ดูตัว
ม่อเฉวียนยิ่งหวั่นใจยิ่งกังวล กลับต้องมา ถูกเจียเฟยปลุกปั่น
“เจ้าว่า ข้า เหมือนพวกที่….นิยมบุรุษไหม”
“ตอนนี้ยังไม่ แต่หากว่าฝ่าบาทยังคง เอ่อยังคง..เอ่อถูกเนื้อต้องตัวเสี่ยวเฟยแบบนี้ก็จะกลายเป็นความเคยชินอีกหน่อยก็จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาแล้วก็จะนิยม บุรุษด้วยกัน” ยังปั่นไม่เลิก
ม่อเฉวียนขมวดคิ้ว ท่านหมอพูดไปอีกอย่างเจียเฟยพูดอีกอย่างเขาจะเชื่อใครดี กุมขมับก่อนจะส่ายหน้า
“ข้า เชื่อหัวใจข้าเองดีกว่าไม่ควรเชื่อใครในตอนนี้นอกจากหัวใจตัวเอง”
“แล้วหัวใจฝ่าบาทบอกว่าอย่างไรเล่า”
พาซื่อถาม ไปเพราะไม่คิดว่าจะเข้าตัว
“หัวใจของข้า…บอกข้าว่า อยากจะเข้าใกล้เจ้าเสี่ยวเฟย”
“ม่ายยยยฝ่าบาทแบบนั้นไม่ได้ ฝ่าบาทเป็นถึงฮ่องเต้ยังต้องแต่งตั้งฮองเฮายังต้องมีหน้าที่รับผิดชอบมากมายจะยอมตัดแขนเสื้อตัวเองแบบนี้ไม่ได้ เอาอย่างนี้ ต่อไปให้เป็นหน้าที่ของเสี่ยวเฟย เสี่ยวเฟยจะจัดการเรื่องนี้เอง”
ดวงตาเป็นประกายน้ำเสียงมุ่งมั่น
“ก่อนอื่นเจ้าควรห่างๆ ข้าก่อนจึงดี”
ม่อเฉวียนเอ่ยปากดังๆ เจียเฟยยิ้มก่อนจะถอยออกไป
“แน่นอนเราจะต้องเริ่มตรงที่เราสองคนห่างๆกัน ถูกต้องที่สุด”
ก้าวเดินออกจากห้องไปถอนหายใจโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่แย่เท่าไหร่ อย่างน้อยม่อเฉวียนก็ยังคิดว่าเจียเฟยเป็นบุรุษ นั่นจึงดี ความลับจึงเป็นความลับ ไม่อย่างนั้นสักวันม่อเฉวียนจะต้องจับได้ว่า เจียเฟยเป็นหญิงหากยังใกล้กันแบบนี้ความลับย่อมถุกเปิดเผยสักวันจนได้ เงินก็อยากได้ความลับก็อยากจะปิดไว้เช่นนั้นอย่าให้ใครจับได้เป็นดีที่สุด
“เฮ้อ เจียเฟยเอ๊ยเจียเฟยจะรอดไปกี่น้ำ”
"ฝ่าบาทเพคะ เอี้ยงอูเป็นแม่สื่อตอนนี้ได้นำท่านหญิงจงยี่บุตรีใต้เท้ากงมาเข้าเฝ้าเพคะ"
ม่อเฉวียนเงยหน้าจากกองฎีกา เจียเฟยยืนกุมมือด้านหน้าห่างออกไป
"เสี่ยวเฟยยกน้ำชา"
เจียเฟย ประสานมือก้าวเดินออกห้องไป
"เชอะ มีหญิงงามมาถึงที่ไล่เราออกมาทำสีหน้าเรียบเฉยแต่ความจริงอยากจะตะคลุบนางเสียเต็มที"
บ่นงึมงำออกมา หานตงเงยหน้าขึ้นทันที
"ขันทีน้อยเจ้าพูดกับข้าหรือ"
"พูดกับท่านนั่นแหละ"
"นี่เจ้าว่าข้าว่าข้าจะตะคลุบองค์หญิงอย่างนั้นหรือ เจ้านี่ปากคอเราะร้าย เหมือนๆ ..เหมือนสตรี"
อีกคนที่วันๆใจกับลอยไปหาองค์หญิงรองมู่เฉวียนกลับมองว่าเรื่อวทุกเรื่องเกี่ยวกับเขา
"ท่านเองก็เหมือนกัน"
"นี่เจ้า"ตาเขียวปั๊ด
"องครักษ์ต่ำชั้นอย่าได้มายุ่งกับเสี่ยวเฟยของข้า"
เสียงแหลมเล็กของมู่เฉวียนที่เดินมาคล้องแขนกับแขนของเจียเฟย หันมายิ้มกว้างให้กับเจียเฟย
"ไปก้นเถอะ อย่ามาเสียเวลากับองครักษ์ไร้ค่าเพียงคนเดียว"หานตงก้มหน้า
"องค์หญิง องค์หญิงเสี่ยวเฟยจะต้องยกน้ำชา"
"เจ้าไปยกน้ำชาแทนท่านขันที ส่วนท่านขันที ข้าชวนเขาไปเดินเล่น"หันไปสั่งหานตง
"ตะแต่องค์หญิงฝ่าบาทจะทรงกริ้ว"
"ข้ารับรองพี่ใหญ่ไม่กล้า ไปกับข้าพี่ใหญ่ไม่ยุ่ง น่า… เสี่ยวเฟยข้าคิดถึงเจ้าทั้งคืนเราไปนั่งดื่มชาชมสวนตกปลา กันตามประสาคนรัก"
เสี่ยวเฟยอ้าปากค้างเมื่อมู่เฉวียนดึงแขนให้ตามไป หานตงส่ายหน้าไปมาเดินไปที่ห้องเครื่องอย่างเสียไม่ได้
ร่างอ้อนแอ้นอ่อนหวานของจงยี่ย่อกายลงช้าๆ ก้มหน้าด้วยความเจียมตัว
"จงยี่ถวายพระพรฝ่าบาท"
ม่อเฉวียน มองสำรวจตั้งแต่เรือนผม ใบหน้าทรวดทรงองค์เอว และกิริยาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือใจสั่นอะไรเหมือนเมื่อพบกับเจียเฟยในครั้งแรก ในตอนนั้นเขาตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าขันทีที่เป็นบุรุษทำไมถึงมีใบหน้างดงามขนาดนี้ แต่นี่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นหญิง อีกทั้งยังเป็นหญิงงามเขายังไม่รู้สึกอะไรหรือว่าเขาจะฝักใฝ่เรื่องแบบนั้นจริงๆ เสียแล้ว
"อืม มานี่”
“มาใกล้ๆ ฝ่าบาทสิเจ้าค่ะคุณหนู"
ยายแม่สื่อร่างท้วมใช้พัดในมือแทนมือกวักให้จงยี่เข้าใกล้ๆ ม่อเฉวียน
"ฝ่าบาทเพคะ”
ย่อกายลงงดงาม เรียกให้จงยี่เดินเข้ามาหาแต่แทนที่จะรู้สึกใจสั่นเขากลับเฉยๆ ไม่รู้สึกรู้สมอะไร พรุ่งนี้คงต้องเรียกท่านหมอมาหารือเสียแล้ว
“ เห็นไหมเล่านางอ่อนหวานราวน้ำผึ้งป่า กิริยาเหมือนนางสวรรค์ ผิวพรรณ ผุดผ่องเป็นยองใย"
ม่อเฉวียนเหลือบตาขึ้นมอง
"เจ้า เสวยเย็นพร้อมข้าดีไหม"หานตงยกชุดน้ำชาเข้ามา
ม่อเฉวียนขมวดคิ้ว
"เจ้าขันทีเสี่ยวเฟยไปไหนเสีย"
"เอ่อ เอ่อ อ่าองค์หญิงทรงพาขันทีน้อยเสี่ยวเฟยไปเดินเล่นพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าขันทีคนนี้ ข้าเตือนแล้วยังกล้าขัดบัญชาข้า"
"ฝ่าบาท ข้าน้อยก็บอกแล้วว่าฝ่าบาทจะทรงกริ้วแต่เขาก็ยังไม่ห้ามปรามองค์หญิงอีกทั้งยังยอมไปแต่โดยดี"
"ฝ่าบาทเพคะอย่าทรงกริ้ววันนี้วันดี คุณหนูจงยี่มาให้ฝ่าบาทดูตัว"
ยายอ้วนเอี้ยงอู ทักท้วง
"ไม่ได้ปล่อยไว้เหิมเกริมยิ่งนัก หานตงพาข้าไป"
หาทางหลบเลี่ยงการดูตัวด้วยรู้สึกอึดอัดแม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม