ตอนที่ 4
หลังจากที่ภูผารอให้ป่านกินข้าวและล้างจานเสร็จแล้วเขาก็หันไปมองลูกน้องด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เพราะข่าวที่เขาได้ยินจากผู้ช่วยของตัวเองนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักเกี่ยวกับบริษัทของเขา ภูผาขึ้นรถด้วยท่าทีนิ่งๆพร้อมกับหยิบแท็บเล็ตของตัวเองเพื่อตรวจดูเอกสารที่ลูกน้องได้ส่งมาให้
“ งานเป็นยังไง “ เสียงนิ่งของภูผาเอ่ยถามลูกน้องที่นั่งอยู่ด้านหน้า
“ มันมีหนอนแฝงเข้ามาครับนาย “ วิวพูดเสียงนิ่ง
“ ตามหาตัวมันให้ได้ เพราะไม่ว่ามันจะเป็นใคร..กูไม่เอาไว้แน่ “ เสียงเข้มของภูผาพูดขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่จริงจังจนลูกน้องต่างพากันมองหน้ากันด้วยความหวาดหวั่น
เมื่อมาถึงบริษัท ทุกคนต่างแตกตื่นและพร้อมใจกันออกมายืนต้อนรับภูผาด้วยความเร็ว ทำให้การ์ดมากมายต้องเดินตามภูผาเข้าไปด้วยความเป็นระเบียบ
“ บอสหล่อมากเลยแก “ หญิงสาวกระซิบกับเพื่อนสาวด้วยความตื่นเต้นที่เห็นออร่าความหล่อในตัวของบอสพวกเธอ
“ หล่อแต่ดุแล้วก็เนี๊ยบแบบนี้ ฉันขอบายว่ะ “ หญิงสาวอีกคนทำหน้าแหยๆ
“ แต่ฉันชอบนะ ไม่รู้ว่าบนเตียงจะดุแบบนี้มั้ยอ่ะ “ เธอกัดปากเมื่อนึกถึงร่างของชายหนุ่มเมื่ออยู่บนเตียง
“ จะพูดอะไรระวังปากด้วยแก “ เธอเอ่ยปรามเพื่อนสาวดุดุ
เมื่อภูผาเดินขึ้นลิฟท์ไป พนักงานทุกคนต่างก็พร้อมใจกันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ พรุ่งนี้บอสมีไปดูโรงงานที่แถบxxxของเรานะครับ “ วิวพูดขึ้นพร้อมกับโชว์ข้อมูลที่มีอยู่ในจอแท็บเล็ต
“ …….. “ ภูผาเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไป ซึ่งวิวนั้นก็รู้ว่าเจ้านายของเขารับรู้แล้ว
“ มะรืน “ ภูผาถามขึ้นสั้นๆ
“ มีไปคุยงานกับคุณทิวทัศน์ครับ “ วิวบอก ทิวทัศน์ก็คือบริษัทที่ภูผามีหุ้นส่วนอยู่ที่นั่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ขนส่งเกี่ยวกับน้ำมันและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆที่ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ ส่วนบริษัทของภูผานั้นก็ทำเกี่ยวกับพวกก่อสร้างและส่งออกเหล็กทุกชนิดซึ่งมีสาขามากกว่าพันสาขาทั่วโลก
“ เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ฉันไม่ชอบอะไรที่รอนานๆ “ ภูผาเอ่ยสั่งสั้นๆ วิวพยักหน้ารับและจัดการติดต่อคนที่อยู่ทางทิวทัศน์ทันที
.
.
.
ป่านที่อยู่แต่ในห้องก็เริ่มรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าออกไปไหนเพราะตัวของเขาสัญญากับเพื่อนของพ่อเอาไว้ว่าจะนอนที่บ้าน เมื่อนอนเล่นได้สักพักเขาก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อมือถือสั่นขึ้นมาอย่างแรง พอป่านหันไปดูก็ต้องเม้มปากนิดๆเมื่อคนที่โทรเข้ามาคือเดย์ แต่สุดท้ายป่านก็ตัดสินใจที่จะกดรับ
“ ไงมึง “
“ ( มึงจะไปอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาหากู ) “ เดย์ถามเสียงขุ่น ป่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสะกดอารมณ์บางอย่าง
“ น่าจะอีกสักพัก “ เขาตอบกลับไปสั้นๆ
“ ( กูต้องการเวลาที่แน่นอน ) “ เดย์ยังคงรบเร้า
“ เดย์..กูถามจริงๆเถอะ มึงจะให้กูกลับไปทำไม “ ป่านเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ ( กูเหงา กูไม่มีเพื่อนนอน ) “ เดย์ตอบกลับมาสั้นๆ
“ ไม่มีเพื่อนนอนหรือไม่มีคนให้เอา “ ป่านพูดสวนกลับไปทันที ทำให้เดย์นิ่งเงียบไป
“ กูขอเหอะเดย์ กูเบื่อกับความสัมพันธ์อะไรแบบนี้แล้วว่ะ มึงเองก็รักจิ๊บมากไม่ใช่หรอ แล้วทำไมยังต้องมายุ่งกับกูอีกวะ “ ป่านพูดออกมาอย่างสุดทน
“ ( มึงเป็นอะไรของมึงป่าน ปกติมึงไม่เป็นแบบนี้นี่ ) “ เดย์ถามด้วยความสงสัย
“ ก็เพราะที่ผ่านมากูทน กูยอมมึงมาตลอดไงเดย์ กูยอมเพราะกูคิดว่าสักวัน..มึงจะหันมามองกูในฐานะอื่นบ้างที่ไม่ใช่เพื่อนมึงแบบนี้ แต่นับวันๆกูก็ยิ่งเข้าใจว่าแม่งไม่มีทางที่มึงจะคิดกับกูแบบนั้นเลย กูเลยคิดว่ากูควรพอสักที! พอกับอะไรแบบนี้สักที และกูขอนะเดย์ กูขอให้ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มึงกับกูจะคุยเรื่องอะไรแบบนี้ และขอให้วันพรุ่งนี้มึงกับกูคือเพื่อนกันจริงๆเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่มีเรื่องเหี้ยนี่อีก นับตั้งแต่วันนี้..กูจะไม่ไปหอมึง ไม่ไปไหนกับมึงอีกแล้วยกเว้นไปกันทั้งกลุ่ม “ ป่านบอกในสิ่งที่เขาเองก็คิดมาดีแล้วเหมือนกัน
“ ( มึง..จะเอาแบบนี้หรอ ) “ เดย์ถามเสียงแผ่ว
“ อืม เพราะกูไม่รู้ว่าจะทำแบบนี้อีกไปเพื่ออะไร กูขอให้มันจบเหอะนะ อย่างน้อยก็เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา “ ป่านพูดขอ เดย์ชั่งใจสักพักจนสุดท้ายเขาก็ยอมถอยออกมาเพราะเห็นแก่ความรักของตัวเองที่กำลังไปได้ดี
“ ( โอเค กูตกลง ) “
หลังจากนั้นป่านก็กดตัดสายอีกฝ่ายไปทันที ร่างบางนั่งบนเตียงพร้อมกับหลับตาลงเพื่อบอกกับตัวเองว่า เขาทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว
“ มึงทำถูกทุกอย่างแล้วป่าน เฮ้อออ “ เขาล้มตัวลงนอนที่เตียงกว้างอย่างหมดแรง
เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาค่อยๆสลืมสลือลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆแล้วพบว่าตอนนี้ทั้งห้องนั้นมืดหมดแล้ว เมื่อหันไปมองที่โทรศัพท์ของตัวเองก็พบว่านี่เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้วนั่นเอง เขาบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วเดินลงไปข้างล่างเพื่อไปหาอะไรกิน เพราะที่กินไปมันเมื่อเย็นมันย่อยไปหมดแล้ว
ป่านเดินลงไปพร้อมกับลูบท้องตัวเองนิดๆเมื่อท้องของเขาร้องขึ้นมาเล็กน้อย
“ มึงจะเอายังไงกับบริษัท “ พิธาถามเพื่อนสนิทด้วยท่าทีนิ่งๆ พลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบแล้วนั่งไขว้ห้างมองหน้าเพื่อนสนิทที่มีท่าทางในแบบเดียวกัน
“ อย่าให้กูจับได้แล้วกัน กูไม่เอามันไว้แน่นอน “ สายตาของภูผาว่างเปล่า จนพิธาที่เป็นเพื่อนมานานกว่ายี่สิบปีรู้ได้ทันทีว่าครั้งนี้เพื่อนเขาเอาจริงแน่นอนเพราะรายได้ค่อนข้างเสียหายมากพอสมควร
ป่านที่ลงมาได้ยินก็หยุดชะงักทันที แล้วยืนแอบอยู่เงียบๆตรงหลังเสา
“ แล้วเรื่องคนที่มาเผาโกดังของมึงเมื่อวันก่อนละ จะเอาไง “ พิธายังคงถามต่ออีก
“ กูสั่งคนให้ไปจัดการแม่งละ “ ภูผาพูดเสียงเหี้ยม พิธายกยิ้มมุมปก
“ เก็บได้กี่คนละมึง “ พิธาถามเสียงกลั้วหัวเราะ ราวกับว่าเรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องสนุก
ป่านขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง เพราะเขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาได้ยินจะมาจากปากผู้ชายที่ขี้เล่นอย่างภูผา
“ …………. “
“ …………. “
ป่านพยายามนิ่งฟังเพราะเขาไม่ได้ยินคนทั้งสองพูดอะไรกันต่อ แต่ไม่ว่าจะฟังมากแค่ไหนก็ยังไม่ได้ยินอยู่ดี
“ กูขึ้นไปหาเมียกูก่อนแล้วกัน “ เสียงของพิธาพูดขึ้นป่านเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะทางขึ้นบันไดของพ่อเขามันตรงกับที่เขายืนอยู่ ป่านรีบมุดตัวหลบไปที่หลังเค้าเตอร์ทันทีและพยายามทำตัวให้เล็กมากที่สุดเท่าที่จะเล็กได้
วินาทีที่เขาได้ยินเสียงร้องเท้าของพ่อตัวเองที่เดินเข้ามาใกล้ มันยิ่งทำให้เหงื่อของป่านไหลออกตามใบหน้าด้วยความตื่นเต้นเพรากลัวว่าจะถูกจับได้ จนฝีเท้าของพิธาค่อยๆไกลออกไป ป่านเองก็ลืมตาข้างนึงเพื่อแอบดูพ่อตัวเอง จนเมื่อเห็นว่าพ่อตัวเองพ้นบันไดไปแล้วป่านจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ แฮ่!ทำไรอ่ะ “
“ เหี้ย!!! “ ป่านเบิกตากว้างแล้วร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆภูผาก็มาจับไหล่เขาทางด้านหลัง
“ พี่เองครับไม่ใช่เหี้ยสักหน่อย “ ภูผาพูดยิ้มๆ ป่านจับไปที่หัวใจตัวเองที่ตอนนี้เต้นแรงมาก
“ ป่านบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาแบบนี้พี่ภู มันไม่ตลกเลยนะ “ ป่านขมวดคิ้วมองหน้าร่างสูงด้วยความไม่พอใจ แต่ลึกๆแล้วเขากำลังกลบเกลื่อนเรื่องที่มาแอบฟังคนทั้งคู่คุยกันต่างหาก
“ หึหึหึ แล้วนี่เราลงมาหาอะไรกินหรอ “ ภูผาถามด้วยความสงสัย ป่านกลืนน้ำลายลงคอนิดๆ
“ เอ่อ..ครับ พอดีป่าน..ป่านหิวนิดหน่อยอ่ะ “ ป่านรีบยิ้มกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้อีกคนจับได้
“ แล้วนี่เราจะกินอะไรละ “ ภูผาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ กิน..เอ่อ.. “ ป่านเม้มปากอย่างใช้ความคิด จู่ๆเขาก็รู้สึกมึนไปชั่วขณะ เหมือนสมองไม่สามารถคิดหาคำโกหกอะไรได้เลย
“ เดี๋ยวพี่ต้มมาม่าให้กินมั้ย ง่ายดี “ ร่างสูงเสนอ ป่านพยักหน้ายิ้มๆ
“ ครับ “
ร่างสูงของภูผาเดินไปหยิบหม้อมาหนึ่งใบ และหยิบมาม่าที่อยู่ในตู้มาสองห่อ
“ พี่กลัวหนูไม่อิ่ม “ เขาหันมาส่งยิ้มให้อีกฝ่าย ป่านเองก็ได้แต่มองร่างกายของคนตรงหน้าที่ขยับไปมาด้วยความคล่องแคล่ว เขาท้าวแขนไปที่โต๊ะพลางมองร่างสูงอย่างเพลิดเพลิน ใบหน้าคม จมูกเป็นสัน ริมฝีปากสีสวยพ่วงด้วยผิวที่แทนเข้ม รูปร่างที่สูงใหญ่ของภูผาทำให้อีกฝ่ายดูสง่ามากขึ้นเมื่ออยู่ในชุดสูท แต่พอมาอยู่ในชุดธรรมดาที่ราคาไม่ธรรมดาก็ดูดีไปอีกแบบ
“ มองพี่ทำไมคะ หื้ม? “ ภูผาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเพราะจู่ๆเขาก็หันไปเห็นร่างบางกำลังมองมาที่ตัวเองอยู่
ป่านกะพริบตาเมื่อได้ยิน เขายืนตัวตรงและสมองก็พยายามประมวลคำตอบเพื่อที่จะตอบคนตรงหน้า
“ เอ่อ..ผมแค่ดูน่ะครับว่าพี่ภูต้มมาม่ายังไง “ เมื่อป่านบอกออกไป เขาก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองตายเพราะคำตอบแบบนั้นมันไม่ได้ดูน่าเชื่อเลยสักนิด
“ อ๋อออ ค่ะ “ แต่ภูผากลับพยักหน้าและหลงเชื่อเขาอย่างสนิทใจ ทำให้ป่านปาดเหงื่อตัวเองที่ไหลอยู่ตรงหน้าผากด้วยความโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ถามอะไรเขาไปมากกว่านี้
“ เสร็จแล้วค่ะ “ ภูผาบอกพร้อมกับยกถ้วยที่มีมาม่าของอีกคนอยู่ขึ้นมาแล้วเดินไปที่โต๊ะที่เขานั่งดื่มไวน์กันเมื่อสักครู่
ป่านเองก็เดินตามไปยิ้มๆ เมื่อภูผาวางถ้วยไว้ตรงหน้าป่าน ร่างสูงก็นั่งลงพร้อมกับเงยหน้ามองป่านยิ้มๆ ป่านเองก็นั่งลงพร้อมกับลงมือกินทันที ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมาเลยสักคน จนกระทั่งป่านกินจนหมด
“ เดี๋ยวพี่เอาไปล้างให้นะคะ “ ภูผาบอกพร้อมกับหยิบถ้วยของป่านมาถือไว้ แต่อีกคนกลับไวกว่า เขาดึงถ้วยมาม่าของตัวเองคืนมาทันที
“ เดี๋ยวป่านล้างเองครับ พี่ทำให้ป่านกินแล้ว พี่ห้ามล้างให้ป่านนะ “ ป่านมองภูผาอย่างดุดุ
“ แต่พี่.. “
“ ไม่มีแต่ครับ เอามานี่ “ ป่านบอกพร้อมกับดึงถ้วยในมือของร่างสูงออกมาได้สำเร็จ ภูผาได้แต่มองร่างบางอย่างจำยอม
“ เอ่อพี่ภู..ป่านขอถามอะไรหน่อยสิ “ ป่านพูดขึ้นในขณะที่หันหลังล้างจานและหม้อที่ต้มมาม่าของตัวเอง
“ คะ? “ ภูผาที่ยืนอยู่ด้านหลังขานรับด้วยความสงสัย
“ พี่..มีปัญหาอะไรที่บริษัทหรือเปล่า “ ป่านถามไปลุ้นไปกับคำตอบที่จะได้รับ เมื่อล้างทุกอย่างเสร็จเขาก็ค่อยๆหันมาเผชิญหน้ากับร่างสูง
“ นิดหน่อยค่ะ พอดี..มีคนเอาข้อมูลของบริษัทพี่ไปทำอะไรไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พี่เลยต้องตามตัว ซึ่งมันก็..ใช้เวลานิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ “ ภูผาบอกด้วยท่าทีสบายๆ แต่ป่านกลับรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เพราะเขามองแววตาของร่างสูงที่อธิบายให้เขาฟังมันเหมือนจะไม่จบลงง่ายๆตามที่อีกคนบอก
“ หรอครับ “ ป่านมองไปที่ภูผานิ่งๆ ร่างสูงเองก็มีเพียงรอยยิ้มบางๆส่งให้ป่านเท่านั้น
“ ป่านว่านี่มันก็ดึกมากแล้ว งั้นป่านขอตัวก่อนดีกว่าครับ พี่ภูจะได้พักผ่อนด้วย “ ป่านบอกพร้อมกับเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อที่จะขึ้นห้อง
“ เดี๋ยวสิ “ ภูผาจับแขนเล็กเอาไว้ก่อน ป่านหันไปมองด้วยความตกใจ
“ ครับ? “
“ วันนี้..พี่ขอนอนกับเราด้วยได้มั้ย พอดี..พี่มีเรื่องอยากจะถามอะไรเราเยอะเลย “ ภูผาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ป่านนิ่งไปเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้าตามคำขอ เพราะเขาคิดว่ามันคงไม่ได้เสียหายอะไร แล้วอีกอย่างคนตรงหน้าก็มีศักดิ์เหมือนอาของเขา คงไม่ทำอะไรไม่ดีกับเขาหรอก
“ ขอบคุณนะคะ งั้นหนุไปอาบน้ำทำอะไรให้เรียบร้อยเลยนะ เดี๋ยวพี่ทำอะไรเสร็จแล้วจะเข้าไป “ ภูผาพูดยิ้มๆ ป่านพยักหน้าและเดินหันหลังขึ้นบันไดไปทันที
รอยยิ้มของภูผาค่อยๆหุบอย่างช้าๆ จนกลับมามีสีหน้าที่นิ่งดังเดิม ความจริงนิสัยของเขาไม่ใช่คนที่ยิ้มแย้มหรืออารมณ์ดีอะไรเลยสักนิด กลับกันเขากันเป็นคนที่ดุ เข้มและเนี๊ยบทุกระเบียบนิ้วเสียมากกว่า ซึ่งคนที่รู้จักเขาส่วนใหญ่จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขานั้นโหดเหี้ยมและเลือดเย็นมากเพียงใด แต่เพราะคนคนนึงที่ทำให้เขายอมเปลี่ยนตัวเองมากขนาดนี้ คนที่เขาเห็นเมื่อตอนเด็กๆคนที่เขารักตั้งแต่อีกฝ่ายพึ่งขึ้นประถม ซึ่งคนคนนั้นก็คือป่าน ลูกชายของเพื่อนสนิทเขานั่นเองและภูผานั้นก็ได้ขอป่านกับพิธาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงพิธาจะไม่ได้ห้ามอะไรแต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้เขาได้จีบป่านด้วยความราบรื่น ซึ่งเขาเองก็ยอมรับในเรื่องนั้นได้ดีเพราะเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อ
“ เอ่อ..นายครับ “ เสียงของวิวเอ่ยขึ้นทางด้านหลัง
“ อะไร “ ภูผาหันไปมองวิวนิ่งๆ
“ เรื่องคุณป่าน.. “ วิวอึกอักเล็กน้อย เพราะเขาเองก็รู้เรื่องที่บอสของเขาแอบชอบป่านเช่นกัน
“ เดี๋ยวฉันจัดการเอง แกจะไปทำอะไรก็ไป “ ภูผาพูดเสียงเรียบ
“ แต่อีกไม่นานนายจะต้องไปคุยกับเสี่ยอ้วนแล้วนะครับ “ วิวพูดเสียงเครียด
เสี่ยอ้วน ก็คือศัตรูเบอร์หนึ่งของเขาในทางธุรกิจนั่นเอง มันอยากจะให้เขาร่วมลงทุนกับมันในการข้นย้ายยาเสพติดเพราะมันต้องการเส้นสายของเขาในการทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าภูผาไม่ยอม ถึงเขาจะไม่ใช่คนดีมากนักแต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลยแม้แต่น้อย และพอเขาไม่เห็นด้วย ไอบ้านั่นมันก็พยายามขัดขวางธุรกิจเขาทุกวิถีทาง
“ ยุ่งกับกูกูไม่ว่า แต่ถ้าแตะคนของกูเมื่อไหร่..กูจะทำให้มันได้รู้ว่านรกจริงๆมันเป็นยังไง “ เสียงนิ่งของภูผาพูดขึ้น วิวมีสีหน้าที่เครียดเล็กน้อยเพราะถ้าเกิดศัตรูของนายของเขารู้ว่าจุดอ่อนของนายคืออะไร เขาเกรงว่ามันจะเล่นงานเพื่อที่จะบีบให้นายร่วมมือกับมัน
“ แล้วคุณพิธาท่านรู้มั้ยครับว่า.. “
“ รู้ เพราะฉันเป็นคนบอกมันเอง “ ภูผาพูดสวนขึ้น
“ มันบอกให้ฉันดูแลลูกมันให้ดี ส่วนมันมันก็จะคอยระวังให้อีกทีนึงเหมือนกัน “ ร่างสูงพูดต่อ
“ แกเองก็ระวังให้ดี ถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงหูของคนของฉัน..ฉันไม่เอาแกไว้แน่ไอวิว “ ภูผาหันไปมองวิวนิ่งๆ วิวก้มหน้ารับคำสั่งในทันที
“ ครับ! “
“ ดึกแล้ว แกจะไปไหนก็ไปเถอะ พรุ่งนี้ไม่ต้องรีบตื่นมาปลุกฉัน ฉันจะนอนห้องป่าน “ ภูผาพูดจบก็เดินขึ้นบันไดไปทันที วิวได้แต่มองตามร่างสูงด้วยความเป็นห่วง เขาไม่รู้ว่านายของเขาจะอดทนอดกลั้นได้มากแค่ไหนเมื่อเห็นของหวานอยู่ตรงหน้าขนาดนี้
“ ถ้านายทนได้ นายคือไอดอลของผมเลยนะ “ วิวได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ
#โอ๊ยยยยยยตาลายม๊วกกกกก5555555หากผิดพลาดตรงไหนบอกได้เด้อออ