CHAPTER 6 ต้องการความหวังคืน (1/3)
ในเมื่อไม่ได้เป็นนักแสดงแล้ว ผมก็ต้องกลับมารับงานมาสคอตเหมือนเดิม แต่คราวนี้มันกลับรู้สึกแย่กว่าเดิมมาก เหมือนชุดใหญ่โตนี้จะมีน้ำหนักมากขึ้นจนผมแทบจะเดินไม่ไหวเมื่อใส่มัน มันอาจไม่ใช่น้ำหนักของชุด แต่เป็นน้ำหนักของความคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้น ตอนแรกผมมาทำงานนี้เพราะคิดว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนถูกยอมรับ แม้จะไม่เห็นหน้าก็ตาม ผมยังสามารถได้รับเสียงปรบมือจากทุกคน แต่การแคสติ้งบทนำที่ผ่านไปนั้นทำให้ความคาดหวังของผมใหญ่โตขึ้น ผมจึงไม่สามารถกลับมาอยู่ในพื้นที่เล็กๆ แคบๆ นี่ได้อีกแล้ว จากที่คิดว่ามันคือการได้รับการยอมรับกลับกลายเป็นความรู้สึกไร้ตัวตนแทน
ทันทีที่ผมเลิกงานทั้งที่หิวไส้แทบขาดเพราะใช้พลังงานไปเยอะมาก แต่ผมกลับนั่งมองแซนด์วิชสามเหลี่ยมโง่ๆ ในมือด้วยความรู้สึกเจ็บปวดก่อนจะยกขึ้นกัดและกลืนมันได้ยากลำบากยิ่งกว่าเดิมเพราะมีก้อนบางอย่างที่เลื่อนขึ้นจุกลำคอพร้อมกับดวงตาร้อนผ่าว… ขณะเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์พลางกินแซนวิช ปลายนิ่วหยุดชะงักที่โพสต์ข่าวพิธีเชื่อมกลิ่นเลื่อนชนชั้นที่ขโมยชีวิตเพื่อนสนิทจนตัวเองโด่งดัง
ผมเลื่อนมาดูคอมเม้นต์ใต้โพสต์ที่กำลังถกเถียงและแสดงความคิดเห็นกันอย่างออกรสออกชาติ
ความคิดเห็นที่ 121
ถ้าเกิดคนนั้นเป็นโอเมก้าก็โชคดีชะมัดเลย ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง
ตอบกลับความคิดเห็น
ไม่สงสารคนที่โดนขโมยชีวิตไปหรือไง
ตอบกลับความคิดเห็น
แม้ถ้ามีคนมาเสนอโอกาสเปลี่ยนชีวิตให้คุณจะไม่รับไว้เหรอ นอกจากคุณจะเป็นอัลฟ่า
ตอบกลับความคิดเห็น
ฉันเห็นด้วยกับคอมเม้นต์นี้ค่ะ เพราะฉันมีโอกาสแบบนี้บ้างก็คงจะดีแม้จะผิดศีลธรรมก็เถอะ แต่อัลฟ่าก็ดูไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนิคะ ยังมีหน้ามาออกรายการแฉ ใครๆ ก็อยากมีชีวิตที่ดีกันทั้งนั้นแหละค่ะ
‘ถ้ามึงต้องการ กูช่วยมึงได้นะเว้ย’
อยู่ๆ คำพูดของพัฒน์ในวันนั้นดังก้องในหัว ผมทนใช้ชีวิตอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ความหวังที่ ‘เคยมี’ ผมอยากได้มันคืน… ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนที่ทำให้ได้มันคืน ผมจะลองมันทุกวิธี
ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพัฒน์ทันที ยังไม่ทันที่ปลายสายจะได้ตอบรับอะไรกลับมาผมก็พูดสวนขึ้นก่อน
“มึงทำได้จริงใช่ป่ะ” ปลายสายเงียบครู่หนึ่งก่อนจะครางตอบรับเบาๆ
[แต่กูบอกแล้วนะ ว่ามีข้อแม้]
“มึงต้องการอะไร” ปลายสายเงียบไปอีกครั้งราวกับกำลังชั่งใจ
[เป็นแฟนมึง…]
“ฮะ!? ว่าไงนะ!?” ข้อแม้สุดช็อกจนแทบสติหลุด ในหัวมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
[ทำไม ให้ไม่ได้เหรอ]
“กูสิต้องถามมึงว่าทำไม” พัฒน์เงียบไปอีกครั้ง…จนทำให้ผมรู้สึกอึดอัดแต่สุดท้ายเขาก็พูดมันออกมา
[ก็แค่ชอบ…]
“ชอบ? ชอบกู? ชอบกูเนี่ยนะ!?” เชี่ย นี่มันวันอะไรเนี่ย ทำไมยิ่งนับวันพัฒน์มันยิ่งทำตัวเหนือความคาดหมายวะ สรุปมันบ้าหรือกูเสียสติไปแล้วกันแน่
[เออ กูชอบมึง ทำไมชอบไม่ได้หรือไง]
“ไอ้เหี้ย กูสิควรต้องถามว่าทำไมมึงถึงชอบกู นี่มึงปั่นกูอยู่ป่ะเนี่ย”
[เออ ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง ถ้าเป็นให้ไม่ได้ กูก็ไม่ทำให้]
“เดี๋ยวดิ!”
[สรุปเอาไง]
“ไอ้เหี้ย กูงงไปหมดแล้วเนี่ย”
[มึงนี่โง่เนอะ]
“อ้าว ไอ้สัตว์”
[ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ ก็ใช้ชีวิตจนๆ ต่อไปเถอะ แค่นี้นะ]
“แล้วกูจะแน่ใจได้ไงว่ามันจะได้ผล…” ผมรีบพูดสวนขึ้นมาทันทีก่อนจะปิดท้ายด้วยเสียงเบาหวิวอย่างไม่มั่นใจ
[ข้อตกลงของเราจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อมึงเซ็นสัญญาเรียบร้อย พอใจยัง] ผมครุ่นคิด มันก็แฟร์ดีนะ ผมก็ไม่เสียอะไรด้วย ติดอยู่อย่างเดียวคนที่ผมชอบไม่ใช่พัฒน์น่ะสิ… ผมชอบชิรันต่างหากล่ะที่อยากใกล้ชิดเขาก็เพราะแบบนี้ แต่การจะให้คบกับพัฒน์เพื่อผลประโยชน์มันก็ดูใจร้ายเกินไปหน่อยมั้ยล่ะ
“แต่กูไม่ได้ชอบมึงนะ…” ผมสารภาพไปตรงๆ ปลายสายเงียบก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ
[กูรู้ มึงชอบชิรัน]
“รู้แล้วยังอยากเป็นแฟนกูอยู่อีกเหรอ ถ้ากูตกลงคบกับมึงก็เหมือนหลอกใช้มึงเพื่อผลประโยชน์สิ มึงโอเคเหรอ”
[มึงไม่ได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว กูก็ได้ ได้โอกาสจากมึงไง] ประโยคนั้นทำเอาผมชะงัก
“นี่มึงชอบกูจริงดิ”
[เออ ถามอะไรหลายรอบ] ผมครุ่นคิด ลังเลว่าจะเอายังไงดี [ที่กูทำก็เพื่อให้โอกาสมึง ส่วนมึงก็ให้โอกาสกู ก็แฟร์ๆ ป่ะ จริงๆ เกมนี้กูได้เปรียบมากกว่าที่มึงคิดนะ]
ก็อาจจะจริง…
“แล้วถ้าสุดท้ายมึงแพ้ล่ะ”
[อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ อย่ามั่นใจให้มันมาก]
“มึงดูมั่นใจกว่ากูอีก” เขาไม่ตอบแต่เปลี่ยนเป็นตั้งคำถามแทนเพื่อเร่งเร้า
[เอาไง จะรับข้อเสนอมั้ย]
ก็จริงอย่างที่เขาว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ การที่ผมจะชนะใจชิรันมีโอกาสน้อยกว่าพัฒน์ชนะใจผม มันก็ดูแฟร์ดี
“ก็ได้… แต่มีข้อแม้ห้ามบอกเรื่องนี้ให้นิวตันกับอะตอมรู้นะ”
[เออ กูไม่ใช่พวกผีเจาะปากมาพูดนะ]
“แล้วเราจะขโมยชีวิตใครก็ได้เลยเหรอ”
จริงๆ ที่ผมตอบตกลงส่วนหนึ่งก็มาจากการเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งและข้อตกลงจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อผมได้เซ็นสัญญา ถ้าไม่สำเร็จผมก็แค่กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม แม้เรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้จะมีโอกาสสำเร็จน้อยหรือไม่สำเร็จเลย ดังนั้นมันจึงคุ้มที่จะลองเสี่ยงเดิมพันกับเกมนี้ดู
[ใช่สิ เลือกมาสักคน ส่วนที่เหลือกูจัดการเอง]
ถ้าให้เลือกก็ต้องเลือกคนที่ใกล้ชิดกับชิรันที่สุด และผมอิจฉาเธอมาตลอด
“ลลิน คู่จิ้นชิรัน”
[คิดไว้แล้วล่ะ]
“แล้วกูต้องทำอะไรบ้าง”
[เดี๋ยวกูนัดอีกที]
“เออ”
หลังพัฒน์ตัดสายไปหัวใจของผมก็เต้นโครมครามอย่างตื่นเต้น มันจะออกหัวหรือก้อยกันนะ
ไม่มีใครรู้เลย…
