บท
ตั้งค่า

CHAPTER 4 ความฝันที่เป็นจริง? (3/3)

“ยังไม่ได้กินไรเลยนิ ไปกูเลี้ยงข้าว” ผมมองพัฒน์ที่พูดประโยคนั้นแล้วยิ้มกว้าง

“เลี้ยงเหล้าแทนได้ป่ะ” เขามองหน้าผมนิ่งราวกับกำลังล้วงลึกเข้ามาในจิตใจจนผมต้องเบนสายตาไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนดวงตาร้อนผ่าว

“เออ อยากกินอะไรกูเลี้ยงหมดแหละ ทั้งข้าวทั้งเหล้า”

“ใจมึงโคตรป๋าเลย ขอบใจมากนะเว้ย” ผมพูดยิ้มๆ แล้วรีบเดินนำหน้าไปยังลิฟต์ทันที เงยหน้าขึ้นมองเพดานเพื่อขับไล่น้ำตาให้กลับคืนสู่ที่เดิม กลับไปยังห้องๆ เดิม ไม่มีจะกินเหมือนเดิม ดีจัง

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักหัวมากคงเป็นเพราะเมื่อวานดื่มหนักที่สุดในรอบปีจึงได้มีผลข้างเคียงแบบนี้ ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ ยืนมองสภาพตัวเองในกระจกด้วยหัวใจที่แตกสลาย เหล้าไม่ได้ช่วยให้ลืมความจริงได้เลย ความจริงที่ว่าต่อให้พยายามแค่ไหน หากไม่มีเงินหรืออำนาจก็ยากที่จะสำเร็จ

ถ้าเกิดเป็นอัลฟ่า... ทุกอย่างจะง่ายกว่านี้มั้ยนะ

ผมยืนมองน้ำใสๆ ไหลลงมาจากดวงตาแดงก่ำของตัวเองในกระจก สภาพแบบนี้น่ะเหรอ จะได้เป็นนักแสดง ได้ยืนข้างเคียงกับชิรันอย่างที่หวัง คงทำได้แค่ในฝันเท่านั้นแหละ ภีม… หลังจากตอกย้ำให้ตัวเองอยู่กับความเป็นจริง ผมจึงจัดการอาบน้ำ แต่งตัว เพื่อจะไปมหาวิทยาลัยตามปกติ เก็บซ่อนความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจ

หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ผมเดินลงมาข้างล่างทว่ากลับโดนป้าเจ้าของหอเรียกเอาไว้ซะก่อน

“ภีม”

“ครับป้า”

“ค่าห้องเดือนนี้ล่ะ จะจ่ายเลยมั้ย” ในขณะที่ความฝันหลุดลอย แต่ค่าใช้จ่ายยังตามติดหลังอยู่ทุกเดือน

“ได้ครับ” ผมเปิดกระเป๋าผ้าหยิบซองเงินที่เตรียมเอาไว้สำหรับจ่ายค่าห้องเดือนนี้ยื่นให้ป้าเจ้าของหอแล้วเดินจากมาเหมือนทุกทีแต่กลับถูกหยุดไว้

“ขาดอีก500นะ”

“ครับ?” ผมทำหน้างงก่อนที่ป้าจะเคาะกระจกเพื่อให้ดูประกาศที่ติดไว้ตรงหน้าเคาน์เตอร์ ผมไล่สายตาอ่านแล้วถึงกับหน้าเสีย เมื่อมันคือประกาศขึ้นค่าเช่าห้องจาก3,000 เป็น 3,500 สวรรค์ช่างใจร้ายจริงๆ

“เริ่มเดือนนี้เลยเหรอครับ”

“ใช่จ้ะ” ป้าตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะแบมือออกมาตรงหน้าผม ขึ้นค่าเช่าแบบไม่ให้ทันตั้งตัว หน้าเลือดซะจริง ผมลอบถอนหายใจแล้วเปิดกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดแล้วพบว่าในกระเป๋ามีแค่450บาทเท่านั้น ผมยื่นแบงค์ให้ป้าก่อนแล้วควักเหรียญออกมานับจนครบตามจำนวน ป้ามองหน้าผมที่เททั้งเหรียญสิบ ห้า และเหรียญบาทลงบนเคาน์เตอร์พลางนับทวนอีกครั้ง ถึงแม้จะทำหน้าไม่พอใจ แต่เธอก็ยอมโกยมันเข้ากระเป๋าอย่างง่ายดาย ถึงจะเป็นเหรียญก็เงินเหมือนกันนะ

“คราวหน้ารับแต่แบงค์นะ”

“ครับ”

ผมครางตอบเสียงเบาหวิว เดินหัวใจฟีบออกมาจากหอพักพลางเปิดดูกระเป๋าสตางค์ที่ไม่เหลือเงินสักบาทติดกระเป๋าเลย ไม่มีแม้แต่เงินจะขึ้นรถเมล์ไปมหาวิทยาลัย แต่โชคดีที่มหาวิทยาลัยอยู่ห่างออกไปแค่สิบกว่ากิโลเมตรจึงตัดสินใจเดินเมื่อก้มลงมองหน้าจอมือถือที่บอกเวลายังเหลือก่อนเข้าเรียน

ผมเดินผ่านร้านข้าวแค่กลิ่นก็ทำท้องบิด เด็กนักเรียนวิ่งผ่านพร้อมเสียงหัวเราะ... ผมหันไปมองเหมือนคนที่อยู่ในโลกคนละใบ ผมหยุดพักข้างถนนสักครู่ด้วยความเหนื่อย เหงื่อโซมกาย แถมหิวน้ำอีกต่างหาก แต่ก็ไม่มีเงินจะซื้อ น่าอนาจจริงๆ ชีวิตผม แฮก… แดดก็เปรี้ยงเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที บ้าเอ๊ย ผมยกแขนขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง ทว่า… เสียงแตรรถดังขึ้นจนผมต้องหันไปมองข้างทาง

“ภีม”

กระจกเลื่อนลงจนเห็นหน้าเจ้าของรถคันหรู ทว่าหัวใจผมกลับบีบรัดแน่น

“ขึ้นรถ”

พัฒน์… เป็นเขาอีกแล้ว

ผมพยักหน้าแล้วเปิดประตูนั่งลงข้างคนขับ เมื่อแอร์เย็นๆ กระทบกับร่างกาย ความตึงเกร็งจากความเหนื่อยล้าค่อยๆ คลายตัว ผมเหลือบมองขวดน้ำเปล่าที่วางอยู่คั่นกลางระหว่างเรา

“ขอดื่มได้ป่ะ” เมื่อเขาพยักหน้าตอบรับ ผมจึงรีบคว้าน้ำที่เหลืออยู่ครึ่งขวดขึ้นมาดื่มจนหมดอย่างกระหายเช่นเดียวกับที่เสียงจากยูทูบบนจอมอนิเตอร์ฝังคอนโซลรถดังอยู่อย่างต่อเนื่อง ผมจ้องมองหน้าจอรายการกระแสฮิตที่กำลังนำเสนอเรื่องสถานะเพศรองเลื่อนชนชั้นด้วยมนต์ดำที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ มันเกิดจากมีคนๆ หนึ่งโทรไปเล่าเรื่องนี้ในรายการผีว่าตัวเองจากที่ดังอยู่ดีๆ ชีวิตก็ร่วงลงมาทันตา แต่เพื่อนสนิทอีกคนกลับมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาแทน

“ถ้ามันเกิดขึ้นจริงก็ดีสิ…” ผมพึมพำกับตัวเอง ถ้าชีวิตที่เคยตกต่ำขั้นสุดพลิกผันมารุ่งเรืองเพียงแค่เพราะไสยศาสตร์ได้จริงๆ ก็คงดี… แต่คนที่ตัดสินใจขโมยชีวิตคนอื่นนี่ต้องจนตรอกขนาดไหนกันนะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel