3 คนแปลกหน้าที่กล้าไว้ใจ
ระหว่างรอช่างทั้งสองก็มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้ชื่อทิวาแต่ก่อนเคยทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งเชียงใหม่ เขามาเที่ยวและกำลังจะเขากรุงเทพเพื่อไปหาเพื่อนและสมัครงาน
“คุณเป็นลูกครึ่งเหรอ”
“ครับ”
“ผมถามได้ไหม ว่าลูกครึ่งอะไร”
“ผมไม่รู้” แล้วก็เหมือนเดดแอร์ เขานิ่งเงียบแววตาหม่นลงจนเห็นได้ชัด
พอดีกับช่างที่โทรถามมาถึงพอดีทิวาเลยขอตัวลงไปคุยกับช่าง ก่อนจะกลับมาหาเขาที่รถ
“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมขอติดรถไปได้ไหม”
“ได้สิ ขึ้นมาเลย”
“ผมขับให้ไหม” ทิวาไม่อยากเอาเปรียบ
“ได้สิ”
ทั้งสองสลับที่กัน เมคินไม่ถามเรื่องชาติกำเนิดของเขาเพราะรู้ว่าชายหนุ่มคงไม่สะดวกที่จะตอบ
“น่าจะอีกสักชั่วโมง คุณง่วงก็นอนก่อนได้นะครับ”
“ไม่เป็นไร ผมอยากคุยกับคุณมากกว่า” อยู่ๆ เมคินก็อยากทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าทิวามีอะไรหลายอย่างที่น่าค้นหา
“จอดทำไมถึงที่พักคุณแล้วเหรอ”
“ยังหรอก ผมนัดเพื่อนไว้ที่นี่”
“ผมขอเบอร์คุณได้ไหม” เป็นครั้งแรกที่เมคินขอเบอร์โทรศัพท์คนอื่น
ทิวาหยิบโทรศัพท์ของเขามากดเบอร์ตัวเองลงไปก่อนจะเดินเข้าไปยังโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
เพราะไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้งกว่าเขาจะตึกที่เพื่อนนัดพบก็เกือบแย่ โชคดีที่เจอแม่บ้าคนหนึ่งบอกทางให้
“ทิวนั่งก่อน” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเลื่อนเก้าอี้ให้เพื่อนรักนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง
ธนาเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ทั้งสองยังอยู่ที่ลำพูน พอเรียนจบสอบบรรจุอยู่หลายครั้งกว่าจะได้มาเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนมัธยมแห่งนี้
“เป็นไงบ้างวะ ไม่เจอนานเลย” คนถามเดินไปหยิบน้ำเปล่าดื่มในตู้เย็นออกมาให้เพื่อน
“ก็อย่างที่เล่า”
“เฮ้อ กูล่ะสงสารมึงจริงๆ อุตส่าห์รักมาตั้งนานสุดท้ายเขาก็ทิ้งไปหาคนที่รวยกว่า”
“อย่าพูดถึงมันเลย” ทิวาส่ายหัวไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในอดีต
“แล้วมาครั้งนี้กะอยู่ยาวเลยไหม” ธนาเปลี่ยนเรื่อง
“ยังไม่รู้ ว่าจะลองหางานดูก่อน”
“อือ กูว่าหางานตามบริษัทใหญ่ดูก่อน ระดับผู้จัดการอย่างมึงคงหางานไม่ยาก เรื่องไปทำงานในเรืออะไรนั้นกูว่าอย่าพึ่งเลย”
เพราะก่อนมาที่นี่ทิวาเปรยๆ กับเพื่อนไว้ว่าอยากไปทำงานในเรือสำราญเพราะเงินดี
“กูยังไม่ตัดสินใจ ถ้ามีอะไรน่าสนใจกูก็คงยังไม่ลงเรือ”
“ก็ดีเหมือนกันนะ มึงโสดมานานแล้ว หาใครสักคนก็ดี”
“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น กูหมายถึงเรื่องงาน บางทีกูอาจลองหาอะไรที่มันทำแล้วไม่เบื่อ ส่วนเรื่องหัวใจกูขอพักไว้ก่อน”
“มึงจะสนใจอดีตทำไมวะ เดินหน้าสิ หน้าตาดีอย่างมึงคงหาแฟนได้ไม่ยาก”
“สมัยนี้เขาไม่ได้ดูที่หน้าตาเอย่างเดียว หล่อแต่ในกระเป๋าไม่มีเงิน ใครเขาอยากจะคบด้วย” เขาถอนหายใจ
“เออน่า อย่าเพิ่งท้อเดี๋ยวเย็นนี้กูพามึงไปเลี้ยงเหล้า”
ระหว่างรอให้เพื่อนจัดการกับงานเอกสารตรงหน้าทิวาก็นั่งคิดถึงเรื่องราวความรักของตัวเอง ที่ผ่านมาเขาเคยมีแฟนเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น คบกันอยู่หลายปี ตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคต แต่ทุกอย่างกลับไปได้สวยงามอย่างที่คิดไว้เพราะทางบ้านของอีกฝ่ายไม่สามารถยอมรับในตัวตน ทั้งเรื่องฐานะและชาติกำเนิด
จากนั้นทิวาก็ไม่เคยมีใครเข้ามาในชีวิตอีกเลย เขาไม่ได้เข็ดกับความรัก แต่ยังไม่เจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้เลยต่างหาก
ธนาพาเพื่อนรักมายังผับแห่งหนึ่ง แสงสียามค่ำคืนของกรุงเทพทำให้ทิวาตื่นเต้นไม่น้อย นานแล้วที่เขาไม่ได้ออกมาในสถานที่แบบนี้กับเพื่อน
ทั้งสองคนเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ สั่งเครื่องดื่มมาคนละแก้ว ทิวาเป็นคนไม่ชอบดื่มเท่าไหร่ เขาชอบดูบรรยากาศมากกว่า แต่ธนานั้นเป็นนักดื่มตัวยงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
นั่งดื่มไปได้สักพักธนาก็ขอตัวออกไปโทรศัพท์ ทิวายังนั่งอยู่ที่ดื่ม เขาสั่งเครื่องดื่มมาอีกแก้วระหว่างรอให้ธนากลับมา แต่เพื่อนของเขาส่งข้อความมาบอกสั้นๆ ว่ามีธุระด่วน คืนนี้ให้เขาหาโรงแรมใกล้ๆ นอนไปก่อน
“เฮ้อ” ทิวาถอนหายใจดูเหมือนว่าวันนี้ทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่คิดเลย ตั้งแต่เรื่องรถเสียกลางทางและไหนจะต้องหาที่นอนในเมืองที่กว้างใหญ่อย่างนี้อีก
แต่เมื่อคิดไปถึงเรื่องราวเมื่อกลางวันเอาก็ยิ้ม เพราะนั่นเป็นเรื่องโชคดีเพียงอย่างเดียวที่เขาได้เจอ นึกแล้วก็ต้องขอบคุณผู้ชายคนนั้นที่ยอมให้เขาติดรถมาด้วย แต่ถ้ามีโอกาสได้เจออีกครั้งเขาจะขอเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวสักมือ
ขณะกำลังคิดเพลินสายตาก็ปะทะกับคนที่กำลังนึกถึง ทิวาเพิ่งได้มองรูปร่างของเขาอย่างชัดเจนก็ครั้งนี้ ชายหนุ่มมีรูปร่างสูง การแต่งกายสะอาดสุภาพ สีผิวไม่ได้ขาวมาก แต่ก็ไม่ถึงกับคล้ำ แต่ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นคนชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง ทรงผมตัดสั้นจัดทรงเรียบร้อย เขายังคงดูดีเหมือนครั้งแรกที่เจอกันในรีสอร์ต และเหมือนรู้ว่ากำลังมีคนกำลังมองอยู่ ชายหนุ่มเลยหันมา เขาเผลอยิ้มออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่อีกคนกลับเดินตรงมาหาทันที
“โลกมันกลมนะครับ” เขาทักทาย
“ครับ”
“ครับ คุณล่ะ ไหนว่าไปหาเพื่อน แล้วทำไมมานั่งดื่มคนเดียว”
“มากับเพื่อนครับ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกลับไปแล้ว”
“ผมนั่งดื่มด้วยคนนะ”
“ครับ” มีเขานั่งด้วยก็ยังดีว่าต้องนั่งดื่มคนเดียวในสถานที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้
เมคินสั่งเครื่องดื่มจากนั้นก็ชวนเขาคุยเรื่องทั่วๆ ไป การได้ดื่มแล้วมีคนนั่งคุยด้วยทำให้เขาลืมดูเวลาไปเลย
“คุณเมาหรือเปล่า”
“นิดหน่อย คอนโดผมอยู่ใกล้แค่นี้ ไม่มีด่าน”
“ที่ผมถามเพราะกลัวคุณจะเกิดอุบัติเหตุ” ไม่รู้ทำไมทิวาถึงได้เป็นห่วงคนตรงหน้า
“ผมจะระวัง แล้วคุณจะกลับยังไง ให้ผมไปส่งไหม บอกที่อยู่เพื่อนคุณมา”
“ไม่เป็นไร ดึกแล้วคุณกลับเถอะ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่”
“ใช่ ดึกแล้วและคุณอาจต้องรอแท็กซี่นาน ให้ผมไปส่งเถอะ ผมไม่ได้เมา ปกติดื่มเยอะกว่านี้”
“คุณไปส่งผมโรงแรมที่ใกล้ที่สุดก็ได้”
“อ้าว ไหนว่าจะไปพักกับเพื่อน” คนตัวสูงถามอย่างแปลกใจ
“คงไม่ได้แล้ว เพื่อนผมมีธุระด่วน คืนนี้ผมคงต้องหาโรงแรมใกล้ คุณไปส่งผมโรงแรมไหนก็ได้ แต่อย่าแพงมากนะ ผมกำลังตกงาน”
“อือ”
เมคินเดินนำเขาไปที่รถ จากนั้นก็ขับออกไประหว่างนั้นในหัวก็กำลังคิดถึงโรงแรมที่ใกล้ที่สุด เมคินรู้จักแต่โรงแรมระดับสามดาวขึ้นไปทั้งนั้นแต่ทิวาบอกว่าอยากได้ราคาไม่แพงเพราะกำลังตกงาน เขาจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวเขามาจอที่คอนโดของตัวเอง
“นี่ไม่ใช่โรงแรม” ทิวามองหน้าอย่างสงสัย
“นี่คอนโดผม”
“คุณจะให้ผมพักที่นี่เหรอ”
“ใช่ พักกันผมนี่แหละ ไม่ต้องไปเสียเงินนอนโรงแรมหรอก”
“คุณไว้ใจผมมากไปแล้ว เราเพิ่งรู้จักกันเองจะเรียกว่าคนแปลกหน้าก็ได้”
“แปลกหน้าที่ไหน เจอกันตั้งหลายครั้ง อยู่ในรถอีกตั้งหลายชั่วโมง มาเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” เมคินเดินนำ ทิวาทั้งง่วงทั้งเพลียเลยยอมเดินตามเข้าไปอย่างง่ายดาย