บท
ตั้งค่า

CHAPTER 5 ข้อแม้? (2/2)

“กูโอเคแล้ว มึงไม่ต้องพูดเพราะสงสารกูหรอก”

ผมดึงข้อมือออกจากฝ่ามือของอีกฝ่ายแต่พัฒน์กลับบีบแน่นขึ้นแล้วจ้องหน้าผมด้วยความแน่วแน่

“ถ้ามึงต้องการ กูทำให้ได้นะเว้ย” ผมมองหน้าเขาแล้วถอนหายใจเบาๆ คงเป็นเพราะผ่านการร้องไห้และระเบิดอารมณ์อย่างดุเดือดตอนนี้ผมจึงเหนื่อยที่จะเถียงกับมันแล้ว ผมจึงเออออตามน้ำไปก่อน

“เออๆ ไว้กูต้องการแล้วจะบอก”

เราสองคนเดินกลับมายังร้านกาแฟ แม้จะทำให้นิวตันกับอะตอมผิดหวังแต่ผมคงต้องบอกความจริงกับพวกเขา ขืนโกหกเรื่องอาจจะบานปลายจนเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้

ทว่าพอกลับเข้ามาในร้านผมกับพัฒน์ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นนิวตันกำลังยืนเถียงใครก็ไม่รู้ พอได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นชัดๆ จำต้องชะงัก เมื่อโลกมันกลมจนใจเจ็บ เขาหันมามองผมแล้วเหยียดยิ้มมุมปาก

“นั่นไง เพื่อนมึงมาล่ะ ถามสิว่าจริงไม่จริง”

นิวตันหันมามองหน้าผมแล้วโวยวายแต่ไม่ได้ทำใส่ผมหรอก

“ภีม พวกนี้แม่งมั่วชิบหาย มันบอกว่าได้รับบทเป็นตะวันแถมเซ็นสัญญาแล้วด้วย” ผมชะงักนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเพื่อน ทั้งที่พวกเขาควรจะรู้จากปากผมแท้ๆ แต่กลับรู้จากปากคนอื่น คงยิ่งทำให้ผิดหวังเข้าไปใหญ่สินะ ในขณะที่ผมทำได้แค่ยืนเงียบ อีกคนกลับหัวเราะในลำคอ

“เห็นมั้ยล่ะ มันยืนเงียบเหมือนลืมปากไว้ที่บ้าน ก็งี้แหละพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้าฝันสูงอยากจะเป็นดาราก็ต้องเจ็บหน่อยนะ”

“ส่วนมึงก็ผีเจาะปากมาพูด พูดมากชิบหาย กูจะฟังเพื่อนกู!” ผมยังคงยืนก้มหน้า เม้มปากแน่น ฝ่ามือเริ่มชุ่มด้วยเหงื่อ ยิ่งรู้ว่าเพื่อนมองมาด้วยสายตายังไงยิ่งกดดัน ผมจึงตัดสินใจเงยหน้าแล้วตั้งใจจะบอกความจริงให้มันจบๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องทนแบกรับความหวังอะไรอีก ทว่ากลับมีบางคนพูดแทรกผมขึ้นมาก่อน

“ใช่ ภีมไม่ได้รับบทตะวันเพราะพวกกระจอกยัดเงินแย่งบทนั่นไป แต่ไม่ต้องห่วงมันได้รับบทที่ดีกว่าจนไม่เสียดายบทง่อยๆ ให้คนง่อยๆ เล่นไป”

ทุกคนยืนอึ้ง แม้แต่ผมยังอึ้งยืนมองพัฒน์ตาค้าง

ผมว่าเขาคงบ้าไปแล้วจริงๆ!

“หน้าอย่างนี้เนี่ยนะ จะได้รับบทที่ดีกว่า”

ผู้ชายคนนั้นแค่นหัวเราะออกมา นิวตันกับอะตอมมองพวกเราสามคนสลับกันเพื่อประเมินสถานการณ์แล้วจึงพูดออกมาบ้าง

“อ๋อ! ที่แท้ก็ได้บทมาเพราะยัดเงินนี่เอง พวกไม่มีความสามารถสินะ”

“มึงว่าไงนะ!” ผู้ชายคนนั้นพูดเสียงเย็น ถ้าไม่มีคนมองอยู่คงจะกระโจนมากระชากคอเสื้อนิวตันไปแล้ว

