บทที่1/2 พรากผู้เยาว์
เมื่อตั้งใจจะแกล้งแล้ว จึงพาเขาเดินตามเสียให้ขาขวิด ไม่คิดเลยว่าร่างบางๆเอวเล็กๆ ขาเรียวๆ อย่างนี้จะเดินว่องไวกระฉับกระเฉง หญิงสาวพาเขาเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ พร้อมกับบรรดาถุงใส่ของที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนคนเดินตามแทบจะเอาปากคาบ นึกแล้วก็หงุดหงิด ผู้หญิงทุกคนน่าเบื่อก็ตรงจุดนี้ การช้อปปิ้งนี่แหละเป็นการไล่ผู้ชายได้อย่างดี และเพราะเหตุนี้เขาเลยไม่เคยเบื่อสายน้ำ ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยต้องทำให้เขาลำบากใจเรื่องนี้ มีแต่เขาเองที่เป็นฝ่ายบังคับให้เธอเดินเลือก เพื่อจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ
แม่ปีศาจตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเดินช้อปนู่นนี่อีกเกือบสามชั่วโมงกว่าที่เธอจะยอมล่าถอย โชคดีที่อย่างน้อยแม่คุณก็ไม่ได้ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียวแต่กลับช่วยเขาหอบของพะรุงพะรังด้วย
“คุณซื้อไปเยอะแยะขนาดนี้ จะใส่ครบรึเปล่าเนี่ย” เขาว่าขณะเปิดรถขึ้นนั่งด้านคนขับ
หญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก็หันไปถาม แทนที่จะตอบ “ทำไม เบื่อแล้วเหรอ”
“ผู้หญิงช้อปก็น่าเบื่อหมดนั่นแหละ”
“เหรอ แต่พี่คงช้อปเกินผู้หญิงปกติล่ะนะ แต่ก็ทนๆเอาหน่อยแล้วกัน”
เขาเอี้ยวตัวมามองเธอเต็มสายตา “ทำไมผมต้องทน”
“อ้าว..ก็ถ้าเผื่อเธอทำตัวถูกใจพี่ พี่ก็จะได้บอกปัดพวกแม่ๆ ให้ไง”
“คุณคิดว่าคุณจะมีอิทธิพลขนาดบังคับผมได้เหรอ” ชายหนุ่มก้มลงมองคนตัวเล็กอย่างคุกคาม
แต่มีเหรอที่คนอย่างมินรญาจะกลัว “ก็ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆคุณน้าน่าจะชอบพี่มากกว่าแฟนของน้องล่ะนะ”
“นี่คุณ!!!” ชายหนุ่มขึ้นเสียงอย่างเหลืออดกับแม่ตุ๊กตาอาบยาพิษ ไม่รู้ว่าแม่เขาไปเห็นส่วนดีตรงไหนของแม่นี่
หญิงสาวเพียงยกมือขึ้นอุดหูพลางพูดเอื่อยๆ “ก็อยู่ด้วยกันแค่สองคนจะตะโกนทำไมจ๊ะ” ยิ่งได้แกล้งเธอก็ยิ่งสนุก บังอาจมาปฏิเสธคนอย่างเธอที่มีแต่ผู้ชายไล่จีบ ไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดจะต้องง้องอนนายหรอกนะ
“อย่าคิดว่าจะขู่ผมได้นะ” เขาพูดน้ำเสียงลอดไรฟันแล้วกระชากรถออกจากที่จอด
เธอเพียงโคลงศีรษะไปมาอย่างยั่วเย้า “จะลองไหมล่ะ”
ชายหนุ่มนึกอยากจะหันกลับมาบีบคอคนช่างยั่วจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงล่ะก็ “เกมเด็กๆ ผมไม่คิดจะลงไปเล่นกับคุณหรอกนะ”
“แสดงว่าเรากลัวพี่”
“จะให้ทำอะไรก็ว่ามาเลย” เขาสวนตอบเสียงห้วน
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จึงผุดขึ้นริมฝีปากบาง
“กินเหล้าแข่งกันไหม”
เอี๊ยดดดด!!!
ตัวรถที่เบรกกะทันหันทำเอาร่างเล็กแทบจะลอยหวือไปติดคอนโซนหน้า “โอ๊ย จะฆ่ากันรึไงคะน้อง”
นี่หล่อนบ้าไปแล้วใช่ไหมแม่ตุ๊กตาพูดได้ กล้าดียังไงมาท้ากินเหล้ากับเขา ได้... แสดงว่ายังไม่รู้จัก ต้นตระการคนนี้ “ถ้าผมชนะจะได้อะไร”
“ก็...พี่มีวิธีบอกปัดแม่ๆ ของเราก็แล้วกัน”
“งั้นแสดงว่าถ้าผมแพ้”
“อันนั้นเดี๋ยวค่อยคิด พี่ก็ยังไม่อยากได้สามีคราวลูกหรอก”
“คุณ!!!”
มินรญาเพิ่งวางสายไปจากรวีวรเพื่อนรัก จากนั้นก็หันไปเปิดประตูพร้อมกำชับคนขับ
“ไม่ต้องรอนะ กลับบ้านไปก่อนเลย เดี๋ยวใกล้กลับแล้วมินจะโทรตามอีกที”
สารถีพยักหน้าพลางเอ่ยถาม “มากับกลุ่มคุณพรีมใช่ไหมครับ” เพราะกลัวว่าเกิดกลับไปบ้านแล้วต้องตอบคำถามคุณนายเขาจะแย่เอาถ้าตอบไม่ได้ว่าคุณหนูไปไหน
คุณหนูเพียงเอียงหน้าน้อยๆ อย่างครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยต่อ “ใช่จ้ะ”
โกหกไปน่าจะดีกว่า ขืนแม่รู้ว่ามาเที่ยวกับอีตานี่ กลัวจะดีใจจนเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เอ่ยจบก็เปิดประตูก้าวลงจากรถก็ตรงดิ่งเข้าร้านทันที
หญิงสาวถอนหายใจหนักๆ ขณะควักกระเป๋าหาบัตรประชาชน เฮ้อ...ขาข้างหนึ่งของเธอจะเหยียบเข้าเลขสามแล้วนะไม่ใช่สาวสิบเจ็ดที่ต้องมาเช็คประวัติก่อนเข้าผับตลอด แล้วอีตาการ์ดนี่ก็ไม่วาย ต้องยกบัตรประชาชนขึ้นมาเทียบกับหน้าหล่อนสองสามครั้ง บัตรจริงจ้ะบัตรจริงเธอไม่ได้ไปซื้อบัตรปลอมมานะยะ คนไม่น่าไว้วางใจได้แต่ก่นด่าสวรรค์ที่ประทานหน้าเด็กแต่ดันลืมให้นมเล็กๆ มาด้วย เฮ้อ....
มินรญาก้าวอาดๆ ไปตามทางเดินขณะผ่านสายตาเสือเอย จระเข้เอย ที่จ้องจะเข้ามาคาบหล่อนไปตลอดทาง เห็นร่างสูงของเขานั่งอยู่ลิบๆ ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม แต่เขาบอกเองว่าโซนวีไอพี แล้วนั่งซะอกผายหลังผึ่งขนาดนั้นก็คงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้หรอก
“รอนานรึเปล่าคะน้อง พี่ขอโทษด้วยนะ พอดีติดสายเพื่อนน่ะ” หญิงสาวยอบตัวลงนั่งตรงข้ามเขาทันทีโดยปราศจากคำเชื้อเชิญ
ชายหนุ่มเพียงเหลือบสายตามองตามร่างเล็กในชุดเดรสแขนกุดสีดำเข้ารูป ที่มันเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งเสียจน...ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงน้ำลายไหล แม่นี่ก็ช่างเลือกชุดที่ขับทั้งผิวแล้วก็รูปร่าง สมกับที่เป็นดีไซเนอร์เสียจริง จะแต่งน่ารักก็ได้ เซ็กซี่ก็ถึงใจ
“ไม่นาน มินจะดื่มอะไร”
อีตาเด็กนี่ คำก็ มิน สองคำก็ มิน ไม่รู้จักเคารพกันบ้าง
“วอดก้าไหม” หญิงสาวพลิกเมนูไปมาแล้วเอ่ยถาม คนฟังถึงกับอ้าปากค้าง ยัยหน้าเด็กนี่คิดจะดวลวอดก้ากับเขาจริงหรือ
“ไหวเรอะ”
คนโดนหยามเพียงยักไหล่ไม่ได้สนใจ ถึงแม้เธอจะหน้าเด็กแต่เรื่องดื่มนี่ขอให้บอก ดวลกับพ่อมานักต่อนักแล้ว ใช่... ดวลกับพ่อ พ่อของเธอเป็นทหาร เลี้ยงลูกสาวมาแบบแมนๆ ดวลเหล้าก๊งเบียร์กันประจำจนแม่บ่น ขนาดเพื่อนๆ ยังเรียกเธอว่าคอทองแดง ลองดวลกับใครที่ไม่ใช่พ่อหล่อนไม่เคยแพ้
“ก็ลองดู”
จากนั้นพนักงานของร้านก็ยกขวดใสๆพร้อมมะนาวฝานเป็นชิ้นบางๆมาวางบนโต๊ะ พร้อมกับถั่วชนิดต่างๆ และมันฝรั่งทอด
“มินจะสั่งอะไรทานรองท้องก่อนไหม” ชายหนุ่มถามอย่าเป็นห่วง แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้า
“ไม่ล่ะ พี่กินมาแล้ว นับจำนวนแก้วนะ”
“ได้” เขาว่าพลางเทน้ำใสๆลงในแก้วใบเล็ก
“ไม่เมาไม่เลิก” เสียงใสๆ ของหล่อนกล่าวอย่างมั่นใจพลางส่งแก้วเข้าชนกับเขา
ผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ขวดเปล่าสีใสๆ ก็วางอยู่บนโต๊ะถึงสามขวด ขณะที่คนทั้งสองหน้าแดงก่ำพลางพูดคุยกันออกรสออกชาติ
“เอ่อ...พี่ก็เชียร์ทีมนี้เหมือนกัน แม่งเสียดาย ปีที่แล้วกองหลังไม่ค่อยเหนียว” น้ำเสียงแม้จะอ้อแอ้แต่ก็ยังคงพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำไม่หลงประเด็น ชายหนุ่มถึงกับตาค้างหลังจากหมดขวดที่สองแล้วหญิงสาวยังไม่มีอาการ
เขาเพิ่งเคยเจอผู้หญิงคอแข็งก็เธอคนแรกนี่แหละ ถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้เขาคงน็อกคาโต๊ะไปแล้ว โชคดีที่ตั้งแต่ก้าวเข้ามาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน การพบปะทั้งลูกค้าและคนขายไม้ทำให้สกิลการดื่มของเขารุดหน้าไปมาก ชายหนุ่มยังจำได้ดีตอนเจอเหล้าขาวของพ่อค้าไม้ครั้งแรก คราวนั้นทำเอาเขาเมาค้างไปสองสามวัน เรียกว่าสลบเหมือดตั้งแต่ซดเข้าไปไม่กี่อึก ผ่านมาหลายปีนี้ทำให้เขาเปลี่ยนจากไอ้ไก่อ่อนกลายเป็นเจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์คอทองแดง
“นี่ก็จะตีหนึ่งแล้ว ผมว่าเราค่อยมาต่อกันวันหลังดีไหม ตอนนี้ยังถือว่าเสมออยู่” เขาแนะนำเมื่อเห็นว่าร้านใกล้ปิดแล้ว ถ้ารู้ว่าคนตรงหน้าคอแข็งขนาดนี้คงนัดกันตั้งแต่ทุ่ม
“เฮ้ย...อยู่กันยันเช้าโว้ย มา ชนแก้ว” หญิงสาวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วบังคับชนแก้วต่อไม่ยอมกลับท่าเดียว
“เช้าก็เช้า แล้วอย่ามาร้องไห้ทีหลังนะถ้าพรุ่งนี้มินแฮงค์”
“คราย...ครายกันแน่จะแฮงค์ ขอกลับก่อนนี่จะยอมแพ้แล้วใช่ไหม” หญิงสาวยกนิ้วขึ้นชี้เขาอย่างเอาเรื่อง
ชายหนุ่มจึงได้แต่ส่ายหน้าระอาปนเอ็นดู “ด้ายยย แล้วอย่ามาหา...เอิ๊ก ว่าผมเนี่ย ใจร้ายก็แล้วกาน เอ้า...ชน”
สองหนุ่มสาวชนแก้วกันไปก็คุยกันไปเรื่องเกมกีฬา ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงหน้าหวานตรงหน้านี้จะเป็นแฟนกีฬาเกือบทุกชนิด แถมยังชวนเขาไปชกมวยอีกต่างหาก จวบจนร้านปิด ชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายประคองแม่ตัวดีออกมาข้างนอก สงสัยวันนี้เขาต้องทิ้งรถไว้ที่ร้านแล้ว ให้ขับกลับสภาพนี้คงไม่ไหว
“มินขับรถมารึเปล่า” เขาก้มลงถามคนในอ้อมแขน หญิงสาวเพียงปรือตามองเขา เพราะใกล้กันขนาดนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวจึงโชยเข้าจมูก แถมแก้มแดงเนียนๆนั่นอีกที่เล่นเอาเขาใจสั่น ต้องพยายามข่มใจตัวเองอยู่นาน
“ม่ายอ่ะ ไปต่อสิไปต่อ” หล่อนเงยหน้ามาตอบแค่นี้ก็คอพับลงไปซุกกับอกกว้าง
ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจอย่างปวดหัว จะเอายังไงดีกับแม่คนนี้ดีนะ ถ้าพาไปส่งบ้านแล้วเกิดคุณป้ามาเห็นในสภาพนี้ ตายแน่ คราวนี้เขาถูกจับแต่งงานทันทีแน่ๆ “ไปต่อไหน ร้านปิดหมดแล้ว”
“ต่อที่ห้องก็ได้” หล่อนว่าอย่างเคยชินเพราะปกติก็ไปนอนเม้าท์ต่อห้องเพื่อนๆ ในกลุ่มอยู่แล้ว หรือไม่ก็บ้านรวีวร เพราะรายนั้นมีน้องสาวสุดน่ารักที่คอยทำขนมไว้บริการ
ต้นตระการแทบสำลักน้ำลายเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ นี่เล่นชวนเขาขึ้นห้องเลยเหรอ
เอาสิ...ไปก็ไป!!
ชายหนุ่มโบกรถแท็กซี่พร้อมกับดันร่างบางเข้าไป แม้คนขับจะชำเลืองมองทั้งสองตลอดทาง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยี่หระ เขาไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย มีแต่แม่นี่แหละที่มานอนหลับซบบนตัก จนเขาต้องท่องยุบหนอพองหนอไปตลอดทาง
รถจอดส่งที่ด้านหน้าประตูในขณะที่เขาต้องแบกยัยตัวเล็กพาดบ่า ทำไมไม่ยอมอุ้มน่ะเหรอ ก็พออุ้มทีเจ้าหล่อนก็เล่นกลั้วหน้าลงบนอกกว้างของเขา เป็นผู้ชายที่ไหนโดนแบบนี้มันก็ห้ามใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละ กว่าจะถูลู่ถูกังลากกันขึ้นมาได้ก็เล่นเอาเขาถึงกับหอบ แม้จะเป็นนักกีฬา แต่ในสภาพเมาปลิ้นแทบจะไม่ต่างกันอย่างนี้ เขาก็เปลืองแรงทั้งพยุงร่างตัวเองและกึ่งอุ้มกึ่งแบกแม่ตัวเล็กมาด้วย พอเข้าห้องได้เขาก็จัดการโยนแม่ตัวดีลงโซฟาทันที
“เอาเหล้ามา” เสียงหวานใสดังลอดมาจากริมฝีปากบางเล่นเอาร่างสูงถึงกับสะดุ้งสุดตัว
นี่ยังจะดื่มอีกเหรอ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วก็พบว่าหล่อนยังคงหลับตาพริ้ม “มันน่าจับมาตีก้นจริงๆ” เขาว่าอย่างมันเขี้ยว เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขากล้าบ้าบิ่น เอื้อมมือไปดึงจมูกเล็กๆ อย่างหมั่นไส้
ร่างเล็กพลิกตัวหนีอย่างเกียจคร้าน พลางยกมือขึ้นกุมจมูก “อื้ม อย่ากวนได้ไหมคะแม่”
เขาถึงกับหลุดขำเมื่อได้ยินคนละเมอหาแม่ เฮ้อ..โตแต่อายุจริงๆ ได้แต่ยืนขำคนที่เมาไม่รู้เรื่องพลางจัดท่าทางให้เธอนอนสบายขึ้น กะว่าไปอาบน้ำเรียบร้อยแล้วค่อยมาปลุกอีกทีเผื่ออีกฝ่ายพอจะได้สติขึ้นมาบ้าง แต่แค่เพียงเขาจะลุกหนี ชายเสื้อก็ถูกแม่ตัวดีคว้าหมับเข้าให้
“อย่าเพิ่งปายสิคะแม่ มาช่วยเช็ดตัวมินก่อน” ไม่ว่าเปล่า แม่ตัวดีก็เอื้อมเข้ามาดึงรั้งเสื้อเขา
เฮ้ย...ยัยตัวเล็กนี่จะบ้าหรือไง เพราะไม่อยากใช้แรงกับผู้หญิงทำให้เขาไม่กล้าปัดป้องมาก แม่นี่ก็แรงเยอะเกินตัว เพียงหล่อนพลิกกลับมาก็ร่วงโครมลงบนตัวเขา แล้วก็พยายามตะเกียกตะกายลุก แต่คนเมาคงไม่รู้ตัวว่าไอ้มือเล็กที่แปะป่ายไปทั่วพร้อมกับไปหน้าเนียนที่คลอเคลียไม่ห่างนั้นมันกำลังปลุกอารมณ์ห่ามๆ ของเขาอยู่
มินรญาผงกหัวขึ้นพร้อมจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาฉ่ำปรือ “หยุด อย่าขยับเข้าจายม้าย” ใบหน้าเล็กอยู่ห่างจากใบหน้าของเขาไม่ถึงคืบ เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับชะงักตัวแข็งทื่อ
“อืมๆๆ ดีมาก” พูดจบก็จัดแจงดึงเสื้อเขาออกจากร่างทันทีเผยให้เห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเล่นเอาหญิงสาวถึงกับอุทาน พร้อมกับมือเรียวเล็กที่ค่อยๆลูบอย่างสนใจ เธอชอบผู้ชายหุ่นสวย ยิ่งกล้ามแน่นๆซิกแพคเน้นๆอย่างนี้ เคยคิดอยากลองสัมผัสมานานแล้ว
“โอ๊ย ตายๆ ฉัน จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย” หญิงสาวได้แต่โขกหน้าผากตัวเองกับโต๊ะเครื่องแป้ง โชคดีที่หล่อนโตแล้ว แถมงานที่แสนจะรัดตัว ทำให้บิดายอมอนุญาตให้ออกมาอยู่คอนโดได้ ไม่อย่างนั้นถ้าแม่รู้ว่ากลับเช้าอย่างนี้ โดนซักฟอกจนตัวซีดแน่
แล้วนี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่คือเธอปล้ำถอดเสื้อเขา แถมไปลูบไล้แผงอกเขาอีก อย่างนี้มันเข้าข่ายทำอนาจารชัดๆ
แต่เอ๊ะ...อีตานั่นอายุยี่สิบหกแล้วนี่นา ไม่น่าจะมีปัญหานะ
ปัญหาจะมีก็แต่หล่อนเป็นคนเริ่มก่อนแน่ๆ จะไปฟ้องร้องว่าเขาข่มขืนก็คงไม่ใช่ อย่างนี้มันยิ่งกว่าสมยอมซะอีก ตายๆๆ ขออย่าได้เจอหน้าเจอตากันอีกเลย นี่ขนาดเพิ่งพบกันสองครั้ง ก็เมาจนขาดสติไปปล้ำเขา
โอ๊ย...ขอให้อีกฝ่ายก็ไร้สติแบบหล่อนทีเถ้อ...สาธุ หญิงสาวรีบยกมือประนมขึ้นเหนือหัว
ตอนแรกก็แค่ตั้งใจจะแกล้งเขา กลายเป็นอิเหนาโดนซะเอง แต่ปกติเธอท้าดวลกับใครไม่เคยแพ้นะ ยิ่งพวกหนุ่มๆ ที่ตามมาจีบแต่ละคนที่ผ่านมา พอเจอหน้าหวานใสก็ถูกหลอกให้หลงไปกับรูปลักษณ์ แต่พอเจอดวลเหล้าตัวต่อตัวทีไร หนีหัวซุกหัวซุนไปซะหมด เฮ้อ...แต่คราวนี้เธอก็พลาดจริงๆ นั่นแหละ ปกติมักจะมีเพื่อนในกลุ่มตามมาเป็นประจักษ์พยานด้วย ถ้าเมื่อคืนลากไปซักคน เรื่องเสียท่าอย่างนี้คงไม่เกิดขึ้น
อย่างน้อยก็แค่เสียหน้าแต่ไม่เสียตัว
ตอนนี้เรื่องเสียความบริสุทธิ์กลายเป็นเรื่องเล็กไปทันทีเมื่อคิดว่าอาจจะต้องเจอหน้ากันอีก ถามว่าเสียดายความสาวไหม ก็เสียดายอยู่ แต่เพราะคิดจะครองตัวเป็นโสดอยู่แล้ว เธอเลยไม่ต้องมานั่งรู้สึกผิดกับสามีในอนาคต อีกอย่างนี่ก็ร่างกายของเธอ ในเมื่อเธอปู้ยี่ปู้ยำมันเองก็ไม่ควรจะร้องไห้คร่ำครวญ ไหนๆก็จะอยู่เป็นโสดอยู่บนคานตายไปให้ผู้ชายเสียดายเล่นๆ จึงไม่นึกใส่ใจให้ต้องมาน้ำตานองหน้าอีก
ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป ยิ่งคิดซ้ำๆก็จะยิ่งเจ็บซ้ำๆ