10 อยู่ที่นี่ไปก่อน
หลังจากจัดการเรื่องแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ศรุตก็กลับมายังหอพักของนลินภัสร์อีกครั้ง จากนั้นเขา นลินภัสร์และชยาภรณ์ก็ช่วยกันเอาของใช้ที่จำเป็นใส่หลังรถส่วนบางอย่างเธอก็ฝากไว้ที่ห้องของชยาภรณ์ก่อน
“เธอไปรอฉันในรถก่อนนะมายด์ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนของเธอนิดหน่อย”
“ค่ะคุณศรุต”
เมื่อนลินภัสร์เดินเข้าไปนั่งรอในรถแล้วศรุตก็เดินมาคุยกับชยาภรณ์
“คุณศรุตมีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันอยากให้เรื่องที่มายด์กับฉันรู้จักกันเป็นความลับเธอจะไม่บอกเรื่องนี้กับเพื่อนคนอื่นได้ไหม”
“ถึงคุณศรุตไม่สั่งน้ำก็จะไม่บอกคนอื่นค่ะ แต่กลุ่มเราเพื่อนสนิททั้งหมดสามคนยังมีวิอีกคนหนึ่งน้ำขอเล่าเรื่องนี้ให้วิฟังได้ไหมรับรองว่าเราสามคนจะเก็บทุกอย่างเป็นความลับ”
“ถ้าเธอมั่นใจว่าเพื่อนของเธอจะเก็บความลับเรื่องนี้อยู่ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่กับคนอื่นที่ไม่สนิทก็อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้ออกไปแล้วฉันฝากดูด้วยว่าระหว่างนี้ผู้ชายคนเมื่อวานยังมาหามายด์ที่นี่อีกไหม”
“ได้ค่ะ”
“นี่เบอร์โทรศัพท์ของฉันมีอะไรเธอโทรหาฉันได้ตลอดเลยนะส่วนเรื่องไปทำงานที่ผับฉันว่าช่วงนี้มายด์น่าจะยังไปไม่ได้เขายังเจ็บเข่าอยู่แล้วเธอจะไปทำงานคนเดียวได้ใช่ไหม”
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะแค่นี้สบายมากน้ำไปเองได้ น้ำฝากคุณศรุตดูแลมายด์ด้วยนะคะ”
“อือ ฉันไปก่อนนะถ้าเธอมีอะไรขาดเหลือหรือต้องการหรือไม่ต้องการให้ฉันช่วยอะไรก็ติดต่อฉันมาได้ตลอด”
“ขอบคุณค่ะคุณศรุต”
เมื่อคุยกับชยาภรณ์เสร็จแล้วศรุตก็เดินกลับเข้ามาในรถก่อนจะสตาร์ทเครื่องและพาหญิงสาวขับออกมาจากบริเวณหอพักในเวลาบ่ายของวันเสาร์
“คุณศรุตจะพามายด์ไปอยู่ที่ไหนคะห้องพักของพนักงานหรือเปล่า”
“ไม่ใช่หรอกฉันจะพาเธอไปอยู่ที่คอนโดของฉันก่อน”
“ทำไมถึงพามายด์ไปอยู่ที่นั่นเหรอคะ ขอไปอยู่ที่อื่นได้ไหม”
“ตอนนี้ห้องพักของพนักงานไม่มีห้องไหนว่างเลย แล้วถ้าฉันให้เธอไปอยู่ทุกคนก็ต้องสงสัยแน่ ว่าเธอเป็นแค่เด็กฝึกงานแล้วมาอยู่หอพักของบริษัทได้ยังไง”
“แต่มายด์เกรงใจคุณนะคะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกคอนโดของฉันมีสามห้องนอน สามห้องน้ำฉันกับเธอจะอยู่กันคนละโซนอยู่แล้ว”
“มายด์ขอไปอยู่แค่ชั่วคราวได้ไหม ถ้าหากพี่แบงค์เขาไม่มาตามมายด์แล้วมายด์จะกลับมาอยู่ที่เดิม”
“แต่อีกหน่อยเธอก็ต้องไปทำงานเป็นเลขาของฉันนะ ฉันว่าอยู่คอนโดของฉันไปก่อนก็ได้ ถ้าห้องพักของพนักงานว่างก็ค่อยย้ายเข้าไปอยู่ แล้วไม่ต้องพูดว่าเกรงใจอีกนะ ฉันเบื่อที่จะฟังคำนี้จริงๆ”
“แต่มายด์ต้องไปทำงานที่ผับนะคะ กว่าจะกลับก็ดึกมากมายด์เกรงใจคุณค่ะ”
“งานกลางคืนฉันว่าช่วงนี้อย่าพึ่งไปทำเลยดีไหม”
“แต่ถ้ามายด์ไม่ไปทำงานรายได้ของมายด์ก็จะหายไปเยอะเลยนะคะ”
“แต่เธอไม่ต้องจ่ายค่าห้องกับค่าอาหาร
“คุณจะให้มายด์ไปอยู่ฟรีๆ แล้วยังจะจ่ายค่าอาหารให้มายด์อีกเหรอคะ”
“ถ้าไม่อยากอยู่ฟรีก็ช่วยงานฉัน”
“งานอะไรคะ”
“ก็งานที่บริษัทนั่นแหละบางทีฉันก็เอากลับไปทำต่อที่คอนโด”
“ถ้างั้นก็ได้ค่ะ”
“ฉันรู้นะว่าเธอเกรงใจและตอนนี้เธอก็กำลังลำบากเรื่องเงินฉันไม่ได้เร่งรัดหนี้สินว่าเธอจะต้องจ่ายฉันภายในกี่ปี”
“แต่มายด์อยากใช้หนี้ของคุณให้เร็วที่สุดการเป็นหนี้มันไม่โอเคเลยนะคะ”
“ฉันรู้ฉันเองก็เคยเป็นหนี้มาก่อน”
“คุณศรุตเคยเป็นหนี้เหรอคะ”
“อือ ตอนฉันเรียนยายของฉันก็ไปกู้เงินจากเจ๊เจ้าของตลาดมาส่งฉันเรียนเหมือนกัน พอฉันเรียนจบก็ต้องรีบหางานทำเพื่อจะเอาเงินมาจ่าย ดอกเบี้ยพวกนั้นมหาโหดเลยทีเดียว ฉันทำงานสองปีถึงจะใช้หนี้หมด จากนั้นก็ไปกู้เงินธนาคารและมาเปิดบริษัทนี่” เขาอธิบายให้เธอฟังซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน
“คุณเป็นคนเก่งมากๆ เลยนะคะ แล้วตอนนี้คุณยังอยู่กับคุณยายที่คอนโดหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกยายฉันเสียไปหลายปีแล้ว”
“มายด์เสียใจด้วยนะคะ”
“ฉันต่างหากที่ควรพูดคำนี้กับเธอเพราะเธอก็เพิ่งเสียยายไปเหมือนกัน แผลของเธอมันยังใหม่ อยู่ฉันเข้าใจดีว่าการสูญเสียคนที่เรารักมันเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่บางครั้งฉันก็จะเก็บมันมาเป็นแรงผลักดันให้ฉันพัฒนาตัวเองและทำงานให้มากขึ้นเพื่อให้ท่านมองลงมาแล้วเห็นว่าฉันสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง” เขาเล่าเรื่องของตัวเองให้กับนลินภัสร์เพื่อจะให้เธอรู้ว่ากว่าเขาจะมาถึงวันนี้ก็ต้องผ่านเรื่องราวมามากมาย บางทีมันอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้หญิงสาวได้ต่อสู้กับเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
“มายด์ก็จะพยายามเข้มแข็งให้ได้มากที่สุดค่ะ ตอนนี้มายด์มีพี่ชายก็เหมือนไม่มี การอยู่ตัวคนเดียวก็เหมือนจะสบายนะคะไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย แต่บางครั้งมันก็รู้สึกเหงามากๆ”
“เธอคงสนิทกับยายมากๆ ใช่ไหมล่ะ”
“ค่ะมายสนิทกับยายมาก แต่ก่อนเวลามีเรื่องอะไรมายด์จะเล่าให้ยายฟังตลอดถึงแม้มายด์ที่อยู่หอพักและยายจะอยู่ที่บ้านแต่เราก็โทรคุยกันทุกวัน แต่ตอนนี้มายด์ไม่มีใครจะโทรหาแล้ว มันเหมือนกับเราอยู่คนเดียวบนโลกที่แสนโหดร้ายแบบนี้ แต่มายด์ก็ยังโชคดีที่มีเพื่อนรักสองคนคอยอยู่ข้างๆ แล้วก็โชคดีมากๆ ที่คุณศรุตให้ความเมตตามายด์ค่ะ”
หญิงสาวพูดกับเขาด้วยเสียงสั่นเครือศรุตไม่ชอบแบบนี้เลยเพราะเขาเป็นคนแพ้น้ำตาผู้หญิงชายหนุ่มเลยพยายามไม่หันไปมองและปล่อยให้เธอร้องไห้จนกระทั่งมาถึงคอนโดมิเนียมของตัวเอง
เมื่อมาถึงเขาก็แจ้งนิติบุคคลของคอนโดว่าจากนี้นลินภัสร์จะมาอาศัยอยู่ที่ห้องนอนของเขาจากนั้นก็ช่วยกันขนของใช้ที่จำเป็นของหญิงสาวขึ้นไปเก็บบนห้อง
“เธอจะจัดของไปพลางๆ ก่อนนะซักหกโมงเย็นฉันจะพาไปกินข้าว”
“ได้ค่ะคุณศรุต”
พอชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปแล้วนลินภัสร์ก็เริ่มจัดของใช้และเสื้อผ้าเข้าตู้จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาหกโมงเย็นหญิงสาวก็เข้าไปอาบน้ำจากนั้นสวมเดรสแขนกุดกระโปรงยาวคุมเข่าเดินออกมาจากห้องเพื่อจะไปทานอาหารเย็นตามที่เจ้าของห้องนัดไว้
แต่เธอออกมานั่งรอในห้องรับแขกเขาก็ยังไม่ออกมาสักทีหญิงสาวเลยไลน์ไปคุยกับวิชัญญาและชยาภรณ์ซึ่งตอนนี้ทั้งสามคนรู้เรื่องระหว่างเธอกับศรุตแล้ว แต่ก็สัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเพราะถ้าบอกก็ไปทุกคนก็ต้องมีผลกระทบแน่ๆ
หญิงสาวคุยกับเพื่อนอยู่เกือบสิบนาทีศรุตก็เดินออกมาจากห้องนอนของเขา
“รอนานไหม”
“นิดหน่อยค่ะ”
“โทษทีนะพอดีฉันคุยธุระอยู่น่ะ หิวหรือยังล่ะ”
“เริ่มหิวแล้วค่ะถ้ายังงั้นไปกินร้านใกล้ๆ นี่ดีไหมกินเสร็จแล้วจะได้กลับมานอนพักเธอ เอายามาด้วยแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะมียาก่อนอาหารหรือเปล่า”
“มีค่ะเดี๋ยวไปถึงร้านมายด์ค่อยกินก็ได้”
“ยังเจ็บแผลอยู่ไหม”
“มันแค่ตึงๆ ค่ะ”
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วแวะไปล้างแผลที่โรงพยาบาลนะ ให้พยาบาลเขาสอนวิธีล้างแผลและให้เขาจัดอุปกรณ์ล้างแผลมาให้เลย ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากไปโรงพยาบาลบ่อย”
“ค่ะคุณศรุต”