“ก็มันจริงนี่ พวกดีแต่ปากก็งี้แหละ เอาเป็นว่ากูไม่ถือล่ะกัน” นิวตันทำหน้าทำตากวนโอ๊ยมากๆ จนเขากระโจนเข้ามาแล้วแต่เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ ล็อกตัวไว้ คงกลัวจะมีปัญหาไปมากกว่า

“เออ อย่างน้อยๆ กูก็มีเงิน แล้วเพื่อนมึงมีอะไรบ้าง ทั้งความสามารถทั้งเงิน ไม่มีอะไรดีสักอย่าง แล้วที่ว่าได้บทดีกว่า กูไม่เชื่อหรอก ถึงจะจริงสุดท้ายก็โดนแย่งไปอีกนั่นแหละ พวกไม่มีน้ำยา!”

“ไอ้สัตว์!” คราวนี้นิวตันจะกระโจนเข้าหาผู้ชายคนนั้นแทนแต่โดนอะตอมรั้งเอาไว้

“งั้นมึงคอยดูแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ใหม่ได้เลย”

อะไรนะ!? เปิดตัวซีรีส์ใหม่เชี่ยอะไรอีกเนี่ย!

วันนี้พัฒน์มันกินยาไม่เขย่าขวดหรือไงวะ ถึงได้พูดแต่เรื่องเพี้ยนๆ บ้าๆ หรือเสพข่าวมากไปวะไอ้สัตว์ ถ้าเป็นเรื่องของมันนี่จะไม่ว่าเลย แต่นี่มันเรื่องของกู ไอ้เหี้ย

ผมตั้งใจจะเปิดเผยความจริงทั้งหมดเพราะรู้สึกว่าเรื่องมันชักจะบานปลายไปไกลล่ะ ทว่ากลับมีบุคคลใหม่เดินเข้ามาในร้านที่ทำเอาเสียวสันหลังวาบ ข้างหลังเขาคือพนักงานสาว

“ไม่มีเรียนกันหรือไง”

ตายห่าแล้ว อาจารย์เอกฟิล์ม ไม่มีการพูดพร่ำอะไรต่อทั้งนั้น พวกเราหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านกาแฟทันที แต่ก็ไม่วายส่งสายตาคาดโทษกันจนอาจารย์ต้องออกมายืนด่าอีกครั้ง ผมนี่ดึงแขนพัฒน์สุดแรงเลย ชนิดที่ไม่กลัวโดนต่อยกลับด้วยนะ เมื่อเหลือแค่เราสี่คนผมจึงสะบัดแขนมันออกแล้วโวยวายใหญ่โต

“นี่มึงบ้าไปแล้วเหรอพัฒน์! งานแถลงข่าวอะไรของมึง”

นิวตันและอะตอมมองผมสองคนสลับกันอย่างงุนงง

“อะไรกันวะเนี่ย สรุปอันไหนจริงอันไหนปั่น กูงงไปหมดแล้ว”

เป็นนิวตันที่ถามออกมา ส่วนอะตอมขมวดคิ้วมองพวกเราอย่างฉงน ทว่าคนก่อเรื่องอย่างพัฒน์กลับนิ่งเฉยเหมือนคนไม่รู้สึกรู้สาว่าได้ทำอะไรลงไป นี่เขาไม่รู้จริงๆ เหรอว่าสิ่งที่เขาทำมันส่งผลกระทบอะไรบ้าง แค่อยากปั่นเพื่อเอาชนะเท่านั้นเหรอ เมื่อเจ้าตัวไม่ยี่หระผมจึงจำเป็นต้องหันไปอธิบายเรื่องทุกอย่าง

“กูโดนแย่งบทจริง แต่ที่ว่าได้บทใหม่ที่ดีกว่าพัฒน์มันโกหก”

“ฮะ?”

“กูไม่ได้โกหก ถ้ามึงต้องการกูจะทำให้มึงได้บทที่ดีกว่า”

ผมชักสีหน้า ยกมือขึ้นกอดอกอย่างท้าทาย

“ไหน มึงจะทำยังไง ขโมยชีวิตคนอื่นเรอะ มึงเสพข่าวมากไปป่ะ”

ผมพูดด้วยท่าทีไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง ชักจะไม่พอใจละ ที่เขาเอาแต่พูดจาเพ้อเจ้อขายฝันเพียงเพราะสงสาร ผมดูอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือไง ไม่ได้เรื่องนี้เรื่องหน้าก็ยังมี… แม้จะคิดแบบนั้นแต่เบื้องลึกรู้ดีว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดเป็นความจริง ถึงผมจะได้บทที่ดีกว่าเขา แต่สุดท้ายมันคงถูกแย่งไปอีกนั่นแหละ เพราะผมไม่มีเงินยังไงล่ะ และการที่พัฒน์เอาแต่ปลอบใจผมด้วยคำพูดบ้าๆ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกไร้ค่า…ดูน่าสมเพชเหมือนคนที่เอาแต่ฝันลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ

“เฮ้ยภีม ถ้าพัฒน์มันจะทำมันทำได้นะเว้ย”

“ฮะ!? นี่มึงก็เป็นไปอีกคนเหรอ” ผมตะคอกใส่นิวตันทันทีจนเขาหน้าเสียรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นป้องอกเพื่อบอกให้ผมใจเย็นก่อน หายใจเข้าลึกๆ

“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดเว้ย ที่พัฒน์มันพูด มันไม่ได้ต้องการดูถูกมึงเลย แต่มันอยากช่วยมึงจริงๆ”

อะตอมเป็นคนพูดประโยคนี้หลังจากเงียบมานาน ตามมาด้วยนิวตัน

“ต้นตระกูลอัลฟ่าของพัฒน์มันเป็นคนทรงเจ้าที่เคยรับใช้ราชวงศ์ตั้งแต่สมัยที่เท่าไหร่กูก็จำไม่ได้ แล้ววิชาอาคมก็ถูกสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นโดยมีลูกศิษอยู่มากมาย หรือที่เขาเรียกๆ กันว่า อัลฟ่าผู้มีพลังวิเศษที่สามารถเลื่อนชนชั้นได้ ตระกูลมันเนี่ยแหละเป็นคนสอนคนพวกนั้น”

ผมยืนฟังนิวตันร่ายยาวด้วยความอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

“แต่มันไม่ค่อยสนใจพลังนี้ของที่บ้านเท่าไหร่ มันไม่ชอบที่ต้องหากินกับความเชื่อของผู้คน แต่จริงๆ แม่งดูดวงแม่นมาก ไม่เชื่อก็ลองบอกวันเกิดปีเกิดดิ มันทายได้หมดแหละ กูลองมาแล้ว”

ประโยคนี้นิวตันพูดเสียงกระซิบอย่างกับไม่อยากให้ใครได้ยิน ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองหน้าพัฒน์ที่ยังคงยืนหน้านิ่งตามปกติ แม้ในใจอยากจะลองให้มันดูดวงให้สักครั้ง ยิ่งนิวตันบอกว่าแม่นยิ่งคันไม้คันมืออยากลอง แต่ผมก็ด่ามันไปซะเยอะ ถ้าตอนนี้เปลี่ยนท่าทีเป็นระริกระรี้อยากดูดวงจนตัวสั่นก็เสียหน้าแย่สิ ผมจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าเหมือนเออออตามน้ำไป

“เออ กูเชื่อก็ได้ว่ามึงไม่ได้ทำเพราะสงสารกู” ผมพูดอ้อมแอ้มในลำคอ วันนี้ทำแต่เรื่องบ้าๆ ต่อหน้ามันหลายทีแล้ว สิ้นคำพูดนั้นผมหันหลังขวับเดินนำหน้าขึ้นห้องเรียน เชี่ย อายชิบหาย

“เดี๋ยวดิ รู้แบบนี้แล้วไม่คิดจะให้พัฒน์มันช่วยหน่อยเหรอ”

“คิดก่อน”

ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบจ้ำอ้าวเดินขึ้นตึกเรียนทันทีเดี๋ยวจะใจอ่อน ขอวางฟอร์มสักหน่อย ไว้เอายังไงต่อค่อยว่ากัน

“แต่กูมีข้อแม้นะ…” ผมเผลอหันขวับไปมองพัฒน์ทันที นี่ไม่ได้คิดจะช่วยฟรีๆ หรอกเหรอ

“ข้อแม้ไรวะ” นิวตันถามแทนใจผมไปแล้ว แต่พัฒน์กลับยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินนำหน้าพวกเราไปโดยไม่พูดอะไรต่อ ทิ้งไว้แค่ปริศนา… สัตว์เอ๊ย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel