**บทที่ 9
“วันนี้มึงเหม่ออะไร พรุ่งนี้ต้องลงแข่ง ระวังตัวให้ดี” เควินกล่าวขึ้นขณะที่อเดลกำลังตักอาหารเข้าปาก เขาสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยหลังจากที่เขาอ่านจดหมายฉบับนั้น ข้างในคงเป็นข่าวร้ายสินะ “พรุ่งนี้มึงจะรอดไหม ถ้ายังเป็นแบบนี้”
“มึงเป็นไร” เอ็มถามขึ้นบ้าง ทำให้อเดลวางช้อนลง ลุกขึ้นเดินเอาถาดอาหารไปเก็บก่อนจะเดินกับเข้าห้องนอน การกระทำของเขาทำให้ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา
อเดลทิ้งตัวลงบนที่นอน เขาคิดถึงสิ่งที่แฟนสาวเขียนมาในกระดาษ ว่าเธอจะเดินทางไปต่างประเทศ เขาคงไม่สามารถเขียนจดหมายหาเธอได้อีก หรือเธอมีคนอื่น หวังตัดขาดความสัมพันธ์จึงหาเหตุผลอื่นมาอ้างเพื่อตีตัวออก ห่างจากเขา ความคิดฟุ้งซ่าน มันหยุดไม่อยู่ ความกังวลใจหลั่งไหลเข้ามารบกวนจิตใจของเขา อเดลได้แต่ภาวนาอยู่ในใจขอให้สิ่งที่เขาเป็นกังวลไม่ใช่ความจริง ขอให้เธออย่าได้เปลี่ยนใจไปจากเขา รออีกไม่นานเขาก็จะได้เจอกับเธอแล้ว
วันแข่งขันก็มาถึง ทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์ก้องสนามพร้อมการลงพนันกันครึกครื้น นักกีฬาเดินลงมายังสนามแข่ง ทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนลงแข่ง ข้างละสี่คน คุกฝั่งใต้คงเป็นใครไปไม่ได้ ก็ต้องเป็น เควิน และเพื่อนอีกสามคน เควินเดินลงสนามแข่ง อย่างมาดแมน ตัวเขาส่องประกายแสงเจิดจ้าดังพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ชายหนุ่มร่างใหญ่ทั้งสี่คนหันหน้าเข้ามาพูดคุยกันเล็กน้อย เพื่อเน้นย้ำแผนของการเล่นในวันนี้ คู่แข่งเดินลงสนามมาเช่นกัน หัวหน้าคุกเหนือ ไอ้มอล และลูกน้องคนสนิทอีกสามคนเดินตามลงมาอย่างวางมาด เสียงโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วสนามแข่งอีกครั้ง เมื่อทั้งแปดคนยืนเรียงหน้ากระดาน ต่างฝ่ายต่างจ้องกันอย่างเอาตายทำให้เกิดสงครามสายตาย่อยๆ เกิดขึ้น กรรมการตัดสินในการแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือผู้คุม ในเรือนจำนั้นเอง
การแข่งขันเริ่มขึ้น ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผู้ชมทุกคนต่างลุ้นโฮ่ร้องเสียงดัง ไม่นานฝั่งคุกใต้ก็ยิ่งนำทำประตูไปได้ ทำให้ฝั่งคุกเหนือมีความกดดันเป็นอย่างมาก การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด จนจบเกม ผลการตัดสินผู้ชนะคือคุกฝั่งใต้ ด้วยคะแนน 1-0 มอลเดินเข้ามาหาเควิน
“ตามตกลง มึงจะเอาไง”
“ไม่เอาไง ต่างคนต่างอยู่ แต่อย่าลืมสถานะของตัวเองแล้วกัน” เควินพูดจบก็เดินออกจากสนามแข่งในทันที พร้อมเพื่อนทั้งสามคน
“เอาจริงดิ กูคิดว่าจะมีอะไรสนุกมากกว่านี้ กูวิ่งจนเหนื่อยสุดท้ายมีแค่นี้” เอ็มโวยขึ้นมาทันที
“แล้วมึงจะทำไง แบบนี้ก็ดีแล้ว อย่าหาภาระมาใส่ตัวเอง” เควินคิดการณ์ไกล ยังไงมอลก็เป็นคนคุมคุกเหนือ อย่างไรเสียมอลก็ไม่ผิดสัญญา ต่อไปนี้ฝั่งนั้นคงไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายกับพวกเขาอีก
“แล้วแต่มึง กูยังไงก็ได้” เอ็มเอ่ยออกมา
อเดลมองตามหลังเควินที่เดินออกห่างไปไกล ก่อนถอนหายใจ กลับมาคิดถึงเรื่องของคนรักอีกครั้ง
เมเบลเดินทางมาประเทศจีนเพื่อเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน หญิงสาวชอบเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนี้ มีหลายอย่างที่ดึงดูดความสนใจของเธอ คอนโดขนาดใหญ่อาศัยอยู่กับโรสเพียงสองคน การเปลี่ยนแปลงของเมเบลมีหลายอย่าง ที่ต่างออกไป การแต่งตัวปรับบุคลิกภาพของตัวเอง ที่โรสเป็นคนแนะนำปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเมเบล
“ว้าว สวยมาก แกน่าจะเปลี่ยนตั้งแต่เข้ามหาลัยแล้วนะ บางที ผู้ชายคนนั้นอาจหันมาชอบแกบ้างก็ได้” โรสพูดพร้อมจัดแจงเสื้อผ้าให้กับเมเบล
“อืม” เมเบลตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะในหัวของเธอกำลังคิด หาวิธีติดต่อกับอเดล
“อะไรของแก ใจลอยไปถึงไหน”
“ไม่น่าถาม ก็ลอยไปหาคนคนเดียวนั่นแหละ” เมเบลตอบออกมาอย่างไม่เขินอาย ก่อนจะถอนหายใจ โรสไม่ตอบอะไรออกมาเธอถอนหายใจให้กับคำตอบของเพื่อนรักเช่นกัน
เมเบลตัดสินใจส่งโปสต์การ์ดไปให้ชายหนุ่ม พร้อมภาพถ่ายของเธอที่ถ่ายเองกับมือ แล้วเขียนข้อความสั้นๆ ให้กำลังใจแก่เขา ภายในใจของเธอคิดถึงเขาเหลือล้น เฝ้ารอคอยวันที่เจอกันอีกครั้งอย่างทรมาน แต่เธอจะรู้ไหมว่าอเดลทรมานมากกว่า ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอคอยจดหมายของคนที่รักอย่างมีความหวัง
“ยิ้มใหญ่เลยนะ”
“อืม” อเดลมองภาพถ่ายที่หญิงสาวส่งมาให้อย่างมีความสุข อย่างน้อยเธอก็ยังคิดถึงเขา ไม่เคยลืมว่าเขายังมีตัวตนอยู่ อเดลนับวันนับคืนเฝ้ารอคอยวันที่จะได้เจอกัน วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า จวบจนเหลือเพียงไม่กี่เดือนที่ชายหนุ่มจะได้รับอิสรภาพ โปสต์การ์ดของหญิงสาวก็ยังส่งมาหาเขาไม่เคยขาด กำลังใจที่ส่งมาช่วยเติมเต็มหัวใจของเขาให้แข็งแกร่ง
“แกอยู่คนเดียวได้นะ” โรสเอ่ยถามเพื่อน เธอกำลังเก็บของลงกระเป๋าเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดของตน ระยะเวลาที่มาอยู่ที่นี้ก็หลายปี ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับเพราะคุณยายของเธอเสียชีวิต พร้อมด้วยการเรียนก็สิ้นสุดลงแล้ว
“ได้สิ ฉันขออยู่ต่ออีกหน่อย อย่าลืมเรื่องที่ฉันวานให้แกช่วยละ” เมเบลเน้นย้ำสิ่งที่ฝากให้โรสทำ
“ไม่ลืมหรอก ทำไมแกไม่ไปรับเขาเองเลยละ พร้อมสารภาพรักตรงหน้าเรือนจำเลยเป็นไง” โรสออกความคิดเห็นแกมพูดประชดเล็กน้อย
“ฉันมันคนในความลับ”
“อีกไม่นานคงไม่ลับแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจรอรับผลจากการกระทำของตัวเองไว้หรือยัง” โรสยังไม่หยุดพูดประชดเมเบล แต่ทุกอย่างมันก็คือความจริง
“เอ่อน่า ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะรับผิดชอบเอง” เธอพูดคำนี้กับโรสหลายครั้งเพื่อเน้นย้ำความรับผิดชอบของตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าเป็นได้แค่คนนอกสายตา เมื่อเขารู้ความจริง แน่นอนอเดลต้องเกลียดเธอเข้าไส้เป็นแน่ เพราะความผิดพลาดทำอะไรตามใจตัวเอง หักห้ามใจไม่เคยได้ ผลสุดท้าย ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง
“ฉันละเชื่อแกจริงๆ นับถือความรักของแก ผู้ชายเข้ามาจีบมากมาย ดันไม่เลือก ไปรักคนที่เขาไม่รัก มันเจ็บดีไหม”
“เจ็บ แต่ก็มีความสุข”
“มีความสุข แบบไหน”
“ก็ความสุขที่ได้รักไง”
“เบื่อ” โรสไม่เข้าใจความรักของเพื่อนเลยจริงๆ ใครจะมีจิตใจแม่พระเหมือนอย่างเมเบลหาที่ไหนได้ ก็ที่นี่ไง ถ้าเป็นเขาคงไม่มีความอดทนมารอคนหนึ่งตั้งหลายปี แล้วยังไม่รู้อีกว่าเขาจะรักหรือเกลียดตัวเอง เหมือนกำลังเล่นโยนเหรียญ บอกไม่ถูกว่าจะออกมาดีหรือร้าย โรสได้แต่ภาวนาให้อเดลเข้าใจเมเบลและยกโทษให้กับผู้หญิงที่แอบรักเขามาหลายปี