7 ไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นหรอกมั้ง
หลังจากฝึกงานมาหนึ่งสัปดาห์เพื่อนทั้งสามคนก็นั่งอัปเดตถึงการฝึกงานของตนเองบริเวณห้องพักหลังผับที่พวกเธอมาทำงานซึ่งยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะเริ่มงาน
“รุ่นพี่ของน้ำใจดีมากเลย เขาสอนงานได้อธิบายงานน้ำทุกอย่างแล้วของมายด์กับวิเป็นยังไง”
“ของวิรุ่นพี่ก็ใจดีเหมือนกันอาทิตย์หน้าพี่เขาจะออกต่างจังหวัดเขาจะให้วิไปด้วย” วิชัญญาที่ฝึกในแผนกการตลาดบอกกับเพื่อน
“วิออกต่างจังหวัดก็ไม่ได้มาทำงานที่นี่น่ะสิ”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ พี่เขาก็ถามนะว่าวิสะดวกไปกับเขาไหม แต่วิอยากได้ประสบการณ์ก็เลยตอบตกลงไปน่ะ งานที่นี่มาทำเมื่อไหร่ก็ได้”
“น้ำก็เห็นด้วยนะ เพราะประสบการณ์สำคัญมาก เราต้องรีบเก็บเกี่ยวตอนที่ฝึกงาน”
“อือ วิก็คิดอย่างนั้นแหละ ศุกร์หน้ามายด์กับน้ำมาทำกันแค่สองคนนะ”
“ได้สิไม่มีปัญหาเลย แล้วมายด์ล่ะทำงานกับเลขาของเจ้าของบริษัทเป็นยังไงบ้าง”
“ ก็ดีนะพี่น็อตเขาสอนงานมายด์เยอะเลย”
“น้ำได้ยินมาว่าบางครั้งเจ้านายก็ต้องออกไปตรวจงานจากต่างจังหวัดแล้วเขาให้มายด์ไปด้วยมั้ย”
“คนที่ออกไปจะเป็นพี่น็อตมากกว่านะ แต่มายด์ไม่ได้ตามไปหรอกพี่เขาอยากให้มายด์ช่วยดูแลงานทางนี้นะ”
“ฝึกงานที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะพี่ๆ ใจดีมาก จบแล้วอยากทำงานที่นี่เลยแล้วมายด์กับวิล่ะคิดว่ายังไง”
“มายด์ก็อยากที่นี่เหมือนกันแต่ไม่รู้เขาจะเปิดรับสมัครหรือเปล่า”
“หัวหน้าฝ่ายบุคคลบอกว่าอีกสามเดือนข้างหน้าบริษัทจะ เปิดรับพนักงานเพิ่มนะ พวกเรามาสมัครกันไหม” ชยาภรณ์ที่ทำงานในแผนกบุคคลบอกเพื่อนตามที่ตนเองได้ยินมา
“ถ้าแบบนั้นก็ดีเลยที่นี่ ไม่ไกลจากห้องพักด้วย”
“มายด์พูดเหมือนจะอยู่ที่หอพักที่เดิมตลอดเลย เราเรียนจบแล้วนะ น้ำว่าย้ายออกมาอยู่หอที่มันเป็นวัยทำงานดีกว่าไหม”
“มายด์ลืมคิดเรื่องนั้นไปเลยว่าเรียนจบแล้วเราน่าจะต้องย้าย แล้วไปหาเช่าหอพักใหม่ที่ใกล้กับบริษัทที่เราจะทำงาน”
“แต่คงอีกนานเลยนะของพวกเรา จะหางานทำได้งานเดี๋ยวนี้หายากจะตาย” วิชัญญาพูดแล้วถอนหายใจ
“นั่นสิไม่รู้เราจะต้องตกงานกันนานกี่เดือนนะ เห็นรุ่นพี่บางคนเคยเล่าให้ฟังว่ากว่าจะหางานได้ก็ปาไปหกเดือนแล้ว วิไม่อยากเป็นแบบนั้นเลยเรียนจบแล้วก็อยากจะรีบทำงาน”
“พ่อกับแม่น้ำให้เวลาน้ำหางานที่กรุงเทพฯสามเดือนถ้าน้ำยังหางานไม่ได้ถ้าจะให้น้ำกลับไปช่วยทำงานที่บ้านน่ะ”
“ทำงานที่บ้านก็ดีนะน้ำ”
“แต่น้ำไม่ชอบงานแบบนั้นเลยนะมายด์” บ้านของชยาภรณ์เปิดกิจการขายปุ๋ยและอุปกรณ์ทางการเกษตรอยู่ที่ลพบุรีจะหญิงสาวไม่ชอบงานแบบนั้นก็เลยต่อรองกับมารดาว่าจะขอหางานที่กรุงเทพก่อนถ้ายังไม่ได้งานภายในสามเดือนก็คงจะต้องกลับไปช่วยงานที่บ้าน
“แต่น้ำเป็นลูกคนเดียวนิไม่ว่ายังไงสุดท้ายแล้วน้ำก็ต้องกลับไปช่วยงานพ่อกับแม่อยู่ดี”
“อันนั้นน้ำก็รู้นะมายด์แต่น้ำอยากหาประสบการณ์ก่อนที่จะกลับไปอยู่ที่บ้าน น่าเบื่อตายเลยนะน้ำอยากใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่ก่อน”
ทั้งสามสาวนั่งคุยกันจนกระทั่งถึงเวลาเปิดร้านก็เติมได้กันอีกคนละนิดหน่อยก่อนจะออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง
คืนนี้คนมาใช้บริการค่อนข้างแน่นกว่าทุกคืนคงเป็นเพราะเป็นช่วงเงินเดือนออกทำให้ลูกค้ามีกำลังซับที่จะจ่ายมากกว่าปกติ
นลินภัสร์ให้บริการลูกค้าไปตามปกติโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าบริเวณชั้นสองของร้านตอนนี้มีใครกำลังมองดูการทำงานของเธอด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าผู้ชายที่จ่ายเงินค่าเครื่องดื่มนั้นจะนั่งใกล้ชิดกับเธอมากจนเกินไปอีกทั้งมือของเขาก็จับบนเข่าและโอบเธออยู่หลายครั้ง
ศรุตรู้สึกขัดใจที่เห็นแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ลงมาห้ามหรือเรียกให้นลินภัสร์ออกมาจากตรงนั้นเพราะถือว่าเป็นงานที่เธอสมัครใจมาทำเอง แต่เขาก็ไม่อยากให้หญิงสาวทำงานแบบนี้เลย แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะเอ็นดูเธอเพราะเห็นว่าเธอเป็นหลานสาวของยายสนและตอนนี้เธอก็ไม่มีผู้ปกครองก็เป็นได้
“มีอะไรวะศรุตกูเห็นมึงมองไปด้านล่างบ่อยเกินไปแล้วนะ” รัชพลถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนมองไปทางด้านล่างอยู่บ่อยๆ
“กูก็มองไปเรื่อยๆ”
“กูว่ามึงกำลังมองเด็กในร้านอยู่นะ เรียกขึ้นมาบริการสักหน่อยดีไหม” ปองคุณเพื่อนอีกคนเสนอ
“ไม่ล่ะกูไม่ชอบกูอยากคุยกับพวกมึงมากกว่า แต่ถ้าพวกมึงสนใจจะเรียกของมาบริการกูก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ไม่ต้องเรียกมาเผื่อกู”
“ทำไมวะเบื่อผู้หญิงแล้วเหรอ”
“ก็ไม่เชิงเบื่อหรอก”
“ถ้างั้นก็เรียกมาสิ คนนั้นเป็นไงคนที่กำลังเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์น่ะ” ปองคุณหมายถึงนลินภัสร์ที่กำลังเดินกลับมายังหน้าเคาน์เตอร์
“เฮ้ยไม่ได้นะ”
“ทำไมล่ะ”
“นั่นเด็กฝึกงานที่บริษัทกู กูไม่อยากให้เขารู้ว่ากูมาเที่ยวแบบนี้เขาก็ไม่เคารพกันพอดี”
“มึงก็รู้ว่าเด็กฝึกงานบริษัทมึงทำงานอยู่ที่นี่แล้วมึงจะชวนกูมาทำไมวะ”
“กูอยากเห็นไงว่าเขาทำงานเป็นยังไง”
“แน่ใจนะว่าอยากเห็นเขาทำงานไม่ใช่ว่าแอบตามเขามาเพราะอยากจะจับผิดเขา”
“กูจะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะ”
“แต่กูว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น มึงสนใจน้องเขาใช่ไหม” รัชพลถามอย่างรู้ทันเพราะเขาเห็นว่าศรุตมองไปทางผู้หญิงคนนั้นบ่อยมาก
“กูไม่มีอะไรจะบอกมึงหรอกนะ”
“แต่กูเห็นสายตามองน้องผู้หญิงคนนั้นนานแล้ว กูว่ามึงชอบเขา”
“คนไหนวะ” ปองคุณถามเพราะตอนนี้มีผู้หญิงอยู่หน้าเคาน์เตอร์หลายคน
“ก็คนนั้นไงล่ะ ริมสุดน้องเขาขาวสวยเอ็กซ์ขนาดนั้นสเปกไอ้ศรุตชัดๆ เลย”
“เออว่ะ ทั้งสวยทั้งหุ่นดีเลย เรียนปีไหนแล้ววะบรรลุนิติภาวะหรือยังกูไม่อยากไปประกันตัวมึง” ปองคุณหันมาถาม
“ปีสี่แล้ว”
“งั้นรออีกแป๊บเดียว เดี๋ยวน้องเขาก็เรียนจบจากนั้นมึงค่อยจัดการน้องเขาก็ได้จะได้ไม่เสียการปกครอง” รัชพลเสนอ
“ไม่ได้หรอกเพราะเรียนจบแล้วกูจะให้เขาทำงานเป็นผู้ช่วยกู”
“แล้วน็อตล่ะ”
“กูจะให้น็อตไปประจำที่เวียดนามซักครึ่งปีน่ะ ให้ที่นั่นอยู่ตัวแล้วค่อยกลับมาช่วยงานฉันที่นี่ต่อ”
“ถ้างั้นก็ดีสิว่ะจะได้ใกล้ชิด นี่มึงจองตัวของตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยเหรอวะ”
“กูไม่ได้จองตัว เขาต่างหากที่ขอมาทำงานกับกู มึงจำเรื่องที่กูบอกว่ามีพนักงานคนหนึ่งกู้เงินไปแล้วเขาเสียชีวิตได้มั๊ย” ศรุตเคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังตั้งแต่ยายสนเสียชีวิตไปไม่กี่วัน
“จำได้สิแล้วมึงมาพูดถึงเรื่องนี้ทำไม มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็เด็กคนนั้นเป็นหลานสาวของยายที่เสียชีวิตไป กูเรียกเขามาคุยเรื่องหนี้ที่ยายเขาติดบริษัทอยู่ เขาก็เลยขอให้กูรับเข้าทำงานเพื่อที่จะหักเงินเดือนนะ”
“หนี้ตั้งเยอะกี่ปีวะกว่าจะใช้หมด”
“ก็คงหลายปีอยู่ละมั้ง” ศรุตตอบเขาไม่ได้คิดว่านลินภัสร์จะต้องทำงานใช้หนี้เขากี่ปี เขาแค่อยากให้หญิงสาวมีงานทำมากกว่าจะสนใจหนี้สินที่เธอติดอยู่กับบริษัท
“แต่กูว่าถ้าน้องเขามาทำงานแบบนี้อีกไม่นานก็น่าจะมีเงินใช้หนี้มึงนะ ไอ้เสี่ยที่เรียกน้องไปน่ะกูรู้จักดีคนนี้ชอบเลี้ยงศึกษาไว้ ถ้าเขาสนใจเด็กของมึงขึ้นมาเงินแค่สี่แสนมันจิ๊บจ๊อยสำหรับเขามาก” รัชพลพอจะรู้จักเสี่ยคนนั้นอยู่บ้างและสิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง
“แต่กูว่ามายคงไม่ทำยังงั้นหรอก” ศรุตแก้ตัวแทนเพราะดูแล้วนลินภัสร์ไม่น่าจะทำแบบนั้น
“มันก็ไม่แน่นะมึง กูไม่ได้ดูถูกนะแต่ผู้หญิงบางคนสมัยนี้ก็รักความสบายโดยไม่สนใจความถูกต้องเท่าไหร่ ยิ่งเสี่ยกระเป๋าหนักพวกนี้มีเมียอยู่แล้ว พวกเธอยิ่งชอบเพราะกว่าพวกเขาจะหลบหนีเมียมาหาเธอได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ ถ้ามึงไม่อยากเสียของดีไปมึงก็ยื่นข้อเสนอให้เขาเลยสิวะ” ปองคุณเสนอเพราะดูแล้วเพื่อนของตนก็สนใจเธออยู่ไม่น้อย