ตอนที่ 3
เมื่อมาถึงบ้านเดลก็รีบวิ่งไปที่ห้องของตัวเองทันทีเพราะพิธาอยู่ในห้องนั้น ป่านที่เห็นอาการของเพื่อนสนิทก็ส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ เขาเดินไปที่ห้องครัวเพื่อที่จะหาอะไรกินด้วยความหิว
“ ฮั่นแน่! ทำอะไรอ่ะ “ เสียงที่ดังอยู่ทางด้านหลังทำให้ป่านสะดุ้งจนของที่อยู่ในมือหล่นแตก
เพล้ง!
ป่านหันไปมองทางด้านหลังด้วยความตกใจ
“ พี่ภู! พี่มาทำไมไม่ให้ซุ่มให้เสียงเนี้ย “ ป่านว่าร่างสูงนิดๆ ภูผาได้แต่ยิ้มแหยๆด้วยความรู้สึกผิด
“ เอ่อ..พี่ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ โทษที แหะๆ “ ภูผาเกาหัวตัวเองด้วยความทำอะไรไม่ถูก ป่านถอนหายใจออกมานิดๆแล้วก้มลงเก็บเศษแก้วที่แตกอยู่ขึ้นมา
“ อย่า! “ เสียงของภูผาร้องห้ามขึ้น ป่านชะงักแล้วเงยหน้ามองร่างสูงด้วยความสงสัย
“ เดี๋ยวพี่จัดการเอง หนูไปยืนรอข้างนอกไปเดี๋ยวแก้วบาด “ ภูผาขมวดคิ้วอย่างเครียดๆแล้วรีบเดินไปหยิบไม้กวาดที่อยู่ไม่ไกล ป่านได้แต่เดินออกไปตามที่ร่างสูงบอกอย่างงงๆ ภูผารีบกวาดเศษแก้วทั้งหมดแล้วนำไปใส่ในกล่องเปล่า ดีที่แก้วไม่ได้ใหญ่มากเศษจึงไม่ได้มีมากเท่าไหร่นัก เมื่อนำเศษไปไว้ในกล่องแล้ว ร่างสูงก็เอาปากกามาเขียนไว้ที่หน้ากล่องว่า เศษแก้ว หลังจากนั้นก็นำไปใส่ในถุงขยะ ท่ามกลางความอึ้งของป่านที่มองอยู่
“ เมื่อกี้..พี่ขอโทษนะ พี่ไม่คิดว่าหนูจะตกใจขนาดนี้อ่ะ “ ภูผายิ้มแห้งๆด้วยความรู้สึกผิด ป่านส่งยิ้มบางๆให้กับร่างสูงตรงหน้า
“ ไม่เป็นครับ แต่วันหลังพี่ภูต้องส่งเสียงออกมาก่อนนะ “
“ ได้เลยค่ะ! “ ภูผายิ้มกว้างแล้วตอบรับด้วยเสียงแข็งขัน ป่านที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ
“ เอ้อพี่ภู ป่านถามอะไรหน่อยสิ ทำไมพี่ภูต้องพูดคะขาแล้วก็เรียกป่านว่าหนูด้วยละ ทั้งๆที่ป่านเองก็เป็นผู้ชาย “ ป่านมองหน้าร่างสูงด้วยความสงสัย ภูผายิ้มนิดๆให้กับความขี้สงสัยของคนตัวเล็ก
“ ก็ตอนเด็กหนูเหมือนผู้หญิงเลยนี่คะ ตอนแรกพี่ก็คิดว่าหนูเป็นผู้หญิงแล้วด้วยซ้ำ จนไอธามันบอกพี่ว่าหนูเป็นเด็กผู้ชาย แต่ถึงยังไงตอนนั้นหนูก็ยังน่ารักมากๆอยู่ดี พี่เลยพูดติดมาตั้งแต่ตอนนั้นแหละค่ะ ว่าแต่..หนูไม่ชอบหรอคะ “ ภูผาเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“ ก็..ไม่เชิงอ่ะครับ พอดี..ป่านเป็นผู้ชาย พอมาได้ยินอะไรแบบนี้เลยรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย “ ป่านพูดยิ้มๆ
“ แล้ว..? “ ภูผาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ว่าเขาสามารถพูดต่อไปได้มั้ย
“ พี่ภูพูดได้ครับ ป่านไม่ได้ว่าอะไร “
ภูผายิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“ แล้วนี่หนูจะมาหาอะไรกินหรอ “ เขาถาม
“ ครับ พอดีป่านยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า “ ป่านบอก เพราะเมื่อเช้าเขามาช้าไปหน่อยเลยซื้อได้แค่ขนมปังกับนมไปให้เดย์เท่านั้น
“ งั้นเดี๋ยวพี่ทำให้หนูกินเอามั้ย พี่ทำอาหารเก่งมากเลยน้าา “ ภูผายิ้มกว้าง ป่านพยักหน้าน้อยๆ
“ ก็ได้ครับ “
“ หนูแพ้อะไรมั้ย “ ภูผาถามในขณะที่เดินไปในห้องครัวแล้วเปิดตูเย็นเพื่อมองหาวัสถุดิบ
“ ไม่ครับ ป่านกินได้หมดทุกอย่าง “ ป่านบอก
“ โอเคค่ะ “ ภูผาพูดเพียงแค่นั้นก็จัดการวางของทุกอย่างไว้บนโต๊ะแล้วจัดการทำกับข้าวให้ป่านได้ลิ้มลองฝีมือของเขาทันที
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วป่านและภูผาก็ช่วยกันกออกไปด้านนอก
“ อาหารน่าทานมากเลยครับพี่ภู “ ป่านหันไปยิ้มให้ภูผา ภูผามองรอยยิ้มนั้นนิ่งๆ
“ กินให้หมดด้วยนะ ไม่งั้นคนทำเสียใจแย่เลย “ ภูผาส่งยิ้มบางๆให้กับคนตัวเล็กตรงหน้า ป่านหยักหน้าน้อยๆและนั่งลงพร้อมกับจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ภูผาเองก็ได้แต่นั่งท้าวคางมองคนตรงหน้าที่กินอย่างออกรสชาติ จนป่านชะงักและมองหน้าภูผาด้วยความสงสัย
“ พี่ภูไม่ทานด้วยกันหรอครับ “
“ ไม่ละ หนูกินเถอะ “ เขาบอกยิ้มๆ ป่านเองก็พยักหน้าและกินด้วยความหิวสุดๆ จนแก้มของป่านเลอะไปด้วยน้ำซอสที่ภูผาทำ ภูผายิ้มด้วยความเอ็นดูและเอื้อมมือไปเช็ดซอสที่มุมปากของป่านด้วยความอ่อนโยน ป่านชะงักแล้วมองหน้าภูผาด้วยความอึ้ง
“ พี่เห็นมันเลอะ แล้วเราก็กำลังอร่อยอยู่พี่เลยไม่อยากกวน คง..ไม่ว่าอะไรพี่ใช่ปะ “ ภูผาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ป่านส่ายหน้ายิ้มๆ
“ ไม่ครับ ขอบคุณมากนะครับ “
“ ค่ะ “ ภูผาเองก็ส่งยิ้มให้กับร่างบางน้อยๆ
ครืดดดดด ครืดดดดด
แรงสั่นของโทรศัพท์ทำให้ภูผาหันไปมองที่กระเป๋ากางเกงของตัวเองแล้วหยิบขึ้นมาพลางกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นเบอร์ของลูกน้องตัวเอง
“ อะไรนะ! ทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้..เดี๋ยวฉันเข้าไป “ เสียงเข้มของภูผาทำให้ป่านมองด้วยความตกใจ เพราะไม่เคยได้ยินร่างสูงพูดแบบนี้มาก่อน
เมื่อภูผาวางสายเสร็จ เขาก็หันไปมองทางป่านด้วยสายตาที่อ่อนโยนกว่าเมื่อกี้
“ เอ่อ..พี่ภูมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ ไปก่อนได้นะเดี๋ยวป่านจัดการตรงนี้เอง “ ป่านบอก
“ ไม่เป็นไรค่ะ รอให้เรากินเสร็จพี่ค่อยไป “ ภูผาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วมองป่านกินด้วยรอยยิ้ม
“ แต่คนที่โทรเข้ามาเขาน่าจะมีธุระนะครับ มันจะไม่เป็นไรจริงๆหรอ “ ป่านพูดด้วยความกังวล
“ ไม่เป็นไรค่ะ พี่จัดการได้ หนูกินเถอะ “ รอยยิ้มของภูผาก็ยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากทุกครั้งเวลาที่พูดกับเขา ซึ่งมันทำให้ป่านรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ ครับ “ ป่านพยักหน้าน้อยๆแล้วกินต่อด้วยความรีบเพราะเขาไม่อยากให้อีกฝ่านต้องทิ้งงานเพราะเขา
“ ไม่ต้องรีบค่ะ ค่อยๆกินเดี๋ยวก็ติดคอนะ “ ภูผาพูดด้วยความเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันคาดคำป่านก็สำลักออกมาเพราะเส้นสปาเก็ตตี้ติดที่คอเขา
“ แค่กๆๆๆ “
ภูผารีบเข้าไปดูป่านทันทีด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับค่อยๆลูบหลังร่างบางเบาๆ ป่านหยิบน้ำที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่มทันที
“ อึก อึก อึก “
ภูผาที่เห็นว่าร่างบางเริ่มค่อยยังชั่วแล้วจึงเดินมานั่งที่ตัวเอง
“ พี่บอกแล้วไงคะว่าให้ค่อยๆกิน เห็นมั้ยคะว่าติดคอเลย ทำอะไรระวังหน่อยสิคะพี่เป็นห่วงนะรู้มั้ย “ ร่างสูงขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดุ แต่เป็นน้ำเสียงที่เหมือนดุเด็กน้อยเสียมากกว่า ป่านยิ้มแห้งๆให้กับร่างสูง
“ ป่าน..ป่านขอโทษครับ “
ภูผาถอนหายใจออกมินดๆเมื่อได้ยินน้ำเสียงของป่านที่พูดด้วยความรู้สึกผิด
“ เฮ้ออออไม่เป็นไรครับ พี่แค่ห่วงเราเฉยๆ “
“ ป่านอิ่มแล้วพอดีเลยครับ พี่ภูรีบไปทำงานเถอะ เดี๋ยวที่เหลือป่านจัดการเอง “ ป่านส่งยิ้มบางๆให้กับภูผาเพื่อบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรแล้ว
“ แต่หนูยังกินไม่หมดเลยนะ “ ภูผาพูดขึ้น
“ ป่านอิ่มแล้วจริงๆครับ “ ป่านยืนยัน ภูผาที่เห็นท่าทางของร่างบางแบบนั้นก็ได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม เขาและป่านยกจานที่เหลือไปไว้ในครัว
“ หนูไม่ต้องล้างนะ เดี๋ยวพี่จะให้แม่บ้านเข้ามาทำให้ “ ภูผาพูดขึ้น ทำให้ป่านเอียงคอด้วยความสงสัยเพราะบ้านของเขานั้นไม่มีแม่บ้านมาสักพักแล้วตั้งแต่ป้าสายตายไป
“ แม่บ้านที่บ้านของพี่เองค่ะ เขาน่าจะลงเครื่องมาพรุ่งนี้ “ ภูผาเอ่ยบอกเพื่อไขความกระจ่างให้กับคนตัวเล็กตรงหน้า
“ อ๋อออ ครับ “ ป่านพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ แต่ยังไงป่านก็ต้องล้างอยู่ดี ไม่งั้นถ้าเดลมันมาเห็นมันก็ต้องเอาไปล้าง ป่านไม่อยากให้เพื่อนเหนื่อยครับ “ ป่านพูดขึ้นแล้วลงมือล้างจานที่มีเพียงไม่กี่ใบ
ภูผามองใบหน้าหวานยิ้มๆโดยไม่พูดอะไร
“ เดี๋ยวพี่ช่วยค่ะ “ ภูผาอาสาแต่ป่านร้องห้ามขึ้นมาเสียก่อน
“ ไม่เป็นไรครับ “
“ทำไมคะ “ เขามองด้วยความสงสัย
“ พี่ต้องไปข้างนอก เดี๋ยวมือจะเปียก ให้ป่านทำเองดีกว่าครับเพราะป่านไม่ได้ไปไหน “ ป่านหันมาบอกร่างสูงยิ้มๆ ภูผาส่ายหน้าให้กับความน่ารักของป่าน
“ เรานี่..นิสัยน่ารักเนอะ “ ภูผาเอ่ยชมยิ้มๆ ป่านหันไปมองร่างสูงด้วยความสงสัย
“ หรอครับ “
“ อื้อ “ ภูผาพยักหน้าน้อยๆ ป่านเองก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน
“ ขอบคุณครับ “ เขาบอกยิ้มๆ
ป่านล้างจานต่อโดยไม่ได้พูดอะไรกับร่างสูงอีก ส่วนภูผานั้นก็มองท่าทางที่น่ารักของป่านยิ้มๆโดยไม่กวนอะไรเช่นกัน
“ เสร็จแล้วครับ “ ป่านหันไปยิ้มให้กับร่างสูง ภูผาชะงักค้างที่เห้นรอยยิ้มกว้างของป่าน
“ พี่ภูครับ..พี่ภู! “ ป่านจับแขนของภูผาแล้วเขย่านิดๆเพื่อเรียกสติ ภูผาสะดุ้งแล้วหลุดออกจากภวังค์
“ เอ่อ..อ่อเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ “ เขากะพริบตาแล้วถามร่างบางกลับไป ป่านพยักหน้านิดๆ
“ พี่..โอเคมั้ยครับ “ เขาถามด้วยความเป็นห่วง ภูผายิ้มให้กับคำถามที่น่ารักนั่น
“ โอเคค่ะ โอเคมากๆ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงพี่ “
“ เอ่อ..ครับ “ ป่านพยักหน้าอย่างงงๆกับอาการของคนตรงหน้า
“ งั้น..พี่ไปก่อนนะคะ เอาไว้เจอค่ำๆ “ ภูผาโบกมือให้ป่านเล็กน้อย ป่านกะพริบตามองท่าทางของภูผาอย่างงงๆแต่ก็พยักหน้าตอบกลับไป
เมื่อภูผาเดินออกไปแล้ว ป่านก็เกาหัวตัวเองด้วยความสงสัย
“ พี่เขาเป็นอะไรมากปะวะ ท่าทางแปลกๆ “
#หลายคนคงแอบสงสัยว่าเรื่องนี้จะมาม่าให้กินมั้ย(ถึงไม่มีใครสงสัยแต่เราอยากจะบอกค่ะ) เค้าขอบอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่มีใครได้กินมาม่าอย่างแน่นอน สบายใจกันได้นะคะทุกคนนน ถึงแม้ว่าแรกๆมันจะมาม่าก็ตาม55555
**มีอะไรสงสัยถามได้เลยนะคะ เดี๋ยวจะตอบทุกคอมเม้นเลยงับบ