**บทที่ 4
“แน่ใจใช่ไหม ว่าจะไม่ไปหาหมอ” อเดลยิ้มพร้อมเอื้อมมือใหญ่ไปแตะที่หน้าผากของแฟนสาวด้วยความเป็นห่วงก่อนจะขับรถออกไปเมื่อเธอปฏิเสธ
เฟรย่าหลับตาลงเมื่อรถถูกขับออกไปบนท้องถนน ก่อนที่เธอจะหลับไปเพราะความอ่อนล้าของร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนเกือบจะครบ 24 ชั่วโมง
หวี้หว่อ~~~~~~
เสียงไซเรนรถตำรวจ ดังแว่วมาจากด้านหลัง ก่อนจะแซงรถของอเดลขึ้นมาตัดหน้าให้ชายหนุ่มหักเลี้ยวรถจอดเข้าข้างทาง ตำรวจเปิดประตูรถออกมาพร้อมเดินตรงเข้ามายังรถของชายหนุ่ม
“เกิดอะไรขึ้น ทำไม่ตำรวจเยอะแบบนี้” เสียงของเฟรย่าดังขึ้น เมื่อเธอตื่นนอนเพราะได้ยินเสียงไซเรนจากรถตำรวจที่ดังขนาบอยู่ด้านหน้าด้านหลังรถ
“ใจเย็น ไม่มีอะไรหรอก อาจมีเรื่องเข้าใจผิดกัน” อเดลพูดปลอบใจแฟนสาว เพราะเห็นสีหน้าของเธอดูตกใจเป็นอย่างมาก
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกด้านคนขับดังขึ้น อเดลลดกระจกลงพร้อมส่งยิ้มไปให้ตำรวจ “ไม่ทราบมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ผมขอตรวจค้นรถหน่อยนะครับ รบกวนลงมาจากรถด้วยครับ” นายตำรวจยื่นเอกสารการขอตรวจค้นให้กับอเดลดู
“ครับ” อเดลหันหน้ามาคุยกับเฟรย่าทั้งสองคนเดินลงมาจากรถ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ของตนเอง ให้แล้วเสร็จ
“เชิญไปที่โรงพักด้วยนะครับ”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ตำรวจหนึ่งในหกคนเดินถือกล่องสีน้ำตาลใบขนาดกลาง เดินออกมาตรงหน้าของอเดล ข้างในกล่องบรรจุถุงแป้งสีขาว ไม่บอกก็เดาได้ว่าข้างในนั้นคือ ยาไอซ์ ขนาดประมาณเกือบหนึ่งกิโลกรัม สายตาคมมองย้อนกลับไปที่แฟนสาว ใบหน้าสวยซีดเผือด ทั้งสองคนถูกนำตัวมายังโรงพัก
อเดลและเฟรย่าถูกแยกขังในห้องขังของโรงพัก เวลาผ่านไปร่วม สองชั่วโมง ครอบครัวและทนายของชายหนุ่มได้เดินทางมาพูดคุยกับตำรวจเพื่อขอทำเรื่องประกันตัว เขาถูกนำตัวออกมายังด้านนอกพร้อมแฟนสาว ซึ่งเป็นห้องสืบสวนคดี ประตูห้องถูกเปิดออก ชายหนุ่มมีสีหน้าเรียบเฉย เมื่อเจอบิดา พร้อมพี่ชายและทนายประจำตระกูล มีตำรวจอีกสองคนนั่งรวมอยู่กับครอบครัวของเขา
“เดลเป็นไงบ้าง มันเกิดอะไรขึ้น” อเดฟ สาวเท้ายาวประชิดตัวน้องชายไถ่ถามอย่างเป็นห่วงสีหน้าเขาเป็นกังวล ก่อนจะเบนสายตาไปที่หญิงสาวสวยด้านหลังของน้องชาย
“ไม่เป็นอะไรครับ”
“แกจะบอกว่าไม่เป็นอะไรได้ยังไง ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็กจนโต แกไม่เคยมีนิสัยแบบนี้ บอกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามขึ้น
อเดลหันมองแฟนสาวที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนักแล้วถอนหายใจแรง “ผมขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวได้ไหมครับ” เขาหันไปถาม ตำตรวจที่ยืนอยู่ข้าง
ตำรวจพาทั้งสองคนมายังอีกห้องหนึ่ง ซึ่งต้องมีตำรวจคนหนึ่งอยู่ภายในห้องด้วย ทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“เฟรขอโทษ เฟรไม่รู้ว่าข้างในมันคืออะไร เพื่อนฝากมาให้เอาไปให้เพื่อนอีกคน เดล เฟรไม่ได้ตั้งใจ ช่วยเฟรด้วยนะ เฟรไม่อยากติกคุก” หญิงสาวร้องไห้ออกมาพร้อมอ้อนวอนขอร้องแฟนหนุ่ม อเดลเอามือกุมศีรษะ ในหัวว่างเปล่า เขาหลับตาลงช้าๆ นึกคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น สุดท้ายเขาก็ต้องใจอ่อนให้กับเธอ อีกแล้วสินะ
“เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” ชายหนุ่มพูดแล้วก็ลุกเดินเข้ามากุมมือของแฟนสาวเอาไว้คล้ายปลอบใจ “ไม่ต้องห่วง” ก่อนเขาจะเดินออกจากห้อง ตามตำรวจอีกคนไปโดยไม่หันหลังกลับมามองเธอ
“แกว่าไงนะ เรื่องทั้งหมดแกจะรับผิดชอบคนเดียว” บิดาของอเดลตะโกนออกมาเสียงดัง คนทั้งห้องต่างตกใจ “ไอ้ลูกไม่รักดี แก แก นี่แกโง่หรือไง ต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ” พ่อของเขาโกรธจนตัวสั่น ใบหน้าของชายแก่ที่แสนใจดีหดหายไปในชั่วพริบตา เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพ่อโกรธขนาดนี้ ชายหนุ่มได้แต่ก้มหน้า ยอมรับคำด่าทอของผู้เป็นบิดา
“ทำไมแกต้องรับผิดแทนเธอด้วย อนาคตของแกอีกตั้งยาวไกล” อเดฟ พูดเตือนสติน้องชายสุดที่รัก แต่ไม่เป็นผล เมื่อเขาได้ตัดสินใจที่จะปกป้องแฟนสาวของเขาแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะหันหลังกลับไปได้ แค่เห็นคนที่รักต้องทุกข์ทรมานอยู่ข้างในนั้น หัวใจของเขามันก็เจ็บปวดเกินบรรยาย
“ช่างมันเถอะครับ ชีวิตผม ผมเลือกมันแล้ว”
“ดี ในเมื่อแกเลือกแล้ว ฉันจะให้แกได้รับรู้การใช้ชีวิตข้างในนั้นให้สาแก่ใจของแก”
อเดลถูกนำตัวมายังห้องขังเหมือนเดิม ห้องขังของหญิงสาวอยู่ติดกันกับห้องขังของแฟนหนุ่ม เมื่อเธอเห็นเขาเดินเข้ามาเธอรีบเดินเข้ามาเกาะลูกกรงเหล็กทันที
“เดลเป็นไงบ้าง โอเคไหม”
“ไม่ต้องห่วงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มพูดแค่นั้นก็เดินเข้าห้องขังไป
ปัง!!
มือใหญ่ของชายชราตบลงมาบนโต๊ะอย่างแรง เพื่อระบายอารมณ์โกรธ “ไอ้ลูกไม่รักดี เห็นผู้หญิงดีกว่าครอบครัว ฉันขอสั่งแก ห้ามยื่นมือช่วยเหลือมัน ถ้าแกช่วยมันตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับฉันทันที กลับบ้าน!!”
อเดฟเดินตามหลังผู้เป็นพ่อกลับบ้าน เรื่องของน้องชายคงต้องเก็บเอาไปคิดทบทวนว่าจะช่วยเหลือยังไงได้บ้าง เพียงแค่บิดาของเขาออกคำสั่งไม่กี่คำกับตำรวจยศใหญ่ที่โรงพักอเดลก็ถูกปล่อยตัวแล้ว แต่เห็นทีคงยากเมื่อพ่อตัดสินใจแล้ว ใครก็เปลี่ยนความคิดของท่านไม่ได้ ขอโทษนะน้องรัก งานนี้พี่คงช่วยแกไม่ได้
เพี้ย!!!
“งามหน้านัก ฉันสอนแกไม่ดีพอหรือยังไง ถึงได้ทำตัวแบบนี้” เอย่า ตบหน้าบุตรสาวอย่างเหลืออดเมื่อเธอทำผิดแต่กลับไม่ยอมรับผิด “เรียนจบมาแล้วงานการไม่รู้จักช่วยทำ สร้างแต่ปัญหาไม่หยุดหย่อน ฉันจะจัดการกับแกยังไง”
“พอแล้วครับ อย่าตีน้องอีกเลย”
“เรสก็เอาแต่เข้าข้างน้องแบบนี้ทุกที น้องเลยได้ใจ ไม่ต้องมาห้ามแม่”
“พอแล้วครับ ถือว่าผมขอร้อง” ฟรอเรส เอาตัวเข้ามาขวางทางไม่เรียวของแม่เลี้ยง เมื่อเอย่าบอกให้คนใช้นำไม้เรียวมาให้ หญิงวัยกลางคนยืนจับไม้เรียวเนื้อตัวสั่นเต็มไปด้วยความโกรธที่บุตรสาว ไม่เคยอยู่ในกรอบจนวันนี้เป็นเรื่องเป็นราวจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
“เข้าห้องไปสำนึกผิด ห้ามออกจากห้องจนกว่าฉันจะอนุญาต” คำสั่งจากผู้เป็นมารดา ดังก้องไปทั้งบ้าน มือเล็กที่กำชายเสื้อของพี่ชายต่างสายเลือดถูกปล่อยออก ฟรอเรสหันหน้ามามองเฟรย่า พลางเอามือลูบห้วเธอ
“ไม่เป็นไร ขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวพี่คุยกับแม่เอง” เสียงอันอ่อนโยนของพี่ชาย ทำให้เฟรย่าพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเดินหายขึ้นไปบนห้องนอน
“แม่ใจเย็นก่อนเถอะครับ”
“จะให้เย็นยังไงไหว ดูน้องสิ วันๆ เอาแต่แต่งตัวเที่ยว ไม่ยอมโตสักที”
“เอาแบบนี้ เดี๋ยวผมพาน้องไปทำงานที่บริษัทด้วยดี ไหมครับ แม่จะได้หายห่วงนะครับ”
“แล้วแต่เรสแล้วกัน เอาใจกันเข้าไป นี้คุณย่ายังไม่รู้เรื่องนะ แม่ไม่อยากจะคิด” เอย่ามีสีหน้ากังวลใจเรื่องบุตรสาวของเธอไม่น้อย ในใจพลานคิดไปต่างๆ นานา ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวของตน