บทที่ 5
เสียงย่างหมูดังฉี่ๆ ราวกับเสียงสวรรค์ของคนชอบรับประทานอาหารประเภทนี้ แม้จะไม่ใช่เนื้อชั้นเลิศอะไร แต่คนที่ไม่ค่อยได้กินอาหารประเภทนี้เท่าไหร่อย่างเขา ด้วยบรรยากาศ ด้วยความแปลกใหม่ มันก็ทำให้ศรันย์สนุกและอร่อยกับอาหารมื้อนี้
อาหารที่ถูกที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ ตั้งแต่เขาโตมาและเคยมากินอะไรแบบนี้ จริงๆ แล้วเขาง่วงนะ แต่พอออกมากับเธอและเด็กน้อยแก้มกลมคนนี้ เขาก็หายง่วงดีดมีพลังขึ้นมา เพราะบรรยากาศของงานวัดที่เขาไม่เคยมาสัมผัสนี่แหละ
ก็ที่บ้านของเขา ย่า พ่อแม่เลี้ยง พี่น้อง เพื่อน ไม่เคยมีใครชวนเขามาเดินงานวัด...ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 27 ปีนี้ก็ว่าได้ ไม่เคยมาเดิน มาสัมผัส กับสังคมอีกแบบหนึ่ง ที่ต่างจากที่เขาอยู่จนชิน
มันก็สนุกดี...
เขามองไปรอบๆ สีหน้าเย็นชาของเขาคลายความขรึมเคร่ง เขาดูสนุกกับการคุยกับใบตอง ส่วนชินานางนั้นเธอทำตัวเงียบๆ ราวกับไม่มีตัวตน...แต่คอยปรนนิบัติเขา หยิบนั่นเติมนี่ให้กับเขา แม้ตอนนี้ เห็นเขาเหงื่อซึม ยัยเด็กเอ๋อก็เอาพัดมาโบกคลายร้อนให้เขา แต่ตัวเองนั้นเหงื่อซ่กเลยล่ะ
นัยน์ตาของเขามองไล่ไปตามหน้าตาของเธอ เหมือนเดิม...คือจืดชืด ไร้ความน่าสนใจ เขาเห็นหล่อนยิ้มน้อยครั้งมาก นัยน์ตาเล็กยาวเรียวของเธอ จะเหมือนตาปิดเลยล่ะ ถ้าเธอยิ้มเต็มที่ แปลกเวลานั้น ความจืดชืดกลับเป็นความเจิดจ้า...น่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ
สามครั้ง...
เออ สามครั้งจริงๆ เวลาเห็นหล่อนยิ้มเต็มที่ เวลาอยู่ใกล้เขาจะทำหน้าเจื่อน หน้าแหย ยิ้มก็เสียไม่ได้ ก้มหน้าก้มตา ทำเหมือนวิญญาณลอยตามและคอยช่วย...เฮ้อ...
ก็เป็นเสียแบบนี้แหละ หลังๆ มาเขาถึงแกล้งไม่ค่อยลง กวนหล่อนบ้างบางหนนิดหน่อย แต่ก็นั่นแหละ กวนไม่ขึ้น เพราะชินานางจะทำหน้าเอ๋อใส่เขา คือทำตาเบิกนิดๆ เผยอปากหน่อยๆ หน้าเจื่อน...ยืนทำตัวลีบ ใครจะไปแกล้งต่อลงล่ะ ถ้าทำก็ใจร้ายแล้วแหละ
“อร่อยไหมคุณจัมโบ้”
“อืม ก็อร่อยดีนะ”
“เราไปปาลูกโป่งกันไหมคะ มางานวัดก็ต้องปาโป่งนะ”
“ปาไปทำไมล่ะ”
เขาซักเด็กหญิง ตอนนี้พวกเขาออกมาจากร้านหมูกระทะแล้ว ดูเหมือนใบตองจะเข้ากันได้อย่างว่องไวกับศรันย์อย่างไม่น่าเชื่อ
“แลกตุ๊กตายังไงละคะ หนูอยากได้ตุ๊กตา”
“ถ้าใบตองอยากได้ตุ๊กตาก็ซื้อสิ จะไปปาลูกโป่งทำไม”
เขาว่า ใบตองย่นหัวคิ้วก่อนจะสั่นหน้าจนผมกระจาย
“ปาโป่งอะ 20 บาทมีสิทธิ์ลุ้นนะคะ แต่ถ้าหนูจะซื้อตุ๊กตา หนูต้องมีเงินเป็นร้อย”
เด็กน้อยว่าแบบนั้น ศรันย์เลิกคิ้ว ความรู้ใหม่สำหรับเขาเลยล่ะว่ามีเกมละเล่นอะไรแบบนี้
เขาไม่ได้พกเงินมา ไม่มีเงินไทยเลยสักบาท เขาจึงหันมาหายัยเอ๋อ ขอเงินเธอหน้าตาเฉย
“ยัยเอ๋อ ขอเงินหน่อยสิ ฉันจะไปปาลูกโป่ง”
“ค่ะ”
นานางล้วงเอาเงินให้กับเขา ตามองสบตากันแวบหนึ่ง สายตาของเขาไม่ได้เย็นชาอีกต่อไปแล้วชั่วขณะ
เธอมองดูเขากับใบตอง ปาลูกโป่งชิงตุ๊กตากันอย่างสนุกสนาน เขาหัวเราะเสียงดัง สีหน้าดูสดใสมาก ยามเขามองใบตองนัยน์ตานั้นอ่อนโยน แพรวพราว ชินานางอยากให้เขามองเธอแบบนี้บ้าง เธอจะมีความสุขขนาดไหนกันนะ?
แต่เขาคงไม่มีวันมองเธอแบบนี้
คิดแล้วก็ถอนใจไม่อยากคิดว่าถ้าเกิดว่าคุณท่านเปิดปากบอกกับศรันย์เรื่องที่เขาจะต้องหมั้นหมายกับเธอ มันจะเกิดอะไรขึ้นหนอ สายตาของเขาคงจะยิ่งเย็นชากว่าเดิมแน่ๆ
เธอมองด้านหลังของเขากับใบตองที่ยืนอยู่เคียงกันอย่างตั้งใจขณะที่กำลังเล่นเกมของงานวัด เขาไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้มาก่อน กับวิถีชีวิตธรรมดาของคนระดับกลาง เลยตื่นเต้นและสนุกกับมันอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเกิดว่าเธอไม่ได้รับการอุปถัมภ์จากคุณท่านแล้ว ชีวิตของเธอก็คงจะพึงมีความสุขแบบนี้นั่นแหละ
ชินานางเลือกไม่ได้กับชีวิตของตัวเอง แม้ตอนนี้อยากจะหลุดจากวิถีของมันที่กำลังดำเนินไป เธออยากเป็นอิสระ อาจจะต้องอดบ้างอิ่มบ้างถ้าเกิดบินออกไปจากที่นี่ แต่ดีกว่าเป็นนกน้อยอยู่ในกรง บางสิ่งที่ไม่อยากทำจะได้ไม่ฝืนใจตน และไม่ฝืนคนอื่นด้วย
เธอถอนใจออกมาอีกหน พักนี้เธอถอนใจบ่อยๆ มีคนเคยว่าถ้าถอนใจหนึ่งครั้งความสุขจะหดหายไปหนึ่งนาที เธอคงไม่เหลือความสุขแล้วล่ะตอนนี้
ชินานางจะต้องตั้งรับ กับพายุที่มีชื่อว่าศรันย์แน่นอน...เพราะคนอย่างเขาคงไม่ยอมทำตามคุณย่าง่ายดายหรอก ยิ่งเป็นข้อตกลงที่เกี่ยวพันกับชีวิตของเขาด้วยแบบนั้น
ผู้หญิงของเขาแต่ล่ะคน สวย เซ็กซี่ เปี่ยมเสน่ห์ทางเพศ เธอมีอะไรไปสู้ได้ กระจกฟ้องเมื่อเธอส่องดูตัวเอง เธอคือสาวหน้าตาจืดชืด ไม่สวย ไม่น่ารัก หน้าตาธรรมดา บุคลิกไม่ดึงดูด แต่งเนื้อแต่งตัวเชยๆ ส่วนโค้งเว้าก็ไม่ค่อยมี มีอะไรดึงดูดให้เขาอยากหมั้นอยากแต่งงานกับเธอ
ใจของชินานางหวังให้เขาปฏิเสธ
เธอถึงจะรู้สึกลึกล้ำกับเขาเกินธรรมดาก็จริง แต่เธอก็แค่อยากเฝ้ามอง ชื่นชม และรับใช้เขาในบางหน ไม่ได้ปรารถนาจะได้ครอบครองเขาเลยสักนิด การได้ครอบครองเขาอยู่กับเขา มันดูไม่น่าสนุกเลยสำหรับชินานาง
เขาเหมือนพายุ
ส่วนเธอเป็นดอกหญ้า...
ยามพายุพัดผ่านอย่าเกรี้ยวกราด ดอกหญ้าก็ตาย...ใช่ไหม
เธอจำต้องยินยอมรับสิ่งนั้น
ชินานางยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ยังคงมองแผ่นหลังกว้างๆ ของศรันย์อย่างไม่ยอมละสายตา