บทที่ 4
“พี่ดอกหญ้า มีงานวัดเราขี่จักรยานไปกินหมูกระทะกันไหม? แค่ 39 บาทเองนะ วันนี้พี่ดอกหญ้าไม่ได้กินข้าวกับคุณท่านนี่นา”
“อืม...”
ชินานางทำท่าคิด ก็น่าสนุกดีนะ เธอไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหน นอกจากไปกับคุณท่าน ทั้งที่ท่านก็ไม่ได้หวงห้ามอะไร แต่ก็อย่างว่า ชีวิตนี้เธอมีแต่คุณท่าน มีแต่บ้านหลังนี้ มีแต่หน้าที่ที่จะต้องทำให้คุณท่าน เพื่อนฝูงก็ติดต่อกันบ้างแต่ก็ทางออนไลน์เสียส่วนมาก เนื่องจากด้วยบุคลิกของชินานาง ทำให้เธอมีเพื่อนน้อยมาก เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่คบหาและสนิทสนมกันอย่างลีณาก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เธอก็ไม่รู้จะไปไหนกับใคร
“แต่เราต้องรีบกลับนะ พี่ไปนานไม่ได้ ไม่รู้ว่าคุณท่านจะกลับมาเมื่อไหร่ เดี๋ยวท่านเรียกหาแล้วจะไม่เจอ”
“ไม่นานหรอกจ้ะพี่ดอกหญ้า เรานัดกันอีกทีตอนสี่โมงนะจ๊ะ”
“ก็ดีนะ ตกลงไปก็ไปจ้ะ”
ชินานางยิ้มกว้างแล้วเกี่ยวก้อยสัญญากับสาวน้อย ที่พอพี่ดอกหญ้าบอกว่าจะไปกินหมูกระทะเดินงานวัดเล่นด้วยก็ยิ้มหน้าบานเลยทันที
ชินานางเร่งฝีเท้าเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ตรงไปยังห้องของศรันย์เธอจะไปเก็บกวาดงานหนสุดท้ายให้เรียบร้อยก่อนที่เจ้าของห้องจะกลับมา
เสียงฝีเท้าค่อนข้างเบาของชินานาง รวมถึงความที่เป็นคนมือเบา ทำให้เธอเปิดล็อคประตูห้องของเขาเข้าไปโดยมีเสียงไม่มากนัก จังหวะเดียวกันกับที่ชินานางเปิดประตูเข้าไป เขาก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี
“อุ๊ย!”
เสียงหวานอุทานอย่างตกใจเพราะเจอเข้ากับเขาโดยไม่คาดฝัน ศรันย์เองก็ตกใจเช่นกันที่จู่ๆ เธอเปิดห้องเข้ามาแบบนี้ เพราะเขาอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อม...
เขาเดินล่อนจ้อนออกมาจากห้องน้ำน่ะสิ โดยมีผ้าเช็ดตัวพาดบ่าไว้ ปล่อยอะไรบางส่วนผงาดท้าทายสายตาคนมอง
ตายาวรีของชินานางเบิกโตขึ้น เธอมองเขาค้างแบบไม่ได้ตั้งใจ เขาตัวสูงมาก และขาวจนเจิดจ้าเลยล่ะ ร่างกายของเขาสวยงามด้วยมัดกล้าม และ...
เขาเปลือย!
ชินานางร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ แล้วก็เป็นลมไปเสียดื้อๆ
ศรันย์ได้แต่เกาศีรษะ แล้วก็มองยังหญิงสาวตัวเล็กที่ล้มกองไปกับพื้นพรมเสียแล้ว
เอาอีกแล้ว
ทำไมจะต้องมาเจอะเจอกันในสภาพแบบนี้อีกแล้วนะ ยัยเด็กเอ๋อ!
……………………………………………………………………………………………………………
“เฮ้! ยัยเอ๋อ ตื่นได้แล้ว เป็นอะไรมากหรือเปล่าวะนี่ เฮ้ๆ”
เขาตบแก้มหล่อนเบาๆ เพื่อเรียกสติ ยาดมถูกจ่อที่จมูกแล้วโบกไปมา เขาบีบนวดไปตามแขนขาของเธอเพื่อให้เลือดลมเดินปรกติ ชินานางค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา เธอสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นหน้าเขา ศรันย์ตะครุบปิดปากหล่อนไว้ ก่อนที่ชินานางจะทันได้ร้องกรีดออกมาอีก แล้วจุ๊ปาก ตาของเขาตอนมองหน้าเธอเป็นประกายเย็นชาเจือดุ มันเป็นสายตาที่เขาชอบใช้มองเธอทุกหน...
สายตาที่ทำให้ชินานางกลัวและเกรงเขา เขาเหมือนภูเขาน้ำแข็งเยือกเย็นสำหรับเธอจริงๆ
“อย่าร้องสิ เดี๋ยวคนทั้งบ้านก็แห่มาหรอก เอ้า...พี่ดอกหญ้าของเราอะฟื้นแล้ว ฉันไม่ได้ฆ่าคนตาย แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นขโมย”
เขาหันไปมองสาวน้อยใบตองซึ่งตอนนี้กำลังจ้องเขาเป๋ง เด็กน้อยกำลังเดินเช็ดถูราวบันไดซึ่งเป็นงานของตนอยู่ ได้ยินเสียงพี่ดอกหญ้าร้องในห้องนี้เลยวิ่งมาดู ทันเห็นผู้ชายคนนี้อุ้มพี่ดอกหญ้าไว้บนโซฟาและใบตองก็ตกใจมากที่เห็นเขาในบ้านนี้ สภาพของเขาสวมเพียงผ้าขนหนูพันเอวไว้ผืนเดียว เลยโวยวายขึ้นว่าเขาฆ่าพี่ดอกหญ้าและเป็นขโมยทำท่าจะวิ่งแจ้นลงไปหาคนมาช่วย
ศรันย์ห้ามไว้และบอกว่าถ้าชินานางฟื้นขึ้นมาก็ให้ถาม เขาเป็นคุณจัมโบ้หลานของคุณสิริญ เด็กหญิงขมวดคิ้วเลยล่ะ แล้วมองจ้องหน้าเขา ผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลา ทำผมยังกับพวกไอดอล เธอเคยเห็นรูปของศรันย์ที่ถ่ายกับคุณท่าน แต่เขาผมดำทั้งหัวไม่ได้เจาะหูเยอะหลายรูขนาดนี้ แต่ความที่คุ้นๆ ตาเธอก็จึงรั้งรอไม่วิ่งลงไปเรียกคน เนื่องจากห่วงพี่ดอกหญ้าที่ดูหน้าซีดตัวอ่อนไปหมด
“พี่ดอกหญ้า”
ใบตองถลาไปที่ร่างของชินานาง ที่ตอนนี้ศรันย์ปล่อยเธอแล้ว เขาลุกขึ้นยืนกอดอกมองหน้าเธอด้วยสายตานิ่งเย็น ผ้าขนหนูของเขาก็ผืนเล็กจิ๋วมากเหลือเกิน ชินานางมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ร่างกายของเขา หน้าหวานแดงก่ำขึ้นต่อหน้าต่อตาศรันย์ ที่หรี่ตาลง นัยน์ตาเย็นชาของเขานั้นมองกวาดไปทั่วเนื้อตัวของ ‘ยัยเด็กเอ๋อ’ เด็กในบ้านที่เขาไม่เคยถูกชะตากับหล่อน เนื่องจากย่าของเขารักหล่อนนัก อวยหล่อนเกิน จนเขานึกหมั่นไส้
“คุณคนนี้บอกว่าเป็นคุณจัมโบ้...เอ่อ...ใช่ไหมจ๊ะพี่ดอกหญ้า”
“ใช่...คุณมาได้ยังไงกันคะ ก็คุณท่านไปรับไม่ใช่หรือ”
ชินานางค่อยถดตัวลงจากโซฟาที่นอนอยู่เมื่อครู่ แล้วนั่งพับเพียบบนพรมข้างกับใบตอง ที่เกาะแขนพี่ดอกหญ้าของเธอแน่น ตาก็ตวัดมองคนหน้าหล่อที่จ้องพี่ดอกหญ้าด้วยสายตาเหมือนครูดุๆ ที่กำลังจะทำโทษเด็กนักเรียน
สายตาไม่เป็นมิตรและคาดโทษยังไงพิกล นี่คือความคิดเห็นของใบตอง ที่กำลังจ้องมองหน้าศรันย์
“อยากมาก็มา”
แบบกวนๆ เขากอดอกแล้วยักคิ้วให้กับชินานาง เจตนาจะกวนหล่อนนั่นแหละ...ชินานางเม้มปากนิดๆ แล้วเอ่ยขอตัว
“ฉันขอโทษนะคะที่ไม่รู้ว่าคุณกลับมาแล้ว เลยถือวิสาสะเข้าห้องมา เอ่อ...ที่เตรียมไว้ให้ คุณชอบไหมคะ”
เขามองกวาดไปรอบห้อง มันคือห้องเดิมของเขาก่อนไปเรียนต่อ เขายักไหล่ ยังคงยืนไม่สะทกสะท้านว่าตัวเองอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ขนาดไหน ต่อหน้าหญิงสาวพรหมจรรย์ต่างวัยถึงสองคน
“ก็...มันก็อยู่ในสภาพเดิม โอเคดี ไม่มีของฉันหาย”
“ถ้าอย่างนั้น ขอตัวลงไปข้างล่างนะคะ” เธอว่า แต่เขาเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ ฉันชักจะหิว หาอะไรมาให้กินที เอาขึ้นมาข้างบนนี้ล่ะ ไม่ต้องให้ใครรู้มาก ว่าฉันกลับมาแล้ว ฉันจะเซอร์ไพรส์คุณย่า”
“คุณจัมโบ้จะกินอะไรคะ ฉันจะได้จัดการให้”
ใบตองที่มีนัดแนะกินหมูกระทะกับพี่ดอกหญ้า เหลือบมองนาฬิกามันใกล้ถึงเวลานัดกันแล้ว ก็เลยพูดโพล่งขัดขึ้นมา
“พี่ดอกหญ้าจ๋า เรานัดกินหมูกระทะที่งานวัดกันสี่โมงนะ”
“จ้ะ ชูว์ พี่ขอจัดการให้คุณจัมโบ้ก่อน พี่ไม่ผิดนัดกับใบตองหรอกจ้ะ”
“หมูกระทะ”
ศรันย์เลิกคิ้ว อาหารยอดนิยมของชาวไทยอีกอย่างคือสิ่งนี้ ที่ยอดฮิตในคนทุกเพศทุกวัย และสิ่งนี้เขาเคยกินแค่หนสองหน ซึ่งร้านที่ไปก็เป็นร้านดังราคาแพง และหมูกระทะนี่เขาก็หารับประทานไม่ได้ในต่างแดนด้วยซ้ำ
“ใช่ค่ะ คุณไปกินด้วยกันไหมคะ ราคาถูกแค่ 39 บาทเองนะ เค้ามีขายตรงงานวัดใกล้ๆ นี่เอง”
ความเป็นเด็ก ไม่รู้จักกับศรันย์ทำให้สาวน้อยหันไปยิ้มกับเขา หล่อนตัวอวบแก้มยุ้ยน่ารัก ทำให้ศรันย์นึกเอ็นดู
“อืม...ก็ดีนะ เป็นอันว่าฉันจะไปกินหมูกระทะกับเรา กับพี่ดอกหญ้าของเราด้วย”
เขาพูด ชินานางถึงกับมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่างศรันย์จะไปนั่งกินหมูกระทะงานวัดได้
“อร่อยนะคะ”
แม่เด็กน้อยเชิญชวนอีกหน ศรันย์บอกให้สองสาวออกไปก่อน เดี๋ยวเขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะตามออกมา
ระหว่างที่รอเขา ชินานางก็คิดไปด้วยอย่างงงๆ ว่าทำไมศรันย์ถึงอยากจะไปกินอาหารพื้นๆ แบบนั้น ปรกติแล้วไม่หรูไม่เริดไม่ห้าดาว ไม่ใช่ศรันย์นี่นา?
รอไม่นานเขาก็เปิดประตู อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น แต่มองออกว่าเป็นของแบรนด์แท้ทั้งตัว ก็เลิกคิ้วใส่ชินานาง นัยน์ตาของเขายังคงนิ่งเย็นชาใส่เธอ
“อ้าว...ไปกันเลย ฉันหิวมาก”
“ไปกันยังไงดีคะ? ตอนแรกหนูกับพี่ดอกหญ้าจะไปจักรยานกัน แต่มีคุณมาอีกคน...มันจะไปกันไม่หมดนะคะ”
ใบตองถาม ศรันย์นิ่งไปครู่ ก่อนจะหันมามองหน้าชินานาง
“นั่นสิ มีจักรยานอีกสักคันไหมล่ะ บ้านนี้”
“มีค่ะ”
“เราไปจักรยานกันนั่นแหละ เดี๋ยวฉันจะแอบลงไปก่อน พวกเธอตามมาก็แล้วกัน รอที่ประตูเล็กข้างบ้านนะ”
เขาว่าแล้วค่อยเดินแกมวิ่งให้เบาที่สุด หันซ้ายขวาไปด้วย ขณะที่ผลุบหายไปทางห้องครัว
ชินานางมองตามหลังเขาแล้วย่นจมูกน้อยๆ
เขาแปลกมากนะกลับมาหนนี้
แล้วเธอก็คิดถึงเรื่องที่คุณสิริญขอให้เธอ...กับเขาหมั้นหมายกัน
ชินานางถอนใจเฮือก
ถ้าเขารู้เข้าจะบ้านแตกไหมนะ เป็นอันว่าพาเขาไปกินหมูกระทะ ดูท่าว่าเขาจะอารมณ์ดี กอบโกยเวลานี้ไว้ก่อนดีกว่า ก่อนที่พายุจะเข้า