บท
ตั้งค่า

CHAPTER 6 ต้องการความหวังคืน (2/3)

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป... ในที่สุดพัฒน์ก็แจ้งวันและเวลาที่จะทำพิธีเชื่อมกลิ่นเลื่อนชั้นชน ผมไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกยังไงกับสถานการณ์นี้ ผมทั้งหวาดหวั่นและตื่นเต้น เพราะผมไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ทำพิธีไสยศาสตร์แบบนี้ ผมค่อนข้างกังวลถึงสิ่งที่จะตามมา จนไม่รู้ว่าตัวเองคาดหวังให้มันสำเร็จหรือเปล่า ผมรู้อยู่แล้วว่าถ้าเกิดไม่สำเร็จก็แค่กลับใช้ชีวิตแบบเดิม แต่ถ้าเกิดมันสำเร็จขึ้นมาล่ะ ชีวิตผมจะเหมือนพลิกฝ่ามือเลยมั้ย ในขณะเดียวกันผมก็คิดไปถึงลลินว่าเธอจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ทุกอย่างจะเหมือนที่เขาเล่าในข่าวหรือเปล่า... การไม่รู้อะไรเลยเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

เพราะงั้นผมจึงยืนมองศาลาไม้เก่าๆ สถานที่นัดหมายตรงหน้าอย่างลังเล ยิ่งเป็นคืนเดือนดับที่ท้องฟ้ามืดสนิทไร้ซึ่งหมู่ดาว สายลมเย็นวาบพัดพากลิ่นธูปผสมกลิ่นดินเปียกจนคละคลุ้งชวนให้ขนลุกวาบ เสียงจักจั่นดังแว่วเหมือนจะเตือนให้ผมถอยกลับไป แต่ผมก็ยังเดินเข้าไปจนถึงกลางศาลาที่มีแสงเทียนส่องสว่างอยู่ มีพรมผืนเล็กปูอยู่ตรงกลาง บนพรมมีเทียนสีดำปักเรียงเป็นวงกลม และตะกร้าไม้ที่เต็มไปด้วยของประหลาด กล่องไม้เก่า หนังเสือที่ขาดรุ่ย เส้นผมผู้หญิง รูปถ่ายของลลินและตุ๊กตาดินปั้นที่มีรูปผมแปะอยู่ ทุกสิ่งที่เห็นชวนให้สยอง

พัฒน์นั่งอยู่ตรงกลางวง เขาลืมตาช้าๆ ขณะผมก้าวเข้ามา แสงจากเทียนสีดำส่องให้เห็นเงาบนใบหน้าเขาชัดเจนขึ้น…นิ่งเยือกเย็นแต่ไม่ไร้ความรู้สึก

“มาแล้วเหรอ”

เสียงเขาเบาราวกับไม่อยากให้ใครได้ยินทั้งที่บริเวณนี้ไม่มีผู้ใดอยู่เลย ผมกลืนน้ำลายฝืดๆ แล้วพยักหน้า

“นั่งสิ”

ผมนั่งลงข้างๆ พัฒน์ที่แต่งตัวด้วยชุดลำลองปกติเพียงแค่มีผ้าผืนสีขาวสะอาดพาดไหล่เอาไว้เท่านั้น เพียงเท่านั้นสายตาที่ผมมองเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิม ตอนนี้เขาราวกับเป็นผู้มีพลังวิเศษจริงๆ จากตอนแรกที่ยังเคลือบแคลงสงสัยกลายเป็นเริ่มมั่นใจ

“แน่ใจแล้วนะ” พัฒน์ถามขึ้น ขณะหยิบเทียนขึ้นมาถือไว้ ผมกลืนน้ำลายดังอึก มาถึงขนาดนี้แล้วต่อให้อยากถอยก็ถอยไม่ได้แล้วล่ะ เป็นไงเป็นกันเว้ย!

“เออ”

สิ้นคำนั้นพัฒน์ก็ยื่นเศษผ้าส่งให้ ผมมองมันอย่างฉงน

"นั่นอะไร"

"เศษผ้าที่มีกลิ่นของลลินติดอยู่" ผมเบิกตากว้าง

"ไปเอามาได้ไง!"

“มันใช่เรื่องที่ต้องสนใจมั้ย ใส่มันลงไปในขัน” ผมมองมันอย่างลังเลก่อนจะทำตามที่เขาบอก ใส่เศษผ้าวางลงบนขันสีทองที่มีน้ำอยู่เกือบครึ่งพร้อมกับกลีบกุหลาบและดาวเรืองลอยอยู่ด้วย ทันทีที่เศษผ้านั้นจมลงสู่ก้นขันพัฒน์ก็สวดบางอย่างพึมพำพลางหยดน้ำตาเทียนใส่มัน ผมนั่งมองการกระทำของเขาพลางยกมือลูบต้นแขนที่ขนลุกชัน อยู่ๆ ลมก็พัดแรงขึ้นเล็กน้อย ทำผมร้อนๆ หนาวๆ พิกล

หลังจากสวดบางอย่างเสร็จ พัฒน์ก็หยิบเศษผ้านั้นขึ้นมาแล้วนำมันแนบกับหุ่นปั้นที่มีรูปหน้าผมพร้อมเศษผ้าที่ผมให้ไปก่อนหน้าวางทับกันแล้วพันด้วยสายสิญจน์ จากนั้นเขาก็พนมมือโดยมีหุ่นปั้นนั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างมือแล้วสวดบางอย่างอีกครั้งก่อนจะเป่ามันและค่อยแกะสายสิญจน์นั้นแล้วดึงเศษผ้าทั้งสองออกมาจากหุ่นปั้นแล้วยื่นมันส่งให้ผม

ผมมองสิ่งนั้นสลับกับมองหน้าพัฒน์ ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการให้ผมทำอะไร

“เผามันซะ”

ผมจ้องรูปนั้นอีกครั้งก่อนจะยื่นปลายนิ้วสั่นเทาหยิบเศษผ้าสองชิ้นมาจากมือพัฒน์ เขาพยักพเยิดไปทางเทียนสีดำที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเรา ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าอกลึกสุดใจเพื่อไล่ความกลัว จากนั้นจึงยื่นรูปลลินไปเหนือเทียน เปลวไฟค่อยๆ ลามขึ้นมาบนรูปนั้นจนกลายเป็นเถ้าถ่าน พัฒน์ดึงมือผมไปที่พานใบหนึ่งเพื่อให้ผมปล่อยเศษผ้าในมือ ผมนั่งมองมันค่อยๆ มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านลอยฟุ้งไปในอากาศ พัฒน์สวดบางอย่างอีกเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ามองผม

“เรียบร้อย” ผมเบิกตากว้าง

“เสร็จแล้วเหรอ” เขาพยักหน้า “แล้วยังไงต่อ”

“แค่รอ”

“รอเหรอ นานมั้ย”

“ไม่แน่นอน อาจจะแค่หนึ่งวัน เจ็ดวัน หรือเป็นเดือน แต่ดวงชะตาจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับการกระทำของมึงด้วยส่วนหนึ่ง”

“งั้นเหรอ”

“ใช่... แค่ทำตัวปกติอย่างที่เคยทำนั่นแหละ”

“โอเค แล้วลลินล่ะ เธอจะเป็นยังไง”

“ไม่รู้สิ กูรู้แค่ว่าถ้าเธอร่วง มึงจะรุ่ง โอกาสที่เคยเป็นของเธอจะตกเป็นของมึง”

“จะไม่มีอะไรแรงร้ายใช่มั้ย” ผมถามสิ่งที่กังวลใจ พัฒน์มองผมแล้วคลี่ยิ้มบางๆ บางจนแทบไม่เห็น

“ไม่หรอก เราแค่ขโมยโอกาสมาจากเธอ ไม่ใช่สาปแช่งเธอ แต่จะร้ายแรงแค่ไหนก็แล้วแต่เวรกรรมด้วย” ผมเม้มปากก้มหน้าอย่างกังวล “อย่าห่วงเลย”

ผมเงยหน้าขึ้นมองพัฒน์ก่อนจะพยักหน้า

“กูเชื่อมึง”

‘ผู้ที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมคือ...คุณภีรภัทรครับ!’

สิ้นเสียงพิธีกรบนเวทีเสียงปรบมือดังลั่นสนั่นฮอลล์ ผมนั่งอึ้งเมื่อได้ยินชื่อตัวเองจนกระทั่งชิรันหันมาพูดกับผม

‘ยินดีด้วยนะภีม’

‘ขอบคุณครับ’ รอยยิ้มสุกสกาวบนใบหน้าหล่อเหลาทำให้ผมยิ้มตามทว่าอยู่ๆ กลับมีเสียงอีกคนดังขึ้น

“ถึงแล้ว”

ถึงแล้ว ถึงไหน

ผมมองไปรอบๆ ฮอลล์อยู่ๆ ผู้คนที่นั่งอยู่มากมายหายไปจนหมดเหลือแค่เพียงคนๆ เดียวนั่นคือพัฒน์...

“ไอ้สัตว์ ตื่นได้แล้ว”

“ฮะ?” ผมครางออกมาเสียงเบาก่อนเพ็งมองภาพตรงหน้าชัดๆ ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดของพัฒน์ทำให้ผมรู้ว่าเมื่อกี้เป็นเพียงความฝัน ผมยกมือขึ้นลูบใบหน้าสองสามทีเพื่อไล่ความง่วง

“เมื่อคืนไม่ได้นอนไง” พัฒน์ถามปลดเข็มขัดนิรภัย

“เออดิ เจอแบบนั้นใครจะไปหลับลง” เมื่อคืนพอกลับมาถึงห้องหลังทำพิธีเชื่อมกลิ่น ผมก็นอนผวาทั้งคืนเลย บรรยากาศเย็นๆ วังเวงๆ เสียงสวดคาถาของพัฒน์หลอนหูทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอน สุดท้ายต้องลุกขึ้นมาเปิดไฟนอนแต่ก็นอนไม่หลับอยู่ดี บ้าบอมาก ตอนแรกคิดว่าของเข้าตัวด้วยซ้ำ นอนไปได้แป๊บเดียวพัฒน์โทรชวนมากินข้าวเลยได้มานั่งหลับในรถมันเนี่ยแหละ

“คิดมาก”

“ก็กูไม่ชินนี่หว่า”

“ลง กูหิว”

ผมปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูลงจากรถทันทีโดยมีพัฒน์เดินนำเข้าห้างไปก่อนแล้วจนกระทั่ง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel