บท
ตั้งค่า

24 แฟนกันวันแรก

แม้จะได้นอนไปเพียงสี่ชั่วโมงแต่ทิวากลับตื่นนอนด้วยความสดชื่น เขาออกมาทำอาหารอย่างเคย ไส้กรอก ไข่ดาวเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว ขอแค่เมคินกลับมาจากออกกำลังกายก็ปิ้งขนมปังอีกอย่างก็เรียบร้อย

เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ทิวาก็หยิบขนมปังลงเครื่อง

“พี่แต่งชุดนี้ไปวิ่งเหรอครับ” ก็ชุดที่เขาใส่ดูยังไงก็คือชุดนอน

“เปล่า วันนี้ไม่ได้วิ่ง”

“อ้าวแล้ว ไปไหนมาแต่เช้าล่ะครับ”

“ไปซื้อน้ำส้ม” เพราะทิวาชอบฝากเขาซื้อน้ำส้มขากลับจากวิ่ง

“ขอบคุณครับ แต่ครั้งหน้าถ้าพี่ไม่ออกไปวิ่งก็ไม่ต้องลงไปซื้อก็ได้ ผมเกรงใจ”

“ไม่เป็นไร มันไม่ได้ไกลมาก อีกอย่างพี่รู้ว่าแฟนพี่ชอบกิน”

“พี่คิน” เขาทำสีหน้าตกใจที่ได้ยินเมคินพูดแบบนั้น

“เวลาทิวเขิน น่ารักดีนะ” พอเห็นเขาอายเมคินก็อยากแกล้งยิ่งเห็นเขาหน้าแดงหูแดงก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“พี่คินห้ามพูดแบบนี้ให้คนอื่นได้ยินนะครับ โดยเฉพาะที่ทำงาน”

“ทำไม? เป็นแฟนพี่มาน่าอายมากเลยเหรอ” เขาทำหน้าเหมือนเสียใจหากแต่แววตาพราวระยิบ

“ผมแค่ห่วงว่าคนอื่นจะมองพี่ไม่ดี”

“ไม่เห็นต้องแคร์ เรื่องแบบนี้พี่ว่ามันเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว”

“ครับ ผมเชื่อว่าพี่รู้ว่าเวลาอยู่บริษัทพี่ต้องปฏิบัติกับผมยังไง เพราะคนที่เสียหายไม่ใช่ผมสักหน่อย ผมจะกังวลทำไมจริงไหมครับ” ทิวาหยิบขนมปังวางลงบนจาน จากนั้นก็นั่งมองหน้าเขาไปด้วยทานอาหารเช้าไปด้วย

ไม่รู้เพราะหน้าหล่อๆ ของเขาหรือเปล่าที่ทำให้ทิวาเปลี่ยนรสนิยมได้แบบไม่ต้องคิดมาก หรืออาจเป็นเพราะเมคินเข้ามาในเวลาที่เขากำลังอ่อนไหว กำลังเหงาและขาดเพื่อน เลยทำให้เขาหวั่นไหวไปกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่เมคินมอบให้ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ คนที่ต้องเสียใจก็คงจะเป็นเมคิน แล้วเขาจะทนเห็นชายหนุ่มเสียใจได้อย่างนั้นหรือ

“ทิว คิดอะไรอยู่ จ้องหน้าพี่นานเกินไปแล้วนะ”

“ผมกำลังสงสัยว่าระหว่างเรามันคือเรื่องจริงใช่ไหม”

“ทำไม อยากเปลี่ยนใจเหรอ”

ทิวาเห็นความวูบไหวในแววตาของเขา แม้เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็รู้สึกเจ็บปวด เขาคงรู้สึกกับเมคินจากส่วนลึกของหัวใจจริงๆ ไม่ใช่แค่หวั่นไหวไปตามอารมณ์อย่างที่คิด

“ไม่ครับ พี่คินล่ะครับ เปลี่ยนใจยังทันนะ”

“พี่เป็นคนที่ตัดสินใจแล้วไม่มีทางเปลี่ยนใจ” เขาพูดด้วยความมั่นใจพร้อมกับส่งสายตาสื่อถึงความจริงใจของเขาให้อีกฝ่ายรับรู้

ทิวายิ้มรับ ตอนนี้โลกทั้งใบของเขากำลังเปลี่ยนเป็นสีชมพูทีละนิด

ชายหนุ่มรีบทานอาหารเช้าแล้วกลับเข้าไปอาบน้ำพอออกมาจากห้องเมคินก็นั่งรอนานแล้ว

“ไปเลยไหมครับ”

เมคินไม่ตอบแต่เขาส่งเนกไทให้กับทิวาแล้วยืนขึ้นตรงหน้า ระดับความสูงของทิวาอยู่ตรงปลายจมูกพอดี

ทิวารับมาก่อนจะโอบลำคอเขา ทำให้คนที่ตัวสูงกว่าสบโอกาสกดจมูกไปบนหน้าผากมนอย่างพอดิบพอดี

“พี่คิน” เขาพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง ด้วยระยะใกล้เช่นนี้ใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

เมคินมองใบหน้าหล่อเหลากับเรียวปากสีชมพู ในใจอยากลิ้มรสปากบางนั้นแต่เกรงว่าการจู่โจมของเขาจะมากเกินไปสำหรับการเป็นแฟนวันแรก

ทิวาใช้เวลาผูกเนกไทนานกว่าทุกครั้ง เพราะอีกคนเอาแต่จ้องจนเขามือไม้สั่นไปหมด ยิ่งเขามองก็ยิ่งประหม่าขึ้นทุกที

“เช้านี้พี่จะได้ไปทำงานไหม”

“พี่คินก็อย่าจ้องสิครับ”

“พี่ไม่จ้องแฟนแล้วพี่จะจ้องใคร จริงไหม”

“พรุ่งนี้พี่คินผูกเองเลยนะ”

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายต้องเป็นคนผูกให้พี่ เพราะนายเป็นแฟนพี่ ไม่ใช่เพราะนายเป็นเลขา”

“ผมเปลี่ยนใจทันไหม”

“สายไปแล้วล่ะ” เมคินหัวเราะร่วน ก่อนจะจับมือทิวาแล้วเดินออกมาจากห้องด้วยกัน

ทิวามองมือใหญ่ที่ประสานกับมือของตัวเอง เมคินเป็นถึงรองประธานบริษัทแต่เขาเป็นแค่เลขาหน้าห้อง ถ้าเทียบกันแล้วคนที่เสียหายก็คงเป็นเขา แต่ในเมื่อเมคินมั่นใจและกล้ายอมรับความรู้สึกคนธรรมดาอย่างเขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างผู้ชายคนนี้โดยไม่มีขอแม้

“พี่คินครับ ผมขอขับเองนะครับ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็เหมือนทุกวัน”

“แต่มันไม่เหมือนทุกวัน”

“น่าครับ พี่ผมขับเองเหมือนทุกวันคนอื่นที่บริษัทจะได้ไม่สงสัย แต่ถ้าพี่อยากจะย้ายมานั่งหน้าก็คงไม่เป็นไรมั้งครับ ใครถามก็แต่บอกว่าคุยงานไม่สะดวก” เขาพูดพร้อมยกเหตุผล

“ดีเหมือนกัน ต่อไปนี้ที่ด้านข้างของนายคือที่ของพี่” เมคินพูดอย่างอารมณ์ดี ความกังวล ความกลัวและความอึดอัดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาหายไปจนหมดสิ้น จากนี้ข้างกายเขาจะมีทิวาเช่นเดียวกับข้างกายทิวาที่จะมีเขาอยู่ตลอด

พอมาถึงที่ทำงานทุกอย่างก็เหมือนเดิม ทิวายังคงนั่งทำงานหน้าห้องของบอส ทำงานตามคำสั่งจนถึงเวลาทานอาหารกลางวันเขาก็ออกไปทากับเมคินเหมือนทุกครั้ง ภายนอกดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่รู้ดีว่าภายในจิตใจนั้นกำลังยิ้มอย่างมีความสุขมากแค่ไหน

พอถึงเวลาเลิกงานทั้งสองก็กลับออกไปด้วยกัน ทุกคนในที่ทำงานเข้าใจว่านอกจากทิวาจะเป็นเลขาแล้วเขายังรับหน้าที่คนขับรถให้กับเจ้านายอีกด้วย

“ทิว เย็นนี้ไปกินข้าวที่บ้านพี่นะ” พอรถออกจาบริษัทเพียงนิดเมคินก็บอกกับเลขา

“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดก็ได้”

“ทำไมล่ะ”

“ท่านประธานอาจมีเรื่องคุยกับบอส”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า ท่านแค่ชวนไปกินข้าวธรรมดาเพราะช่วงปีใหม่พ่อกับแม่พี่จะไปเคาท์ดาวน์ที่ต่างประเทศก็เลยอยากเจอแค่นั้นเอง”

“พี่คินครับ เรื่องของเรา...”

ทิวาหยุดคิด อันที่จริงเขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ แต่ถ้าพูดไปก็กลัวเมคินจะคิดมาก

“ไม่ต้องห่วง ที่บ้านพี่รู้ว่าพี่ชอบอะไร แต่ที่ยังไม่รู้ก็คือพี่กำลังคบกับใครอยู่แค่นั้นเอง”

“อะไรนะครับ”

ทิวาตกใจจนเผลอเหยียบเบรกโชคดีที่รถด้านหลังยังอยู่ไกล

“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”

ทิวาไม่ตอบแต่ตอนนี้มือที่จับพวงมาลัยกำแน่นจนชุ่มไปด้วยเหงื่อ ชายหนุ่มกลัวตัวเองจะไม่เป็นที่ยอมรับของครอบครัวเมคิน เพราะตัวเองเป็นแค่เลขา ไม่มีอะไรที่คู่ควรกับรองประธานบริษัทเลยสักนิด

“พี่คินจะบอกเรื่องของเราไหม”

“นายคิดว่ายังไงล่ะ”

“อย่าเพิ่งบอกได้ไหมครับ ไม่ใช่ผมรังเกียจหรืออยากปิดบังนะครับแต่ผมเพิ่งทำงานได้ไม่นานแล้วจู่ๆ ก็เป็นแฟนกัน คนอื่นคงคิดว่าที่ผมมาทำงานเพราะหาโอกาสเข้าใกล้”

“พี่ไม่บอกก็ได้ เพื่อความสบายใจของนาย แต่ถ้าพวกท่านจะรู้เองมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่นะ”

“ถ้าพี่ทำตัวปกติ ผมทำตัวปกติ คนอื่นก็ไม่รู้”

“แล้วคิดจะปิดอีกนานแค่ไหน”

“ไม่นานหรอกครับ ให้เวลาผมอีกนิดนะครับ”

“พี่มีเวลาให้นายเสมอ”

“ขอบคุณครับ พี่คินทั้งหล่อทั้งอบอุ่นแล้วยังใจดีกับผมอีก”

“เพราะอย่างนั้นนายเลยตกลงเป็นแฟนเหรอ”

“ก็มีส่วนครับ แต่อีกส่วนคือเวลาผมอยู่กับพี่แล้วใจเต้นแรง”

“แล้วพี่คินล่ะครับ ทำไมถึงขอคบกับผม”

“พี่อยากตอบนะ แต่ถึงบ้านแล้ว เราเอาไว้คุยกันต่อที่คอนโด หรือถ้านายใจร้อนจะให้พี่บอกต่อหน้าทุกคนดีไหม”

“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ใจร้อนพี่ค่อยบอกผมตอนกลับถึงคอนโดก็ได้ครับ” ทิวารีบปฏิเสธทันที

“สวัสดีครับท่านประธาน คุณผู้หญิง” ทิวายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอยากอ่อนน้อม

“ไหว้พระเธอจ้ะ นี่ทิวมาทำงานได้กี่เดือนแล้วนะ” จีรญาชวนเลขาของลูกชายคุย

“เกือบสี่เดือนแล้วครับ”

“เป็นยังไงบ้างทำงานกับเจ้าคินปัญหาอะไรหรือเปล่า” เมฆาถามบ้าง เขาถูกใจชายหนุ่มคนนี้ไม่น้อย เพราะตั้งแต่มาทำงานกับเมคินก็เหมือนช่วยแบ่งเบาภาระได้เยอะกว่าเลขาคนก่อน

“ก็ดีครับ คุณคิดช่วยสอนผมหลายอย่าง งานหนักบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับไม่ไหว”

“นั่นแหละที่อยากเรียกมาคุย”

“ครับ ท่าน” ทิวาเลิกคิ้ว

“เรียกพ่อกับแม่เหมือนเจ้าคินก็ได้ ไหนๆ ก็ร่วมงานกันมาหลายเดือนแล้ว”

“ครับ”

“ที่พ่อเรียกมาคุยก็อยากจะเตือนทั้งสองคนนั่นแหละ ช่วงนี้งานค่อนข้างหนักหนาเอาการอยู่ ก็กลัวว่าจะหักโหมจนไม่ได้พักผ่อน”

“ครับ” ทิวาพยักหน้ารับ

“อ้อ ถ้าเจ้าคินมันใช้งานหนักจนทนไม่ไหวก็ให้บอกพ่อกับแม่ก่อนนะอย่าเพิ่งรีบลาออกไปเสียก่อน”

“พ่อกับแม่พูดแบบนี้แล้วผมจะกล้าใช้งานเลขาไหมเนี่ย อีกอย่างนะครับแม่ ทิวไม่มีทางลาออกหรอกครับ”

“ทำไมมั่นใจอย่างนั้นล่ะ”

“ก็ถ้าลาออกก่อนครบสัญญาก็ต้องจ่ายเงินค่าปรับสิครับ”

“สัญญาอะไรครับบอส ผมไม่เห็นรู้เรื่อง”

“ก็สัญญาที่เซ็นวันที่ผ่านโปรไง ไม่ได้อ่านเหรอ ในนั้นระบุไว้นะว่าถ้าลาออกก่อน 3 ปีต้องเสียค่าปรับ”

“ผมไม่ได้อ่านก็บอสเร่งให้ผมเซ็น” ทิวามองหน้าเจ้านายพร้อมสายตาคาดโทษ

เมคินหัวเราะร่วนเมื่อเห็นท่าทางตกใจของเลขาหนุ่ม

“คิน อย่าแกล้ง”

“ครับแม่ ไม่แกล้งแล้ว”

“ตกลงมันยังไงครับบอส” ทิวาหันมาถาม

“มันไม่หรอกสัญญาแบบนั้นพี่หลอกนายเล่น”

ท่าทางเป็นกันเองที่ลูกชายแสดงออกกับเลขา ทำให้คนเป็นพ่อแม่เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีใครทักท้วงเพราะกลัวคนกลางอย่างทิวาอาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel