18 พยาบาลพิเศษ
เป็นวันแรกที่เมคินขับรถกลับมาทำงานคนเดียว ตั้งแต่ทิวามาทำงานด้วย ความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง คงเพราะที่ผ่านมามีชายหนุ่มอีกคนอยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลา
เขาไปประชุมที่บริษัทลูกค้าสองแห่งจากนั้นก็ไปทานอาหารกลางวันกับฉัตรภพและกลับมานั่งทำงานต่อ ใจจริงอยากไปโรงพยาบาลเพื่อดูว่าทิวาเป็นยังไงบ้าง แต่งานตรงหน้าก็ยังไม่เรียบร้อย
ตกบ่ายก็ได้รับสายจากทิวา ชายหนุ่มโทรมาบอกว่าผลการส่องกล้องไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่หมอตรวจพบเชื้อเอชไพโลไรในกระเพาะอาหารเลยต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีกสองวันเพื่อรับยาฆ่าเชื้อเข้าทางสายน้ำเกลือจากนั้นก็ให้ไปทานยาต่อที่บ้านอีก 5 วัน
“เย็นนี้อยากกินอะไร พี่เลิกงานแล้วจะได้ซื้อไปให้”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมทานอาหารของโรงพยาบาลได้ พี่คินไม่ต้องมาก็ได้ ผมไม่เป็นอะไรมากสักหน่อย แค่นอนให้ยาเท่านั้นเอง”
“งั้นก็ตามใจ เดี๋ยวพี่ส่งพยาบาลพิเศษไปเฝ้าก็ได้”
“ครับ” เพราะไม่อยากให้เขาต้องลำบากมาเฝ้าทิวาเลยไม่ปฏิเสธเรื่องพยาบาลพิเศษ
“พี่ทำงานต่อนะ อย่าดื้อกับหมอและพยาบาลล่ะ เข้าใจไหม”
“ครับ”
พอวางสายแล้วคนป่วยก็ส่งไลน์มาย้ำเรื่องอาหารเย็นอีกครั้ง
Tiwa : ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนผมอย่าลืมทานข้าวนะครับ
Kin : อืม
เมคินเร่งทำงานในมือตรงหน้า เขาออกจากที่ทำงานตั้งแต่สี่โมงเย็น กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมของใช้จำเป็นและชุดสำหรับใส่ไปทำงานพรุ่งนี้ แวะรับผลไม้ที่สั่งไว้ก่อนจะตรงไปโรงพยาบาล
ประตูห้องถูกแง้มออกเบาๆ เพราะกลัวจะรบกวนคนป่วย แต่พอเปิดเข้าไปบนเตียงก็ว่างเปล่า เพราะคนป่วยนั่งอยู่บนโซฟาสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่พอได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันกลับมา
“อ้าวพี่คิน” ปากบอกไม่ให้เขามา แต่พอเห็นก็ดีใจจนแทบปิดไม่มิด
“กำลังมองอะไรอยู่”
เขาชะโงกออกไปนอกหน้าต่างห้องพัก ด้านนอกเป็นวิวของสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีผู้คนมากมายพากันมาออกกำลังกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสมองแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อย
“ผมนึกว่าพี่จะไม่มา ไหนพี่บอกว่าจะให้พยาบาลพิเศษมาเฝ้าผม”
“ก็พี่นี่ไง พยาบาลพิเศษ”
“ใช่ที่ไหนล่ะ พี่เป็นบอสผมนะ”
“ก็ตอนนี้เป็นพยาบาลไง พออยู่บริษัทก็เป็นบอส หรือนายอยากได้พยาบาลสาวๆ สวยๆ”
“ผมบอกอย่างนั้นเหรอ”
“ขี้เกียจเถียงกับนายแล้ว วันนี้ยังปวดท้องอยู่ไหม”
“นิดหน่อยครับ กินยาไปตอนเที่ยง”
“พี่ซื้อผลไม้มาให้นะ มีทับทิมกับแก้วมังกร พี่เสิร์ซดูแล้วนายกินได้ แถมยังมีประโยชน์ด้วย” เขายกกล่องผลไม้ที่ถูกเตรียมไว้พร้อมทานให้ทิวาดูก่อนจะนำไปเก็บในตู้เย็น
“ขอบคุณครับ วันนี้เหนื่อยไหมครับ”
“นิดหน่อย”
คำถามเดิมๆ ที่ทิวามักจะถามอยู่เป็นประจำคือวันนี้เหนื่อยไหม พี่คินเหนื่อยไหม มันเป็นคำพูดธรรมดาแต่ฟังแล้วรู้สึกหายเหนื่อย
เมคินนั่งคุยกับทิวาที่สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็นแม่บ้านก็เข็นรถอาหารเข้ามา วางบนโต๊ะเล็กข้างเตียง
“กินข้าวเลยไหม มียาก่อนอาหารหรือเปล่า”
“มีครับ ผมกินไปแล้ว พี่คินหิวไหม กินด้วยข้าวกันนะ”
ทิวาเดินมาดูถาดอาหารแล้วคิ้วก็ขมวดเป็นปม อาหารมื้อนี้กับมื้อกลางวันต่างกันจนดูผิดปกติ
“พี่สั่งเพิ่มเอง” เขาคลายข้อสงสัยให้กับเลขาหนุ่ม
ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาลเมคินโทรมาสั่งอาหารเพิ่มเพราะไม่อยากไปทานข้าวคนเดียว
“ยังปวดท้องอยู่ไหม”
เพราะเห็นอีกคนทานไปนิดเดียวก็อดจะถามไม่ได้ ไม่รู้ว่าถามทิวาแบบนี้ไปกี่ครั้งแล้ว
“ไม่แล้วครับ แต่ผมไม่อยากกินเยอะกลัวจะปวดท้องอีก พี่กินต่อเถอะไม่ต้องรีบ เดี๋ยวผมกินต่ออีกนิด”
เลขาหนุ่มรู้ดีว่าถ้าตัวเองอิ่มตอนนี้เมคินก็คงจะอิ่มตามไปด้วย การได้นั่งทานอาหารกับบอสก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขา จากแต่ก่อนทานคนเดียวมาตลอด แต่พอเจอกับเมคินทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
พอทานเสร็จเมคินก็ไปเดินไปหยิบผลไม้ในตู้เย็นมาให้ ทิวาเห็นชื่อร้านผลไม้แล้วก็ยิ้มเพราะร้านนี้มักแวะซื้อเป็นประจำ
“ซื้อแบบพร้อมทานก็สะดวกดีเหมือนกันนะ ครั้งต่อไปนายซื้อแบบนี้ก็ได้นะ ไม่เสียเวลาด้วย”
“ครับ”
เขาไม่เถียงเรื่องเวลา แต่การปลอกเองแกะเองมันจะได้รสชาติที่ใหม่สดว่า ทิวาเพียงแค่ติดเพราะถ้าพูดออกไปก็กลัวอีกคนจะเสียใจ
“ยาหลังอาหารมีไหม”
“มีครับ” เลขาชี้ไปยังโต๊ะข้างเตียง บนนั้นมีแก้วพลาสติกวางอยู่ ด้านในมียาอยู่สองเม็ด
เมคินหยิบยาและรินน้ำส่งให้ รอจนทิวาดื่มน้ำหมดแก้วก็เอาไปเก็บที่เดิม
“ขอบคุณครับ”
“นายอยากอาบน้ำหรือเข้าห้องน้ำก็บอกพี่นะ”
เพราะตอนนี้ทิวายังมีสายน้ำเกลืออยู่ที่มือด้านซ้าย คิดว่าคงอาบเองไม่สะดวกแน่ๆ
“ผมอาบเองได้”
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ผู้ชายเหมือนกัน พี่ช่วยอาบนะ”
พอเห็นว่าเขาอายก็อยากแกล้ง เขากระตุกเชือกที่ผูกเป็นปมออกจนเห็นผิวขาวที่ซ่อนอยู่ด้านใน จากอยากแก้ลงกลายเป็นว่าตัวเองใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นมาก่อนว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มักใส่เป็นประจำนั้นซ่อนผิวขาวเนียนไว้ด้านใน แล้วตอนนี้ผิวขาวนั้นมันกำลังแดงระเรื่อขึ้นทีละนิด
“พี่คินครับ ผมว่าผมอาบเองดีกว่า”
ทิวารู้สึกร้อนวูบวาบเมื่อเห็นสายตาของเมคินที่มองมา ไม่รู้ว่าบอสของเขากำลังคิดอะไรอยู่แต่ดูแล้วมันไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับตัวเขาเลย
“ได้สิ แต่อย่าล็อกประตูนะ มีอะไรก็ตะโกนเรียกพี่”
เมคินช่วยลากเสาน้ำเกลือเดินไปส่งอีกคนที่หน้าห้องน้ำ ก่อนจะกลับมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่บนเตียงคนไข้ มือซ้ายจับใบบนหน้าอกของตัวเองที่ก้อนเนื้อด้านในเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา
“ทิว เป็นอะไรหรือเปล่า นานจัง”
“เปล่าครับ ใกล้เสร็จแล้ว”
บอสหนุ่มเดินมารอที่หน้าห้องน้ำพอประตูเปิดออกเขาก็ดันเสาน้ำเกลือกลับไปที่เดิม
“พี่คินรับบทพยาบาลพิเศษบ่อยเหรอครับ ดูคล่องเชียว”
“บ่อยสิ แม่พี่เคยนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน”
“ท่านเป็นอะไรครับ”
“มะเร็งเต้านม”
“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”
“หายดีแล้ว ท่านเป็นระยะที่สองเลยตัดออกแล้วให้คีโมกับฉายแสง จากนั้นก็ตรวจซ้ำทุกหกเดือน”
“ผมไม่รู้มาก่อนเลย”
“นายไม่รู้ก็ไม่แปลก พี่เมย์ก็ไม่รู้”
“อะไรนะครับ”
“ก็ตามที่พูด พี่เมย์ไม่รู้ เพราะตอนนั้นพี่เมย์ไปเรียนต่างประเทศพอดี พี่กับพ่อก็เลยไม่อยากให้พี่เมย์รู้ มันเป็นความลับ”
“ผมไม่น่าไปรู้ความลับพี่เลย”
“แต่ก็รู้ไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่พี่ว่าดีเหมือนกันนะถ้าอีกหน่อยแม่พี่เป็นอะไรขึ้นมานายก็จะได้ช่วยดูแลท่านอีกคนไง”
“ผมจะช่วยดูแลใครได้ล่ะครับ ลำพังตัวเองยังต้องรบกวนพี่ตลอด”
“รบกวนที่ไหน อย่าคิดมาก พักผ่อนได้แล้ว”
เมคินเลื่อนโต๊ะคร่อมเตียงมาตรงโซฟา ปรับระดับให้ต่ำลงอีกนิด ก่อนจะหยิบโน้ตบุ๊กออกจากกระเป๋า
“ทำงานเหรอครับ”
“อือ มีงานค้างนิดหน่อย ยังไม่ง่วงใช่ไหม”
“ครับ”
“อยากทำงานใช่ไหมล่ะ”
“มีอะไรให้ทำไหมครับ”
“เดี๋ยวส่งสัญญาวันนี้ให้ ไปศึกษาดูนะ”
“ครับ”
จากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะทั้งสองคนตั้งใจทำงานของตัวเองจนกระทั่งพยาบาลเข้ามาทิวาจึงวางไอแพดในมือลง
พยาบาลสาวสวยมองหน้าคนไข้แล้วยิ้ม ก่อนจะเสียบขวดพลาสติกขนาดเล็กต่อเข้ากับสายน้ำเกลือในมือ
“ยาฆ่าเชื้อค่ะ ประมาณหนึ่งชั่วโมงคงหมดพอดี แต่ถ้าหมดก่อนก็กดออดเรียกนะคะ”
“ครับ”
พอเธอออกไปแล้วเมคินก็เดินมาหาคนไข้
“เธอสวยดีนะ”
“ครับ”
“นายชอบผู้หญิงแบบไหน”
“ไม่รู้ครับ” เขาตอบห้วนๆ ไม่ค่อยชอบคำถามของเจ้านายเท่าไหร่
เมื่อเห็นอีกคนเหมือนจะไม่พอใจกับคำถามเมคินเลยเดินกลับทำงานของตัวเองต่อ แอบดีใจเล็กน้อยที่ทิวาไม่สนใจพยาบาลคนนั้น