บทที่ 4
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยล่ะ หูย...เด็กมอเราเพียบเลย”
“ก็ร้านนี้ มอเราครองนี่ยะ”
พรพราวว่า เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย เพื่อให้เกียรติสถานที่ เธอสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีนู้ดน้ำตาล ผ่าข้างขึ้นสูงเกือบขาอ่อน แต่งหน้าเต็ม ทิ้งสูทไว้ในรถ พร้อมจะปาร์ตี้เต็มที่
“สนุกล่ะวันนี้” นัยน์ตาคมกริบของคนข้างเธอ มองกวาดไปรอบๆ เธอมองแล้วค้อนขวับให้
“เบาๆ หน่อยนะยะอีตานนท์ เพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆ ไม่ใช่เหรอ อย่าซ้อนสองซ้อนสามล่ะหัวใจจะวายเอา”
คำพูดเป็นนัยนั้น ทำให้ชานนท์หัวเราะ แล้วโอบเอวเธอเข้าหาตัวก่อนจะกระซิบเสียงเบา ชนิดได้ยินกันสองคน
“หึงเหรอ?”
“ไม่มีทางหรอก”
พรพราวปรายตาใส่เขา นัยน์ตาของเธอส่องประกายระยับ เธอยักไหล่ขณะที่ชานนท์หัวเราะ เขาหันไปตบบ่าเพื่อนรักอีกคน ที่วันนี้ดูนิ่งเฉย มึนซึมไม่ร่าเริงนัก
“เฮ้...ไอเฟล วันนี้เต็มที่เลยนะมึง แฟนไม่อยู่ด้วยนี่หว่า เดี๋ยวกูจะไปจีบน้องๆ มาเผื่อ เด็กรุ่นใหม่สวยแจ่มทั้งนั้นเลย”
กฤชพลเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้พูดตอบอะไร เขาเดินตามเพื่อนทั้งสองไปนั่งโต๊ะ ตามองกวาดไปรอบๆ เพราะร้านนี้เขามาบ่อย คนรู้จักค่อนข้างมาก พรพราวโบกมือเรียกบริกร แล้วสั่งเหล้ามาดื่ม เธอสะดุ้งนิดๆ เมื่อมือเย็นๆ ของใครบางคนลูบมาที่เรียวขาข้างที่เปิดเปลือยขึ้นจากรอยแหวกของชุด
คนทำเลิกคิ้วให้กับเธออย่างยั่วๆ
พรพราวแลบลิ้นเลียริมฝีปากเคลือบสีแดงสดของตน เหมือนจะยั่วกลับ เมื่อมือนั้นลูบสูงขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้ถึงโคนขา
“เฮ้! เจ๊บรีน่า”
เสียงทักดังขึ้นทำให้มือของชานนท์ชะงักเขาชักมันคืนและเอามาวางบนโต๊ะ ก่อนจะหันมองคนเรียก ที่เป็นหญิงสาวสองคนที่แต่งตัวมาแบบเว้าหน้าเปิดหลังแข่งกันอวดเนื้อตัวที่ต้องเรียกได้ว่าหุ่นเป๊ะมากๆ เจ้าหล่อนทั้งสองหน้าคล้ายกันราวกับแฝด จนเขาต้องขยี้ตาดูว่าเมาหรือเปล่า
“เอ๋?”
คนโดนทักก็ยังมองสองสาวอย่างงงๆ พวกหล่อนหัวเราะ ก่อนจะถอนใจ แล้วเอ่ยแนะนำตัว
“หูย เจ๊อะ หยาบคายจำน้องไม่ได้เหรอ นี่ลีจัง นี่คิโย๊ะยังไงล่ะเจ๊”
บอกชื่อเสียงเรียงนามมาแบบนั้นก็พอจะจำได้หน่อย พรพราวร้องอ้อ แล้วไม่ต้องขยับตัวอะไร สองสาวก็อัญเชิญตัวเองนั่งเรียบร้อย สาวที่ชื่อคิโย๊ะนั่งแทรกระหว่างเธอกับชานนท์อย่างจงใจ ส่วนอีกคน นั่งเบียดไปทางกฤชพล ที่เพียงแค่เหลือบตามองหล่อน ไม่ได้สนใจอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ
“ไปทำอะไรมาจำแทบไม่ได้”
พรพราวเอ่ยทัก เธอจำรุ่นน้องร่วมสถาบันไม่ได้จริงๆ ก็อย่างว่าหน้าตาเปลี่ยนไปมากรวมถึงสรีระบางอย่างด้วย
“ถ้าจะถามว่าทำอะไร” ลีจังเอ่ยนำ
“ก็ต้องตอบว่าเยอะจนจำไม่ได้อะเจ๊” คิโย๊ะเอ่ยตาม แล้วพากันหัวเราะคิกคัก
“แหม...”
