11 เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ
ศรุตพานลินภัสร์มาทานอาหารที่ร้านไม่ห่างจากคอนโดมากนัก เมื่อทานอาหารเสร็จเข้าก็พาหญิงสาวไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผลที่เข่า
ชายหนุ่มนั่งรออยู่นอกห้องขณะที่เธอเข้าไปล้างแผล เมื่อทำแผลเสร็จแล้วขณะที่นลินภัสร์ไปรับอุปกรณ์ทำแผลและเดินกลับมายังจุดที่ศรุตนั่งอยู่ แต่ยังเดินมาไม่ถึงหญิงสาวก็บังเอิญได้เจอกับหมอคนหนึ่งที่เคยรักษาคุณยายของเธอเมื่อหลายเดือนก่อน
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“สวัสดีมายด์ เป็นอะไรทำไมมาโรงพยาบาลล่ะ”
“มายด์หกล้มมีแผลนิดหน่อยค่ะ แล้วคุณหมอล่ะคะมาทำไมที่นี่”
“ผมมาออกตรวจที่นี่ แล้วเป็นยังไงบ้างตอนนี้สบายดีใช่ไหม”
“มายด์สบายดีค่ะ”
“เราไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้วใช่ไหม”
“ก็ตั้งแต่งานศพคุณยาย ขอบคุณคุณหมอมากๆ นะคะที่ช่วยดูแลคุณยายตลอดแล้วยังไปร่วมงานคุณยายด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ว่าแต่มายด์เถอะ ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ มายด์รู้ว่าเกิดแก่เจ็บตายมันเป็นเรื่องธรรมดาแต่ช่วงนั้นก็แย่เหมือนกันค่ะ”
“ผมว่าหน้าตามายด์ดูสดใสขึ้นมาก”
“มายด์ทำใจได้แล้วค่ะ”
“แล้วนี่ทำแผลเสร็จแล้วจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า”
“ค่ะมายด์จะต้องรีบกลับเลย คุณหมอมีอะไรหรือเปล่า”
“อยากจะชวนมากินข้าวด้วยกันสักมื้อน่ะ มายด์ยังใช้เบอร์เดิมใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้ายังไงวันไหนผมว่างผมจะโทรหานะ”
“ได้ค่ะ ถ้างั้นมายด์ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” นลินภัสร์ยกมือไหว้คุณหมอวัยกลางคนก่อนจะเดินไปหาศรุตที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้หน้าห้องทำแผล”
“ไปกันเถอะค่ะคุณศรุต”
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“เมื่อกี้เธอคุยกับใครเหรอมายด์” ศรุตถามหลังจากขับรถออกมาจากโรงพยาบาล
“เขาเป็นคุณหมอที่เคยรักษาคุณยายของมายด์ค่ะ”
“ดูเธอสนิทกับเขานะ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ เราเจอกันทุกวันตอนที่ยายป่วยแต่ตั้งแต่ยายเสียก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย คุณหมอเขาเลยจะชวนมายด์ไปทานข้าวค่ะ”
“แล้วเธอตอบตกลงเขาหรือเปล่าล่ะ”
“มายด์ยังไม่ได้ตอบตกลงหรอกค่ะ หมอเขาจะโทรมาหาใหม่อีกที”
“เขามีเบอร์โทรศัพท์เธอด้วยเหรอ”
“มีค่ะ ตอนนั้นคุณยายไม่สบายมายด์ต้องไปเรียนเขาก็จะคอยโทรบอกอาการของยายให้รู้ค่ะ”
ศรุตฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะปกติแล้วหมอส่วนใหญ่จะไม่โทรรายงานอาการของคนไข้ให้ญาติทราบนอกจากทางญาติจะโทรมาติดต่อและส่วนใหญ่คนที่จะตอบคำถามก็มักจะเป็นพยาบาลประจำวอร์ดเท่านั้น
เขามั่นใจเลยว่าคุณหมอหนุ่มคนนั้นกำลังจะจีบนลินภัสร์อย่างแน่นอนและดูท่าทางแล้วนลินภัสร์เองก็ชื่นชมคุณหมอคนนั้นมากอยู่เหมือนกัน
“แล้วถ้าถึงวันที่เขาโทรจริงๆ เธอจะออกไปทานข้าวกับเขาหรือเปล่าล่ะ”
“ก็ต้องดูก่อนค่ะว่ามายด์ว่างหรือเปล่า แต่จริงๆ มายด์ก็อยากออกไปทานข้าวกับเขานะคะ อยากเลี้ยงข้าวเขาสักมื้อเป็นการตอบแทนที่เขาช่วยดูแลคุณยายอย่างดี”
“ดูเหมือนเธอจะชื่นชมหมอคนนี้มากๆ นะ”
