13 ฉันเป็นผู้ชาย
“ตื่นเต้นหรือมายด์” ศรุตหันมาถามนลินภัสร์หลังจากคาดเข็มขัดนิรภัยและกัปตันประกาศกำลังเทคอ๊อฟ
“ค่ะคุณศรุตนี่เป็นครั้งแรกที่มายด์ได้นั่งเครื่องบินค่ะ”
การเดินทางครั้งนี้ศรุตเลือกเดินทางด้วยตั๋วบิสสิเนสคลาสเพราะเขาเป็นคนตัวสูงถ้าจะให้ไปนั่งชั้นประหยัดก็จะเมื่อยขามากๆเดิมทีนลินภัสร์ไม่ยอมมานั่งบิสสิเนสคลาสกับเขา ทำให้เขาต้องบอกว่าที่ให้เธอมานั่งด้วยเพราะบางครั้งอาจต้องคุยเกี่ยวกับงานหญิงสาวถึงยอมมานั่งด้วย
ชายหนุ่มสังเกตว่าเธอนั่งนิ่งและเริ่มมีเหงื่อซึมบริเวณใบหน้าก็รู้ว่าการชวนเธอคุยไม่ได้ผลเลยสักนิด เขาจึงเอื้อมมือไปจับมือของนลินภัสร์ไว้แล้วบีบเบาๆ เขารู้สึกว่ามือของเธอนั้นเย็นเฉียบ
“ไม่ต้องกลัวนะมายด์ ฉันอยู่ตรงนี้ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลย” เขาพยายามพูดให้เธอหายกลัว
มือใหญ่ที่กุมไว้ส่งผ่านความอบอุ่นให้กับนลินภัสร์เธอมองหน้าเขาเหมือนต้องการความมั่นใจว่าการเดินทางไปครั้งนี้มันจะปลอดภัย
“มายด์กลัวมากจริงๆ ค่ะคุณศรุต” มือของเธอบีบมือของเขาอยากให้เขารับรู้ว่าตัวเธอกลัวมากและไม่อยากให้เขาปล่อยมือ
“ไม่ต้องกลัวนะ มันปลอดภัยจริงๆ เชื่อฉันเดี๋ยวพ่อกัปตันเอาเครื่องขึ้นแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยเธอแทบจะไม่รู้สึกเลยแหละว่าตัวเองนั่งอยู่บนเครื่องบิน”
แล้วมันก็เป็นอย่างที่ศรุตบอกเมื่อเวลาผ่านไปสักพักเธอก็รู้สึกดีขึ้น
“มายด์ไม่คิดว่ามายด์โอเคแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณศรุต” หญิงสาวพูดก่อนจะคลายมือออกจากมือใหญ่และดึงออกช้าๆ
ศรุตมองหน้าเธอแล้วยิ้มจากนั้นก็ปรับที่นั่งให้เอนลงเล็กน้อย
“ฉันว่าอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเกาหลีนอนพักก่อนดีไหม”
ศรุตหลับตาลงแต่นลินภัสร์นั้นตื่นเต้นจนนอนไม่หลับตลอดระยะเวลาเดินทางหญิงสาวมองไปนอกหน้าต่างสลับกับหันมามองหน้าคนที่นอนหลับตาข้างๆ รู้สึกดีมากๆ ที่มีเขาเดินทางมาด้วย เพราะถ้าหากต้องให้เธอนั่งเครื่องบินคนเดียวมีหวังได้เป็นลมก่อนถึงที่หมายอย่างแน่นอน
เมื่อเดินทางมาถึงเขาก็พาเธอเช็กอินเข้าโรงแรมจากนั้นก็พาเธอเดินทางไปยังโรงงานที่เขาติดต่อไว้โดยใช้บริการรถรับส่งของทางโรงแรม
เมื่อไปถึงโรงงานเข้าก็เข้าชมโรงงานและดูขั้นตอนการผลิตของเครื่องสำอางตลอดทั้งวัน พอช่วงเย็นเจ้าของโรงงานก็พาศรุตและนลินภัสร์ไปทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งก่อนจะกลับมาที่โรงแรมในเวลาเกือบจะสามทุ่ม
ห้องที่ศรุตเลือกพักในครั้งนี้เป็นห้องสวีทมีสองห้องนอนแยกกันอย่างชัดเจนและมีพื้นที่ส่วนกลางไว้สำหรับการคุยงาน