พรพราวเองก็อดขำสองสาวไม่ได้ ชานนท์มองคิโย๊ะตาเยิ้มไปเลยทีเดียวตามประสาหนุ่มเจ้าชู้ ตามองตกบางส่วนเป็นพิเศษ และฝ่ายหญิงก็เหมือนจะรู้ เธอยืดอกให้เขาดูขนาดอกไซส์ใหม่ที่เพิ่งไปอัพซิลิโคนมาอย่างจงใจ
เหล้าถูกรินแจก คนร่วมโต๊ะมีเพิ่มขึ้น ทุกคนเริ่มสนุกสนานและเมามาย มีเพียงบางคนที่ไม่สนุกเลย จนพรพราวสังเกตเห็น เธอกระซิบข้างหูชานนท์หลังจากที่สองสาวขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“เห็นนายไอเฟลไหม? แปลกๆ ไปนะ”
“ถามแล้วก็ไม่เห็นพูดว่าเป็นอะไร”
“ทะเลาะกับแม่เอรินนั่นหรือเปล่า”
พรพราวว่า ชานนท์ยักไหล่ แล้วทั้งคู่ก็ผละออกจากกันเมื่อสองสาวเดินกลับเข้ามา
นัยน์ตาของเขายังคงเลื่อนลอย มองดูไปรอบๆ เหมือนไม่ได้รับรู้อะไร สมองของเขายังคงมึนชา...ภาพของคนรักและน้องชายกำลังฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัว
เขาดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า
หวังจะให้เหล้าช่วยลบภาพพวกนั้น
ทว่ามันกลับยิ่งแจ่มชัดจนน่าโมโห
เมื่อเธอนอกใจเขา เขาก็ควรจะทำมันบ้าง!
แวบหนึ่งของความคิดที่ผุดขึ้นมา ทำให้กฤชพลกำมันไว้ทันที และทำท่าจะหันมาหาสาวสวยข้างๆ ที่ขยันเบียดทรวงอกชนแขนเขา ชวนเขาคุย ชวนเขาชนเหล้าทั้งที่เขาไม่พูดตอบสักคำ
แต่..
นัยน์ตาคมกริบของกฤชพลมองไปเจอใครบางคนเข้าก่อน เขาถึงกับเบิกตากว้าง แล้วหรี่ลงเขม้นมองให้ชัดเจน
เขาเจอเป้าหมายของตัวเองแล้ว...
............
“หูย...ใครเอาแก้วนี้ให้ยัยเอยดื่มอะ”
เสียงของญาตาดังขึ้นแหว เมื่อเห็นสภาพของนิราอรที่ตอนนี้เมาถึงขนาดนอนซบกับแขนตัวเอง หลังจากที่พวกเธอหิ้วไปอาเจียนมาแล้วรอบหนึ่ง
“เค้าเอง” คิมหันต์มือชงประจำวงยกมือพลางยิ้มแหย
“หนักมือไปหน่อยอะ น็อคเลย”
“หมดกันแผนจะให้ยัยเอยแอ๊วผู้ พาเพื่อนมามอมซะงั้น” ภาวิณีบ่น
“นี่ไอ้ชินไปรับพี่แพทของมันที่หน้าเธคพอดี๊ หมดกัน เฮ้อ...ล้มแผนๆ เดี๋ยวฉันพายัยเอยกลับหอก่อน” ว่าแล้วก็ทำท่าจะลุก แต่มีร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน
“อะแฮ่ม! หืม...ทำไมน้องเอยเป็นแบบนั้นละครับ”
“เฮ้ย! พี่ไอเฟล”
สายตาทุกคู่หันมามองเขาเป็นตาเดียว แน่ล่ะทุกคนรู้ดีว่าเขาเป็นใคร เขาขมวดคิ้วแล้วมองดูนิราอรนี่กำลังนอนหัวเราะหึๆ อยู่ที่โต๊ะ ก่อนจะกวาดสายตาคมกริบราวใบมีดโกน มองกวาดเพื่อนๆ ของหล่อนทีละคน ภาวิณีกะพริบตาปริบๆ เมื่อทุกคนสะกิดให้หล่อนเป็นตัวแทนพูด
“คือฉลองวันเกิดส้ม...หนักไปหน่อยน่ะค่ะพี่ไอเฟล”
“เมาแล้วแบบนั้น พากลับบ้านดีกว่า”
เขาเอ่ยเสียงขรึมๆ และก่อนที่จะมีใครทันพูดอะไร เขาก็ก้มลงแล้วช้อนร่างเล็กบางของนิราอรขึ้นมาอุ้มเหมือนอุ้มเด็ก เจ้าตัวส่งเสียงอือออ ก่อนจะปรือตามองเขา เสียงหวานเอ่ยแผ่ว
“พี่ไอเฟล...พี่ไอเฟลหรือเปล่าคะ?”
จำเขาได้ด้วยสินะ...
ดี...
กฤชพลยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก แล้วบอกกับเพื่อนของหล่อนในกลุ่มที่กำลังมองเขาเป็นตาเดียว
“เดี๋ยวพี่พาเอยกลับบ้านเอง ไม่ต้องเป็นห่วง สนุกกันต่อเถอะ”
พูดแล้วก็อุ้มพานิราอรเดินฝ่าคนออกไป โดยทิ้งให้เพื่อนๆ ของเธอได้แต่มองตากัน ส่วนภาวิณีครางออกมาเสียงอ่อย
“หูย...ตายแน่นังส้ม พี่ไอเฟลไปส่งยัยเอยสภาพนั้น ชะตาชีวิตฉันจะขาดไหม จะเข้าบ้านยัยเอยได้อีกไหมอะ”
“เอ้า! ดื่มย้อมใจเพื่อน” คิมหันต์ชงเหล้าเข้มๆ มาวางตรงหน้าให้กับภาวิณี ที่ตีโพยตีพายไปแล้วว่า นิราอรโดนพ่อกับแม่เห็นสภาพเมาไร้สติจนต้องอุ้มกลับไปแบบนั้นเธอจะโดนอ่วมขนาดไหน
แต่พวกเธอไม่รู้ว่ากฤชพลไม่ได้พานิราอรกลับไปที่บ้าน