“ใช่ค่ะมายด์ชื่นชมเขามากๆ เขาเป็นหมอที่เก่งและใจดี แต่มายด์ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเป็นอย่างอื่นเลยนะคะ ถึงแม้เขาจะหล่อและใจดีมากๆก็เถอะ”
“ทำไมถึงไม่คิดอะไรกับเขาล่ะ ฉันว่าเขาหล่อและดูดีมากๆเลยนะ”
“มายด์ไม่เถียงหรอกค่ะ ว่าเขาหล่อและดูดีแต่เขาไม่เหมาะสมกับมายด์เลยสักนิด”
“เพราะอะไรถึงไม่เหมาะสมล่ะมายด์ เธอก็สวยเขาก็หล่อดูเหมาะสมกันดีนะ ถ้าหากเขาจะมาจีบเธอก็น่าจะเปิดโอกาสให้เขา”
“คุณศรุตก็พูดไปเรื่อยใครเขาจะมาจีบเด็กกะโปโลอย่างมายด์กันคะ”
“เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะมายด์ อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบเธอกำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แล้ววัยนี้บางคนก็เริ่มจะมีแฟนมีครอบครัวหรือที่เธอไม่สนใจคุณหมอคนนั้นเพราะเธอมีแฟนอยู่แล้ว”
“ตอนนี้ไม่มีค่ะ”
“หมายถึงแต่ก่อนมีเหรอ”
“ใช่ค่ะ มายด์เคยมีแฟนค่ะ เขาเป็นรุ่นพี่เรียนอยู่คณะวิศวะแต่ก็เลิกกันไปนานแล้ว จากนั้นใหม่ก็ไม่มีแฟนอีกเลย”
“เพราะอะไรล่ะ”
“เพราะว่ามายไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระน่ะสิคะ ไหนจะต้องทำงานพิเศษ ไหนจะต้องรีบเรียนให้จบ มายด์ก็เลยคิดว่าไม่มีแฟนน่าจะดีกว่า”
“แต่ตอนนี้เธอกำลังจะเรียนจบแล้วนะ”
“ตอนนี้ยิ่งไม่อยากมีแฟนไปใหญ่เลยค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็มายด์เป็นหนี้มากถึงสี่แสนใครที่ไหนเขาจะมาคบคุณเป็นหนี้อย่างมายด์ล่ะคะ”
“ฉันว่าเธอคิดมากเกินไปแล้วนะ คนเราถ้าคบกันด้วยใจเรื่องเงินทองก็ไม่ใช่ปัญหาเลย”
“เพราะคุณศรุตมีเงินทองมากมายก็เลยไม่คิดว่าตรงนี้มันไม่ไม่ใช่ปัญหา แต่สำหรับคุณที่เขาไม่มีเรื่องเงินมันเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ”
“แล้วถ้าเกิดเธอยังใช้หนี้ไม่หมด เธอไม่อยู่เป็นโสดไปตลอดเลยเหรอมายด์”
“ใช่ค่ะมายด์คิดว่าจะเริ่มเปิดใจมีแฟนอีกครั้งหลังจากที่มายด์ใช้หนี้คุณศรุตหมดแล้ว”
“มันอีกตั้งหลายปีเลยนะ”
“หลายปีก็ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ”
“เธอแน่ใจเหรอว่าตัวเองจะทำได้อย่างที่พูดจริงๆ”
“แน่ใจค่ะ ตราบใดที่มายังใช้หนี้ไม่หมดมายด์จะไม่มีแฟน”
“แต่เธอจะไม่บอกเรื่องหนี้กับเขาก็ได้นะมายด์”
“มายด์ไม่อยากปิดบังค่ะ อีกอย่างถ้ายังเป็นหนี้อยู่การใช้จ่ายต่างๆ ก็ต้องคิดให้รอบคอบขึ้น แต่การมีแฟนมันต้องออกไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ มายด์อยากเก็บเงินใช้หนี้มากกว่าค่ะ”
“ดูเหมือนฉันจะทำให้เธอลำบากนะ”
“ไปลำบากหรอกค่ะยังไงมายด์ก็เต็มใจใช้หนี้ เพราะถ้ายายรู้ยายคงไม่สบายใจมากๆ แน่ค่ะ”
“ฉันก็อยากช่วยเธอนะมายด์ เอาแบบนี้ไหมล่ะฉันจะให้เงิน ไปใช้หนี้คืนบริษัทแล้วเธอค่อยมาผ่อนที่ฉันดีไหม”
“มันก็ไม่ต่างกันเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บริษัทหรือเป็นหนี้คุณศรุตเจ้าหนี้ก็คือคนคนเดียวกัน คุณศรุตไม่ต้องทำให้มันยุ่งยากหรอกค่ะ มายด์ใช้กับบริษัทก็ได้”
“เธอไม่กลัวคนอื่นในบริษัทจะรู้เรื่องหนี้ของเธอเหรอ เพราะถ้าหากเธอมาเริ่มงานที่นี่ก็ต้องทำเรื่องไปให้ฝ่ายบัญชีหักเงินเดือนของเธอ”
“คนอื่นรู้ก็เรื่องของคนอื่นสิคะ”
“เธอจะไม่อายใช่ไหม”
“จะต้องอายทำไมคะ ถ้ามายด์เอาเงินไปแล้วไม่ยอมใช้หนี้นั่นต่างหากที่ต้องอายค่ะ”
“เธอนี่มองโลกในแง่ดีเหมือนกันนะ” ศรุตรู้สึกว่าการได้คุยกับนลินภัสร์นั้นทำให้เขาได้พลังงานบวกมาจากตัวเธอมากๆ