บทที่ 2 ข้าเป็นเพียงตัวประกอบในนิยาย
บทที่ 2
ข้าเป็นเพียงตัวประกอบในนิยาย
ภรรยาตัวประกอบ
“อ๊าก!”
‘เหลียงหลินฮวา’ หรือ ‘ปั้นแป้ง’ คว้าหมอนขึ้นมาอุดปากก่อนจะกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง ใบหน้าของนางแดงระเรื่อด้วยความโกรธระคนเขินอาย หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตระหนกกับสัมผัสของสามีและถ้อยคำยียวนกวนประสาทของเขา
‘โหวจางเซียวหยางเป็นคนเช่นนี้เองหรอกหรือ! ไม่เห็นเหมือนในนิยายเลย!’
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากหมอน ท่ามกลางสาวใช้ที่ยืนละล้าละลังอย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นปฏิกิริยาแปลกๆ ของเจ้านายสาวก็ยิ่งเลิ่กลั่กงุนงง ฮูหยินหลินฮวาที่วันๆ เอาแต่เก็บตัวเงียบ บ้างก็นั่งร้องไห้ บ้างก็นอนนิ่งลืมตาในความมืดราวกับคนสิ้นอาลัยตายอยาก
ฮูหยินพยายามฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้ง ครั้งล่าสุดพยายามผูกคอตายแต่ก็รอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ ทว่าหลังจากฟื้นคืนมาเจ้านายกลับแปลกไป ลุกขึ้นทำโน่นทำนี่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งยังกล้าไปพบท่านโหวถึงห้องทำงานอีกด้วย
ซึ่งปกติแล้วฮูหยินหวาดกลัวท่านโหวราวกับกลัวยมทูตเลยทีเดียว แม้จะเอ่ยทักทายยังตัวสั่นงันงก แล้วจู่ๆ ฮูหยินเอาความกล้ามาจากไหนไปต่อปากต่อคำกับท่านโหวเล่า
ปะ...แปลกเหลือเกิน!
“ข้าอยากอยู่คนเดียว พวกเจ้าออกไปก่อน”
เหลียงหลินฮวาหันไปบอกสาวใช้ฝาแฝดทั้งสองคน ทว่าสาวใช้กลับส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ไม่ได้เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้พวกเราดูแลฮูหยินอย่างดีที่สุด”
“อีกทั้งเมื่อครู่พ่อบ้านยังกำชับมาว่าท่านโหวสั่งให้ดูแลฮูหยินอย่างเข้มงวด ห้ามละสายตาเป็นอันขาดเจ้าค่ะ”
เฟยฮุยและเฟยหลงปฏิเสธพลางยกเหตุผลขึ้นมาอ้างอย่างเข้าขากัน ด้วยเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันแทบทุกกระเบียดนิ้ว ความรู้สึกนึกคิดจึงสอดคล้องไปในทางเดียวกันอย่างน่าประหลาดใจ
“กลัวข้าจะฆ่าตัวตายงั้นหรือ”
เหลียงหลินฮวาย้อนถาม ซึ่งก็ได้คำตอบทันทีเมื่อสาวใช้ทั้งสองคนพยักหน้างึกๆ
“ข้าไม่ฆ่าตัวตายหรอก เวลานี้ข้ารักชีวิตของข้ามาก ดังนั้นเจ้าทั้งสองก็แค่ยืนรออยู่หน้าห้อง หากได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ก็ค่อยเข้ามา”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ”
สาวใช้ทั้งสองตอบอย่างพร้อมเพรียงแววตาฉายชัดถึงความมุ่งมั่น หลินฮวายิ้มแห้งก่อนจะพยักหน้าอย่างยอมจำนน แล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนแสร้งหลับตาลงเสียดื้อๆ
กี่วันแล้วนะที่ข้าฟื้นคืนจากการฆ่าตัวตาย ข้าหมดสติไปถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ซึ่งเจ็ดวันที่ข้าก้าวย่างอยู่ระหว่างความเป็นความตายนั้น ข้าได้ระลึกชาติ...ว่าแท้จริงแล้วชาติก่อนข้าคือ ‘ปั้นแป้ง’ เด็กสาวที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา
ปั้นแป้งเป็นเด็กที่ถูกบิดามารดาทุบตีจนบอบช้ำทั้งกายและใจ อีกทั้งยังถูกทอดทิ้งให้อดตายในบ้านร้างอย่างไม่ไยดี เรื่องราวของนางเป็นข่าวใหญ่โตสร้างความสะเทือนใจให้คนในสังคมไม่น้อย เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิมารับตัวนางไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ทว่าหัวใจที่บอบช้ำทำให้เด็กหญิงปั้นแป้งป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องได้รับการรักษาทั้งรับประทานยาเพื่อแก้ไขสมดุลของสารเคมีในสมอง และพูดคุยกับจิตแพทย์อย่างใกล้ชิดจนอาการค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
ปั้นแป้งค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย นางเข้าใจโลก เข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้คน และหยัดยืนด้วยสองขาของตนเองโดยที่ไม่ต้องมีใครคอยประคอง เด็กหญิงทิ้งฝันร้ายไว้เบื้องหลังแล้วก้าวไปข้างหน้า เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ที่น่ารักบางทีก็น่าชัง และเจ้าหน้าที่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ให้ความรักแก่นางราวกับบุตรคนหนึ่งแต่บางคราก็เข้มงวดดุด่าเพื่อให้นางอยู่ในร่องในรอย
ด้วยผลการเรียนดี กิริยามารยาทดี จึงมีเศรษฐีใจบุญส่งเสียงค่าเล่าเรียนแก่ปั้นแป้งจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
ชีวิตของนางเรียบง่ายไม่หวือหวา กำลังจะศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเป็น ‘นักจิตวิทยาการกีฬา’ ให้กับนักกีฬา นั่นเพราะนางชอบกีฬา และชื่นชอบการให้กำลังใจ ให้คำปรึกษา อาชีพนี้จึงเป็นอาชีพในฝัน ทว่า...
คืนนั้นนางติดพันอ่านนิยายจนรุ่งสาง ผล็อยหลับไปในช่วงเช้า และวันนั้นนางได้ ‘ใหลตาย’ หลับใหลและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
วิญญาณของนางมาเกิดใหม่อีกครั้งในนิยายเรื่อง ‘รักแท้ของท่านโหวผู้เย็นชา’ นิยายที่นางอ่านก่อนจะใหลตายนั้นเอง