ตลอดทั้งวันเขาและนลินภัสร์เหนื่อยมากๆ พอถึงห้องต่างก็เหนื่อยด้วยกันทั้งคู่
“พรุ่งนี้เช้าไม่ต้องรีบตื่นก็ได้นะมายด์ ฉันว่าจะออกจากเจอกันสักสิบโมงเช้านะ พรุ่งนี้เราจะใช้บริการรถสาธารณะเธอโอเคไหม”
“ไม่มีปัญหาค่ะ เราต้องเดินเยอะมากใช่ไหม”
“ก็น่าจะอย่างนั้น เธอเตรียมรองเท้าผ้าใบมาหรือเปล่า”
“เตรียมมาค่ะ”
“ถ้างั้นคืนนี้ก็ไปพักเถอะ”
เมื่อกลับเข้ามาถึงห้องนอนนลินภัสร์ก็รีบอาบน้ำเพราะเธอเองก็รู้สึกเหนื่อยมากๆ พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายและรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งในเวลาแปดนาฬิกาหญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัวและออกไปเดินเล่นบริเวณรอบๆ โรงแรมก่อนจะกลับมาอีกครั้งในเวลาสิบนาฬิกาตามที่นัดกับศรุตไว้
“ไปไหนมาแต่เช้านะมายด์”
“มายด์ออกไปเดินเล่นรอบๆ โรงแรมค่ะ อากาศกำลังดีเลย”
“หิวหรือยังล่ะ จะนั่งพักก่อนไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราไปทานข้าวกันเลยก็ได้ค่ะ จะได้รีบไปทำงาน”
ทั้งสองลงมาทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรมจากนั้นก็ขอแผนที่รวมถึงตารางการเดินรถของที่นี่จากทางโรงแรม ก่อนจะพากันออกไปสำรวจร้านเครื่องสำอางเพื่อจะเอาเป็นแนวทางสำหรับร้านของบริษัทที่กำลังจะเปิดในอีกไม่ช้า
ตลอดทั้งวันศรุตและนลินภัสร์เข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนนับไม่ถ้วนว่าเข้าไปกี่ร้านแล้ว ทั้งสองกลับมายังโรงแรมอีกครั้งในเวลาเย็น
“เหนื่อยไหม”
“นิดหน่อยค่ะ ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีร้านเยอะขนาดนี้ มายด์ว่าเราเดินยังไม่ถึงครึ่งเลยนะคะ”
“แต่ฉันว่ามันคุ้มนะเราได้เห็นไอเดียตกแต่งร้านเยอะเลย”
“ข้อนี่มายด์เห็นด้วยนะคะ แต่ละร้านตกแต่งเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองถ้าเราเอาไปปรับใช้ก็น่าจะดึงดูดลูกค้าได้เยอะเลย”
“ฉันคิดไม่ผิดเลยที่พาเธอมาด้วย ว่าแต่ตอนนี้หิวหรือยังล่ะ”
“มายด์ยังไม่หิวค่ะ”
“เธออยากจะกินอะไรเย็นนี้ฉันให้เธอเลือกเลย”
“มายด์อยากลองไปกินร้านอาหารตามข้างทางค่ะ คุณศรุตจะไปกินกับมายด์ด้วยมั้ย”
“ได้สิไม่มีปัญหา อาบน้ำแต่งตัวซักครึ่งชั่วโมงทันไหมล่ะ”
“ทันค่ะ” หญิงสาวรีบกลับเข้ามาอาบน้ำจากนั้นทั้งสองก็พากันมานั่งร้านอาหารริมทางมองบรรยากาศของแม่น้ำฮันยามค่ำคืนที่ดูสวยงามและทำให้ความเหนื่อยตลอดทั้งวันหายไปทีละน้อย
เมื่อทานอาหารอิ่มแล้วศรุตก็ชวนหญิงสาวไปชมวิวกรุงโซลบนนัมซานทาวเวอร์
“วิวบนนี้สวยมากๆ เลยนะคะ คุณศรุตมายด์ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้มีโอกาสมาเที่ยวเกาหลีแบบนี้”
“มีที่อื่นในเกาหลีอยากไปเที่ยวไหมล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปเที่ยวก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแค่นี้สำหรับมายด์มันก็มากเกินไปแล้ว พรุ่งนี้เราต้องไปดูร้านเครื่องสำอางกันอีก ปกติแล้วถ้าคุณศรุตมาเกาหลีกับคุณกับพี่น็อต คุณศรุตมาเที่ยวแบบนี้มั้ยคะ”
“ถ้าฉันมากับน็อตส่วนใหญ่เราจะไปนั่งดื่มกันในบาร์มากกว่า ถ้าผู้ชายสองคนมาเที่ยวสถานที่แบบนี้เธอว่าคนอื่นจะมองยังไงล่ะ”
“คนอื่นจะมองยังไงก็ไม่เห็นไม่เห็นจะต้องสนใจเลยนี่คะ ผู้ชายจะเที่ยวด้วยกันมันก็ไม่แปลกหรอกค่ะ”
“ถ้าคนที่เที่ยวด้วยกันเขาเป็นคู่รักกันฉันก็ว่ามันไม่แปลก แต่ฉันกับน็อตไม่ได้เป็นแบบนั้น หรือเธอคิดว่าฉันกับเขาเป็นคู่รักกัน”
“เปล่านะคะมายด์ไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย”
“แต่หน้าตาเธอเหมือนกำลังสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับน็อตอยู่นะ”
“มายด์ก็แค่สงสัยนิดหน่อยเองค่ะ”
“สงสัยอะไรล่ะ”
“ก็ตั้งแต่ไม่รู้จักคุณศรุต มายด์ไม่เคยเห็นคุณพาผู้หญิงคนไหนมาที่คอนโดหรือออกไปค้างกับผู้หญิงที่ไหนเลย ส่วนใหญ่คุณจะไปกับพี่น็อต มายด์ก็เลยคิดว่าบางทีคุณกับพี่น็อตอาจจะไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้องธรรมดาก็ได้”
“เธอน่าจะคิดมากเกินไป ช่วงนี้ฉันไม่มีผู้หญิงเข้ามาใกล้ ก็เพราะว่าฉันมีงานที่จะต้องจัดการเยอะน่ะ เธออยากพิสูจน์ไหมล่ะว่าฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่งหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะมายด์ไม่ได้อยากพิสูจน์อะไรทั้งนั้น มายด์ก็แค่สงสัยเฉยๆ”
“แต่ฉันว่าบางทีความสงสัยของเธอจะหมดไปถ้าฉันพิสูจน์ให้เธอรู้ว่าฉันเป็นผู้ชายทั้งนะ”
พูดแล้วก็เดินมาใกล้ๆ หญิงสาวแล้วกอดเธอจากด้านหลังวางคางลงบนไหล่
“คุณศรุตปล่อยมายด์นะ คนเยอะแยะจะมาทำแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวพยายามจะดันเขาออก
“อย่าดิ้นสิมายด์ ถ้าเธออยู่เฉยๆ ก็จะไม่มีใครสังเกตอะไรแต่ถ้าเธอดิ้นหรือส่งเสียงดังกับฉันจะกลายเป็นจุดสนใจเอานะ”
“แล้วคุณจะมากกอดมายด์ทำไม”
“ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันเป็นผู้ชาย”
“มายด์เชื่อค่ะ คุณปล่อยมายด์ก่อนได้ไหมคะ”
“ข้างบนนี้หนาวจะตายฉันว่ากอดกันไว้แบบนี้อุ่นดีออกนะ”
นลินภัสร์ตัวแข็งทื่อ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าศรุตจะกล้ากอดเธอในสถานที่เปิดแบบนี้ หญิงสาวใจเต้นแรงจนกลัวว่าจะได้ยิน เธอยอมรับว่ารู้สึกดีและอบอุ่นมากที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาท่ามกลางบรรยากาศที่โรแมนติกแบบนี้