บท
ตั้งค่า

CHAPTER 4 ความฝันที่เป็นจริง? (2/3)

ในที่สุดวันเซ็นสัญญาก็มาถึง ถึงแม้ว่าพัฒน์จะไม่ผ่านแคสติ้งแต่มันก็ยังอุตส่าห์ขับรถมาเป็นเพื่อนผม เรากลับมายังตึกเดิมที่เคยมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมยังคงยืนแหงนหน้ามองตึกสูงกระนั้นความรู้สึกกลับแตกต่างออกไปจากวันนั้นที่มีแต่ความวิตกกังวล แต่วันนี้กลับเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี ต่อไปที่นี่จะเป็นบ้านหลังที่สองของผม ผมยิ้มกว้าง หันมามองหน้าพัฒน์

“ไปกัน” ผมพูดด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น ก่อนจะเดินมายังลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น35ตามที่พี่ทีมงานแจ้งเอาไว้ในอีเมล ทว่าพอมาถึงกลับงงไม่รู้ว่าต้องไปห้องไหนจึงได้แต่ยืนหันซ้ายหันขวาแถมแถวนี้ไม่มีใครให้ถามด้วยสิ ผมกำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรายละเอียดในอีเมลอีกครั้งกลับมีคนที่ไม่คาดฝันเดินออกมาจากห้องๆ หนึ่งตรงทางนี้พอดี แม้เขาจะใส่แว่นสีชาปกปิดดวงตาไว้ แต่ผมก็จำเขาได้ในทันที

…ชิรัน

“ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามานะครับ”

“อะ เอ่อ… ผมมาเซ็นสัญญาครับ” ถึงแม้จะตอบตะกุกตะกักแต่สายตายังคงจ้องเขาไม่วางตา จากสีหน้าซีเรียสของเขาคลายออกเป็นรอยยิ้มยินดี

“อ๋อ นักแสดงใหม่นี่เอง ห้องเซ็นสัญญาอยู่ห้องสุดท้ายซ้ายมือครับ”

“คะ…ครับ”

“ยินดีที่ได้ร่วมค่ายนะครับ ทำงานให้สนุกนะ”

“ครับ! ขอบคุณและไว้เจอกันนะครับ”

“แน่นอน ไว้เจอกันนะ”

ชิรันยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์พร้อมผู้จัดการส่วนตัว ผมยังคงยืนมองตามหลังเขาเสมอจนกระทั่งพัฒน์เอียงตัวมาบังสายตาเหมือนอย่างเคย

“จะเซ็นมั้ยสัญญา เอาแต่มองผู้ชายอยู่ได้”

“เออๆ ขัดใจจริง”

ผมชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังห้องที่ชิรันบอก แต่ยังไม่ทันเคาะห้องก็มีคนเปิดประตูออกมา พอเห็นผมเข้า เธอกลับทำหน้าราวกับเห็นผี แล้วทำเสียงอ้ำอึ้งจนผมต้องเลิกคิ้วพลางยกมือไหว้เขาอย่างเก้ๆ กังๆ ไปด้วย แล้วเธอเรียกชื่อใครบางคน

“พี่กุ้ง…”

“มีอะไร”

“มะ…มานี่หน่อยค่ะ”

“อะไรอีก” ไม่นานร่างสูงของผู้หญิงวัยกลางคนทรงภูมิฐานก็มายืนข้างๆ กับพี่ทีมงานหน้าประตู เธอเองก็มีสีหน้าตกใจไม่ต่างกันแล้วหันไปเขม่นคนข้างๆ

“นี่แกยังไม่ได้โทรบอกน้องเขาเหรอ” คนชื่อพี่กุ้งพูดลอดไรฟันเหมือนให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่ด้วยความที่ชั้นนี้เงียบมากแทบไม่มีคนเลย ผมจึงได้ยิน แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็ยกมือไหว้เธอก่อนตามมารยาท พี่กุ้งเองรับไหว้แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ตัวละครใหม่กลับปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับประโยคที่ทำเอาผมช็อก

“นี่ห้องเซ็นสัญญาใช่มั้ยครับ”

“ชะใช่จ้ะ น้องที่จะมารับบทตะวันใช่มั้ย” มารับบทตะวันงั้นเหรอ นั่นบทผมหรือเปล่า

“ใช่ครับ” เขายิ้มกว้าง ผมมองคนมาใหม่สลับกับพี่ทีมงานอย่างสับสน

“แกพาน้องเขาเข้าไปก่อนไป เดี๋ยวทางนี้ฉันเคลียร์เอง”

“ค่ะ เชิญด้านในเลยจ้ะ” หลังจากที่ประตูปิดลง พี่กุ้งก็เอ่ยปากพูดทันที

“พอดีเกิดความผิดพลาดในการสื่อสารนิดหน่อยน่ะ”

ความผิดพลาด…งั้นเหรอ?

“หมายความว่าไงครับ” ผมพยายามควบคุมไม่ให้เสียงสั่นและคิดในแง่ดีว่าเขาอาจบอกชื่อตัวละครผมผิดก็ได้ ผมคงไม่ได้รับบทนำตั้งแต่เริ่มหรอก คงจะเป็นบทอื่นมากกว่า “บอกชื่อตัวละครผมผิดเหรอครับ”

ในขณะที่ผมกำลังฉีกยิ้มแหย พี่กุ้งกลับมีสีหน้าอึดอัดใจก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงแล้วยกมือขึ้นกอดอก

“คืองี้นะ พี่ขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน คือเราได้คนที่เหมาะสมมากกว่าน้องน่ะค่ะ”

“ก็คือเด็กเส้นว่างั้น” พัฒน์ที่ยืนเงียบอยู่นานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ พี่เขาเหล่มองอย่างไม่พอใจ

“วงการไหนๆ ก็มีกันทั้งนั้นแหละ” จริงอย่างที่พัฒน์พูดสินะ ผมไม่ได้แพ้เพราะความสามารถแต่แพ้เพราะไม่มีเงินหรืออำนาจอย่างนั้นใช่มั้ย

“ถ้าหมดธุระแล้ว เชิญกลับได้เลยค่ะ” พูดจบพี่เขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องเพียงเสียงปิดประตูเบาๆ กลับทำเอาผมที่ตัวเหมือนอยู่บนยอดเขาถูกผลักตกลงอย่างง่ายดาย… พวกเขาหยิบยื่นความหวังให้ผมขึ้นสู่ที่สูงและผลักตกลงมาโดยไม่มีแม้แต่คำขอโทษ…

เหอะ… นั่นสินะ ผมหวังอะไรอยู่กัน

ชีวิตผมมันไม่เคยง่ายอยู่แล้ว ผมคือโอเมก้าที่ฝันสูงเกินตัว...

ฟ้าหลังฝนเหรอ…ไม่มีจริงสักหน่อย

“ภีม มึงโอเคนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองพัฒน์แม้ใบหน้าตอนนี้จะเหยเกแค่ไหน แต่ผมก็ต้องฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนแล้วกล่าวคำโกหก

“ไม่เป็นไรเว้ย ไม่ได้คาดหวังมากอยู่แล้ว ยิ่งเป็นบทนำนะยิ่งไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ คิดว่าฝันไปซะอีกตอนแรก …แล้วก็ฝันไปจริงๆ ด้วย ฮ่ะๆ”

“ภีม…”

“ไปกลับกันเถอะ ขืนอยู่ต่ออาจมีรปภ.มาลากลงไปก็ได้นะ”

‘ยินดีที่ได้ร่วมค่ายนะครับ ทำงานให้สนุกนะ’

คำพูดและรอยยิ้มยินดีของชิรันดังก้องอยู่ในหู คราวแรกที่ได้ยินรู้สึกสุขแต่ต้องนี้มันกลับเป็นเหมือนหอกแทงใจ

อีกแค่นิดเดียวเอง… สุดแขนจะเอื้อมถึงอยู่แล้ว ทว่าสุดท้ายกลับหลุดลอย...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel