออกไปยังกระโจมที่ใช้วางแผนหารือ

“เหตุใดท่านอ๋องถึงได้เสียมารยาทมาแอบดูการรักษาเช่นนี้ ทั้งที่เข้าไปดูด้านในเลยก็ได้” ซือโม่เอ่ยในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ สหายก็คิดไม่ต่างกัน

“นั่นสิ ก่อนนี้ดูท่าหงุดหงิดไม่น้อย ทว่ายามนี้กลับเบิกบานใจ เดินยิ้มร่าออกมาจนข้าตามอารมย์ไม่ทันแล้ว” กระซิบในขณะที่เดินตามอยู่ห่าง ๆ

แต่ก่อนที่พวกเขาจะถึงกระโจม เสียงเรียกก็ดังขึ้น ทำให้คนที่เดินนำหน้านั้นหันกลับมาด้วย พอเห็นว่าเป็นใครก็เดินย้อนกลับมาหาทันที ทำเอาคนสนิทเป็นงงอีกรอบ

“รักษาสามีเสร็จแล้วหรือ ไยเจ้าไม่อยู่ดูแลต่อล่ะ” เอ่ยถามเสียงเรียบ มันต่างจากตอนอยู่ในกระโจมมาก ไม่มีน้ำเสียงประชดประชันเหมือนคราก่อนเลย

“ยามนี้เขาควรพักผ่อนเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันอยากคุยกับท่านอ๋องเรื่องอาวุธด้วย เอาไว้เสร็จธุระแล้วค่อยกลับไปดูแลก็ไม่สาย” หนิงเหอเอ่ยบอกเขา ทว่านางกลับไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

“งั้นหรือ แต่ก็เอาเถอะข้าจะเชื่อ ว่าแต่ที่เจ้าปิดหน้าเช่นนี้ เกรงผู้คนจะรู้ว่าฮูหยินแม่ทัพหน้าตาเป็นเช่นไรงั้นหรือ ปกติภรรยาของผู้มีอำนาจ ส่วนมากก็อยากเปิดเผยตัวตนทั้งนั้น แต่เจ้ากลับปกปิดเสียมิดเชียว หรือการแต่งงานของเจ้าจะมีลับลมคมใน” โน้มหน้ามาเอ่ยใกล้ ๆ

ครานี้หนิงเหอเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที เมื่อเห็นใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้ม นางก็มั่นใจแล้วว่าสิ่งที่ตนเอ่ยเมื่อครู่ คนตรงหน้าคงได้ยินมันหมดแล้ว

“ที่นี่อาจมีสายของต่างแคว้น ท่านแม่ทัพถูกพิษจนล้มป่วย หม่อมฉันเป็นสตรีและยังเป็นผู้ที่สร้างอาวุธนั่น พระองค์คิดว่าหม่อมฉันไม่ควรปิดบังตัวตนหรือเพคะ เช่นนั้นเปิดออกก็ได้” ว่าพร้อมกับตั้งท่าจะดึงผ้าคลุมหน้าลง ซึ่หลางรีบจับข้อมือเล็กไว้ทันที

“ขะ ขอโทษเจ็บหรือเปล่า” เพราะลืมตัว เกรงว่านางจะปลดผ้าคลุม เขาเลยเผลอคว้าแขนนางเสียเต็มแรง จึงกลัวว่าคนตัวเล็กจะเจ็บเพราะเขารีบร้อนเกินไป

“ไม่เพคะ ทรงปล่อยมือเถอะ” บอกเขาเมื่อมือเรียวยังคงกุมแขนตนไว้ ซีหลางคลายมือออกอย่างเสียดาย

“เช่นนั้นเจ้าคลุมผ้าไว้เถอะ จะได้ไม่มีใครรู้ว่าภรรยาแม่ทัพลู่หน้าตาเป็นเช่นใด” บอกก่อนจะยิ้มกริ่ม

หนิงเหอได้แต่นิ่งงันไปกับคำพูดของเขา ซึ่งมันเป็นความตั้งใจของนางจริง ๆ ดูเหมือนชินอ๋องจะปะติดปะต่อเรื่องได้บ้างแล้วเขาจึงเอ่ยออกมาเช่นนี้

“ไปเถอะ อยากหารือเรื่องอาวุธไม่ใช่หรือ ส่วนเจ้าสั่งคนของเราสืบเรื่องยาพิษที่จินฟานได้รับเงียบ ๆ ข้าอยากรู้ว่าใครกันที่เป็นหนอนบ่อนไส้” เสียงเหี้ยมเปล่งออกมา ต่างจากยามที่พูดคุยกับสตรีตัวน้อยยิ่งนัก

หนิงเหอเดินตามชินอ๋องห่าง ๆ มีคนสนิทตามมาด้วย ทว่าจำต้องยืนรอด้านนอก เพราะการหารือคนนอกไม่อาจข้องเกี่ยวได้ ด้านในก็มีนายกองของแต่ละเหล่า รวมถึงแม่ทัพภาคที่บาดเจ็บตรงแขน ทว่ายังพอทำหน้าที่ต่อได้

หนิงเหอพยายามบอกวิธีใช้ให้ทุกคนเข้าใจง่ายที่สุด ขอเพียงแค่จุดชนวนแล้วยิงออกไป ดินประสิวที่ถูกอัดในกระบอกไม้ไผ่ก็จะระเบิดยามที่ชนวนสิ้นสุดลง คำบอกเล่านี้ทุกคนต่างก็ไม่อาจเชื่อ นางจึงจำต้องทำให้ดู

สถานที่เหมาะก็คือทุ่งหญ้ากว้างไกลกับค่าย เหล่าทหารต่างก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

“จะยิงเองหรือขอรับ” จงเฟยเอ่ยถามทันที เมื่อเห็นผู้เป็นนายเตรียมตัว ซึ่งมันออกจะอันตรายมากอยู่ เพราะเขาเคยเห็นฤทธิ์ของอาวุธนี้มาแล้ว

“อืม อยากให้ทุกคนรู้วิธีการ ถึงมันจะไม่ยาก ทว่ามันก็มีจังหวะเวลา ชักช้าไม่ได้ ท่านอ๋อง กระหม่อมอยากให้พลธนูมาเรียนรู้ตรงจุดนี้พ่ะย่ะค่ะ” พยายามดัดเสียงกับผู้ที่มีอำนาจสุดในค่ายนี้ ซีหลางยกยิ้มก่อนจะตอบ

“ได้สิคุณชายเหอ” เพราะไม่ได้เตรียมชื่อแซ่กันมาก่อน ชินอ๋องเลยขานนามอีกฝ่ายตามใจตนเสียเลย

“ไปตามพลธนูมาซักสิบคน ตรงนี้เราคงไม่ต้องใช้คนมากกระมัง หรือคุณชายเห็นเป็นเช่นไร”

“พ่ะย่ะค่ะ” บอกเสียงทุ้ม ทว่ามันก็ยังดูนุ่มลึกอยู่ดี คนที่รู้ก็ได้แต่ยกยิ้ม ทว่าพวกเขาก็จำต้องคล้อยตาม

ผ่านไปหนึ่งเค่อ พลธนูก็เข้ามาประจำจุด บุรุษตัวน้อยซึ่งมีผ้าคลุมใบหน้าจึงสาธิตให้ทุกคนดู มีจงเฟยคอยช่วยจุดชนวนที่ห้อยอยู่ ดีที่กระบอกไม้ไผ่เป็นแบบแห้งจึงยิงง่าย แต่ถึงกระนั้นประสิทธิภาพก็มีมากนัก เพราะด้านในอัดแน่นไปด้วยดินประสิวและส่วนผสมเต็มกระบอก

หนิงเหอยิงลูกศรออกไปท่ามกลางสายตาของทุกคน ซึ่งแทบไม่เชื่อว่าบุรุษอ้อนแอ้นผู้นี้ จะสามารถน้าวสายธนูได้ เมื่อมันตกลงกลางทุ่งหญ้าทุกคนก็หันมาหานาง เพราะไม่เห็นมีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย จนบางคนหมายจะอ้าปากถาม

ทว่าไม่กี่อึดใจต่อมา บึ้ม!! เสียงกระหึ่มดังก้องทำเอาทุกคนต่างพากันหมอบลง รวมถึงชินอ๋องที่ตกใจไม่แพ้กัน ครานี้ทุกคนหันไปยังจุดนั้นเป็นตาเดียว ก่อนจะหันกลับมาหาบุรุษสูงแค่ไหล่อีกครั้ง

“เสียงของมันดังเพียงนี้เชียว” ซีหลางรีบถาม

“พ่ะย่ะค่ะ จะไม่ไปดูร่องรอยหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปสิ” หันมาตอบแล้วร่างสูงก็เดินไปที่ทุ่งหญ้า มีทหารและคนสนิทซึ่งอยากรู้ตามไปด้วย ร่องรอยตรงหน้าสร้างเสียงวิจารณ์ดังขึ้นทันที ทว่ามันเป็นไปในทางยินดีมากกว่า เพราะดูแล้วอาวุธนี้ร้ายกาจมาก

“ดีจริง มีอาวุธเช่นนี้เราก็กำจัดศัตรูได้ง่ายขึ้นแล้ว” นายกองรีบเอ่ย ก่อนจะเดินตามผู้เป็นนายกลับไปที่ค่าย

“คราแรกที่มันไม่ทำงานเป็นเพราะเหตุใด” เอ่ยถามเสียงทุ้มอ่อนในสิ่งที่สงสัย เพราะคิดว่าลูกศรปักลงแล้วจะสร้างความเสียหายเลยเสียอีก แต่ละคนก็ฉงนพอกัน

“กระหม่อมแรงน้อยยิงได้ไม่ไกล ลูกศรตกก่อนที่ชนวนจะไหม้ถึงตัวจุดระเบิด หากเป็นบุรุษร่างกายกำยำ เชื่อว่าคงเหมาะเจาะกับเวลาของชนวนพอดีพ่ะย่ะค่ะ” บอกไปตามจริง ปกติหนิงเหอก็ยิงได้ไกลกว่านี้ ทว่านางเจ็บแขนตั้งแต่ถูกชินอ๋องล้มทับแล้ว และยังต้องมาประคองและรักษาสามีอีกจึงยังมีอาการอยู่

“หึหึ งั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะให้คนของข้าทดลองดู เจ้าก็รอบอกว่าควรทำเช่นไรแล้วกัน” เสียงขำดังขึ้นมาก่อน ทำให้คนตัวเล็กอดมองค้อนคนที่หยันตนไม่ได้

“ลองฝึกแบบไม่ใช้อาวุธก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ ลองหาอะไรที่น้ำหนักพอ ๆ กับอาวุธมาผูกถ่วงไว้ แล้วฝึกยิงให้คล่อง หากลองกับอาวุธเลยเกรงว่าจะเกิดการผิดพลาด อีกอย่างมันจะดึงดูดให้ฝ่ายนั้นอยากรู้ว่าเราทำสิ่งใด แล้วหาทางป้องกันได้ทันก่อนเราจะลงมือ” บอกกล่าวสิ่งที่คิด

ซึ่งผู้ที่นางเอ่ยด้วยก็คิดไม่ต่างกันนัก ยามนี้เขาจึงเผยยิ้มชอบใจในความเฉลียวฉลาดของสตรีตรงหน้า ก่อนจะสาวเท้าขยับเข้ามาใกล้แล้วกล่าวกับนางเบา ๆ

“เห็นเจ้าฉลาดเพียงนี้ ข้าอิจฉาจินฟานเหลือเกิน” เอ่ยจบเขาก็ถอยออกมา พร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม ซึ่งมันน่าหมั่นไส้ยิ่งนักสำหรับหนิงเหอ บางทีเขาก็แขวะนางจนอยากวางยาพิษสักครั้ง บางทีก็พูดดีจนเลี่ยนหู

‘คนผู้นี้อันตรายเหลือเกิน เสร็จงานนี้เราคงต้องรีบกลับเมืองหลวงแล้ว' ต่อว่าอีกฝ่ายในใจ นางเดินเลี่ยงไปหลบหลังองครักษ์ เพราะไม่อยากเห็นสายตาของชินอ๋องที่เอาแต่มองตน ทั้งที่เขาก็รู้แล้วว่านางเป็นภรรยาผู้ใด

“เจ้าสองคนเห็นหรือไม่” เสียงแหบพร่าของจินฟานดังขึ้น หลังจากฟื้นเขาก็ดื่มยาที่ฮูหยินตนเตรียมไว้ให้ แล้วให้คนสนิทพาออกมาด้านนอกเพื่อดูว่าทหหารทำอันใดกัน

ทั้งที่ควรจะนอนพักรักษาตัวต่อ ทว่าพอรู้ว่าหนิงเหอ อยู่ที่นี่แต่ไม่อยู่ในกระโจมเขา แม่ทัพหนุ่มก็เกิดความกังวลขึ้นมา จนไม่อาจนอนอยู่เฉย ๆ ได้ ยามนี้เขาจึงยืนอยู่หน้าค่าย มองการฝึกซ้อมอาวุธซึ่งมันดูร้ายกาจยิ่งนัก 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel