ตอนที่ 5
เมื่อป่านเข้ามาในห้องก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวทันที เขารีบเก็บของที่รกอยู่ให้เป็นระเบียบแล้วไปนั่งที่เตียงด้วยความตื่นเต้น
“ เดี๋ยวนะ..แล้วนี่กูจะตื่นเต้นทำไมวะ “ เขาได้เกาหัวอย่างงงๆ พร้อมกับสลัดความคิดที่ไม่ดีบางอย่างออกไป แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแทน แต่สายตาก็ยังคงมองไปที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อ จนนึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเขารออีกคนขนาดนี้เลยหรอ
“ ไอป่าน..กูว่ามึงอาการหนักละนะ เฮ้ออออ “ ป่านกรอกตามองบนใส่ตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้น
ก๊อกๆๆ
ป่านกะพริบตาพริบๆแล้วมองไปยังประตูด้วยความตื่นเต้น เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆเดินไปเปิดประตู
“ กว่าจะเปิดนะมึง “
ป่าขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอยู่ตรงหน้าแทนที่จะเป็นร่างสูง
“ ไอเดล “
“ ก็เออสิวะ มึงคิดว่าใครละ “ เดลมองหน้าป่านด้วยความสงสัย
“ นี่มึงไม่ได้รอใครอยู่ถูกมะ? “
“ มึงจะบ้าหรอ! กูจะไปรอใครละ “ ป่านรีบพูดขึ้นด้วยความร้อนรน
“ มึงมีพิรุจนะ “ เดลหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด
“ แล้วนี่..มึงมาห้องกูมีไรอ่ะ หรือว่าป๊ากูไม่ทำการบ้านอ่อ “ ป่านเอ่ยแซวเพื่อนยิ้มๆ
“ เปล่า กูแค่จะมาบอกมึงว่าเดี๋ยวกูจะไม่อยู่นะ ต้องไปดูงานที่มาเลเซียกับพ่อมึง กูไปพรุ่งนี้ “ เดลบอกยิ้มๆ
“ แล้วไง.. “ ป่านเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่แววตานั้นมองเพื่อนสนิทอย่างรู้ทัน
“ ก็..เก็บชีทให้กูด้วยนะ “ เดลยิ้มแหยๆเมื่อเจอสายตาของเพื่อนที่มองมา
“ เออรู้แล้วน่า “ ป่านพยักหน้าน้อยๆ เดลยิ้มกว้างด้วยความพอใจ
“ ขอบคุณนะเพื่อนรักกก “ ร่างบางของเดลกอดที่เอวของป่านอย่างดีใจ ป่านได้แต่ถอนหายใจออกมานิดๆ
“ พอเลยมึง เดี๋ยวป๊าออกมาเจอก็หึงเอาหรอก “ ป่านเตือน
“ หึงบ้าหึงบออะไร มึงลูกเขานะ “ เดลขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิท
“ หึ หึงอะไรงั้นหรอ ตัวมึงเองก็รู้อยู่แก่ใจไอเดล “ ป่านดันเพื่อนให้ออกห่างเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เพื่อนของเขาเปิดเผยตัวกับพิธา พ่อของเขานั้นก็ชอบมีอาการเวลาที่เดลนั้นไปเกาะแกะกับใครคนไหน แม้กระทั่งเขาที่เป็นลูกแท้ๆ ผู้เป็นพ่อก็ยังคงส่งสายตาพิฆาตมาให้อยู่ตลอดเวลา
“ กูไม่พูดกับมึงละ ไปหาพ่อมึงดีกว่า “ เดลพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเดินหันหลังไปยังห้องตัวเอง ป่านได้แต่ส่ายหน้ามองเพื่อนสนิทยิ้มๆแล้วปิดประตูลง พลางเดินไปนั่งเล่นโทรศัพท์ที่เตียงกว้างของตัวเอง
ก๊อกๆๆๆ
ป่านปิดโทรศัพท์ลงอีกรอบแล้วเดินไปเปิดประตูด้วยความรำคาญ
“ ป๊ากูไม่เอารึไงถึงได้มา..พี่ภู!! “ ป่านเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า ภูผายิ้มกว้างมองใบหน้าหวานที่อ้าปากค้างอยู่
“ เมื่อกี้หนูพูดถึงใครคะ “ ร่างสูงถามด้วยความสงสัย
“ อะ..เอ่อ..ขะ..เข้ามาก่อนครับ “ ป่านเปิดประตูกว้างขึ้นอีกนิดเพื่อให้ร่างสูงได้เดินเข้ามา
ภูผาเดินเข้ามาพร้อมกับปิดประตูแล้วกดล็อก
“ ว่าไงคะ เมื่อกี้ที่หนูพูดหนูหมายถึงใคร “ ภูผาทวงถามในสิ่งที่เขาสงสัย
“ คือก่อนหน้าที่พี่จะมาหาป่าน ไอเดลมันเข้ามาหาป่านก่อนน่ะครับ มันมาบอกเรื่องที่ว่ามันจะไม่อยู่พรุ่งนี้ “ ป่านพูดอ้อมแอ้ม
“ หนูก็เลยคิดว่าพี่เป็นน้องเดลหรอคะ “ ภูผาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
“ ก็..ครับ “ ป่านพยักหน้าอย่างเขินอายที่หลุดต่อหน้าร่างสูง และถอยเพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้ามาในห้อง
“ หึหึหึ “
ป่านแกล้งทำสีหน้าที่เรียบนิ่งในขณะเดินไปนั่งที่เตียงกว้างเพราะต้องข่มความเขินอายที่มีให้มลายหายไป ภูผานั่งลงข้างๆป่านพลางหันหน้าไปทางใบหน้าหวานแล้วขยับเข้าไปใกล้จนใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่มาก
“ อยู่กับพี่..ไม่ต้องเก๊กมากก็ได้นะคะ “ เสียงนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง ป่านเบิกตากว้างนิดๆเพราะรู้สึกประหม่าไม่น้อยที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายใกล้มากขนาดนี้
“ ……… “ ป่านนิ่งค้าง
ภูผาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยกยิ้มมุมปากและค่อยๆถอยออกมา
“ แล้วอยู่ที่มหาลัยเป็นยังไงบ้าง เรียนหนักมั้ย “ เขาเปลี่ยนเรื่องคุย ทำให้ป่านกะพริบตาเพื่อเรียกสติของตัวเอง
“ ก็..ก็ดีนะครับ ช่วงนี้งานค่อนข้างน้อยพวกป่านเลยมีเวลาว่างเยอะ “ ป่านบอกยิ้มๆและพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด เหมือนเมื่อกี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งๆที่จริงแล้วหัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอกอยู่แล้ว
“ แล้ว..ป่านมีแฟนรึยัง “ ภูผาถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่แววตานั้นกลับรอคอยคำตอบอะไรบางอย่างซึ่งป่านเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ ทำไมกูอ่านสายตาเขาไม่ออกเลยวะ ปกติเรื่องนี้กูไม่เคยพลาดนะ “ ป่านได้แต่คิดอยู่ในใจด้วยความสงสัยเพราะเขาค่อนข้างที่จะเก่งในเรื่องอ่านสายตาของคนอยู่เสมอ แต่กับคนตรงหน้านั้นป่านไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“ ยังหรอกครับพี่ภู “
“ แล้วมีคนจีบมั้ย “ ภูผายังคงถามต่อ
“ ไม่มีครับ “ ป่านตอบกลับไปทันทีแต่แววตานั้นมีความลังเลเล็กน้อย เพราะถึงมีจริงๆเขาก็คงไม่จำเป็นต้องบอกอีกฝ่ายหรอกมั้ง
“ หรอคะ.. “ ภูผาพูดเพียงแค่นั้นก็เงียบลงไป พร้อมกับสายตาที่อีกฝ่ายมองหน้าเขานิ่งๆ จนป่านเริ่มอยู่ไม่สุขเพราะรู้สึกกดดันแปลกๆ
“ เราไม่ได้เจอกันนานพี่ว่าเรามาทำความรู้จักกันใหม่ดีกว่ามั้ยคะ “ ร่างสูงยื่นข้อเสนอ ป่านเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะเขาเองก็อยากรู้จักอีกฝ่ายให้มากกว่านี้เหมือนกัน
“ พี่ชื่อภูผาเป็นเพื่อนของป๊าเราตั้งแต่สมัยมัธยม อายุก็ประมาณสี่สิบ ไม่เคยมีลูก ไม่เคยแต่งงานและตอนนี้ก็..โสด “ ภูผาแนะนำตัวเองยิ้มๆ
ป่านนิ่งไปนิดเมื่อสบตาที่มีเสน่ห์ของร่างสูง บวกกับความใกล้ชิดที่เขาและภูผานั้นห่างกันไม่มาก มันจึงเกิดการดึงดูดบางอย่าง ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถที่จะละสายตาออกห่างจากร่างสูงได้เลย
“ ตาหนูแล้วค่ะ “ ภูผาพูดขึ้น ทำให้ป่านได้สติและค่อยๆเอาใบหน้าออกห่างออกมา
“ ป่านชื่อป่านเป็นลูกของป๊าครับ อายุก็ยี่สิบเอ็ดปี สถานะตอนนี้ก็..โสดครับ “ ป่านพูดอย่างเขินๆ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเขินคนตรงหน้าด้วย
“ อืม..โสดเหมือนกันเลยเนอะ “ ภูผาพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับเอนตัวไปทางด้านหลังแต่มือของร่างสูงนั้นเอียงไปทางด้านหลังของป่านเล็กน้อยจนดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังโอบป่านแบบหลวมๆอยู่
“ ………… “ ป่านนิ่งเงียบเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไป
“ แล้ว..หนูเคยมีแฟนมั้ย “ ภูผาถามด้วยท่าทีปกติ
“ ก็เคยครับ พึ่งเลิกกันเมื่อสองปีที่แล้ว “ ป่านบอกยิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ฝืนพอสมควรจนภูผาที่มองอยู่รู้สึกได้
“ พี่ถามได้มั้ยว่าเพราะอะไร “ ภูผามองหน้าป่านอย่างจริงจัง ป่านพยักหน้าน้อยๆ
“ เขาบอกป่านว่า..เขาไม่ได้ชอบผู้ชายแล้วและก็..ไม่ได้รู้สึกกับป่านแบบนั้น..อีกแล้ว “ ป่านก้มหน้าลงด้วยความเจ็บปวดเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของเขากับเดย์
“ เป็นเพื่อนหรือรุ่นพี่หรอ “ ร่างสูงยังคงถามต่อ
“ เพื่อนครับ อยู่ในกลุ่มเดียวกันนี่แหละ “ ป่านบอก
“ เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงละ “
“ ผู้ชายครับ “ ป่านบอก พร้อมกับลุ้นไปด้วยว่าท่าทางของภูผาจะรับได้หรือไม่ แต่เท่าที่เขาเห็นก็มีเพียงแค่ใบหน้าเรียบเฉยพร้อมกับพยักหน้ารับฟังในสิ่งที่เขาบอก
“ งั้นเราก็ไม่ได้รังเกียจความสัมพันธ์แบบนี้สินะ “ ภูผาหันไปถามร่างบางด้วยรอยยิ้ม
“ ป่านต้องถามพี่ภูมากกว่านะครับ ว่ารังเกียจอะไรแบบนี้หรือเปล่า “ ป่านพูดสวนกลับไป
“ พี่จะรังเกียจได้ไง ในเมื่อไอธามันก็ชอบผู้ชายแล้วพี่เองก็ชอบผู้ชายเหมือนกัน “ ภูผามองใบหน้าหวานนิ่ง ราวกับจะสื่อสารอะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายรู้
ป่านหยุดชะงักราวกับต้องมนต์สะกดเมื่อเห็นแววตาคู่สวยของภูผาที่มองมาที่ตน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจของป่านเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง จนป่านเผลอยกมือขึ้นมาจับไปที่หัวใจตัวเองด้วยความลืมตัว
“ เป็นอะไรไปคะ “ ภูผาถามด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของคนตรงหน้า ป่านอึกอักเพราะไม่รู้ว่าจะบอกในสิ่งที่เขาเป็นอยู่ว่าอะไร
“ คะ..คือป่าน.. “
“ หนูง่วงรึยังคะ “ ภูผาเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายอึดอัดใจไปมากกว่านี้ ซึ่งก็เป็นการดีต่อหัวใจดวงน้อยๆของป่านเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องไปโรงพยาบาลเพราะโรคหัวใจแน่ๆ
“ ง่วงแล้วครับ “ ป่านตอบทันที
เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ค่อยปลอดภัยต่อหัวใจของเขาเท่าไหร่นัก ถ้าหากเขาคุยกับร่างสูงนานกว่านี้ มีหวังคงต้องแย่แน่ๆ
“ งั้นก็นอนเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่เดินไปปิดไฟเอง “ ภูผายิ้มด้วยความอ่อนโยน พร้อมกับลุกไปปิดไฟตามที่บอก
ป่านเองก็นอนชิดเข้ากับกำแพงด้วยความเกร็ง เพราะตอนนี้เขากำลังสับสนกับความรู้สึกตัวเองอย่างมาก มันเลยทำให้เวลาเขาอยู่ใกล้กับร่างสูง เขารู้สึกแปลกๆ
เมื่อแรงยุบที่ข้างเตียงทำให้ป่านรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงขึ้นมานอนที่เตียงแล้ว นั่นมันก็ยิ่งทำให้ป่านเกร็งมากกว่าเดิม
“ นอนสบายหรือเปล่า “ ภูผาถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ ก็..สบายครับ สบายมาก “ ป่านรีบตอบทันที
“ สบายจริงๆหรอคะ “ ภูผาถามด้วยน้ำเสียงขำขัน ป่านกรอกตามองไปทางภูผาด้วยความสงสัย
“ ก็..สบายสิครับ พี่ภูถามทำไมหรอ “ ป่านกะพริบตามองใบหน้าของร่างสูงผ่านความมืด
“ แล้วทำไมนอนตัวเกร็งเป็นเลขหนึ่งแบบนั้นละ แถมยังห่างกับพี่เยอะมากด้วย นี่เหลือที่จนสามารถให้คนอื่นมานอนเพิ่มได้เลยนะเนี้ย “ เขาพูดอย่างขำๆ
ป่านก้มมองตัวเองทันทีและพบว่าตัวเขานั้นเป็นเหมือนที่อีกฝ่ายพูดจริงๆนั่นแหละ
พรึบ!
ป่านรีบขยับออกห่างจากกำแพงทันทีและพยายามทำตัวสบายๆให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าภายในหัวใจจะเต้นแรงจนเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินก็ตาม
“ หึหึหึ “ ภูผาหัวเราะในลำคออย่างขำๆ
“ หัวเราะอะไรเนี้ยพี่ภู “ ป่านขมวดคิ้วมองใบหน้าของอีกฝ่ายผ่านความมืด
“ ก็หัวเราะเรานั่นแหละ ทำไมต้องเกร็งพี่ด้วยละ นี่เราก็รู้จักกันแล้วนะ ยังต้องกลัวอะไรพี่อีก “ ภูผาหันไปทางป่านแล้วยกยิ้มมุมปาก ซึ่งป่านนั้นก็มองเห็นเพราะสายตาเริ่มชินกับความมืดแล้ว
“ ก็..ไม่รู้อ่ะ “ ป่านหันหน้าหนีอีกฝ่ายทันทีเพราะไม่รู้จะตอบอะไรออกไป
“ หึหึหึ งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยให้เราผ่อนคลายเอามั้ย “ ภูผาถามขึ้น ป่านหันหน้าไปมองด้วยความสงสัย
“ ทำยังไงครับ “
“ ก็แบบนี้ไง “ ภูผาค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือของป่านภายในผ้าห่มแล้วบีบเบาๆ ป่านนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ
“ ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะทำอะไรเราหรอก พี่เป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ทำอะไรในขณะที่เราไม่เต็มใจ “ น้ำเสียงอ่อนโยนของภูผาทำให้ป่านรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก และทั้งคู่ก็ค่อยๆหลับลงไปพร้อมกัน โดยที่คืนนี้เป็นคืนที่ป่านรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยและอบอุ่นมากที่สุดเลยก็ว่าได้
#ใครไม่ถนัดซื้ออีบุ๊กบอกเค้าได้นะคะ เดี๋ยวจะกลับมาติดเหรียญให้เหมือนเดิมค่ะ เผื่อใครอยากอ่านของหนูเดล^^