บทที่ 8
สายตาที่เอรินหันไปมองบุรุษผู้บีบบังคับไม่ยอมให้เธอออกจากห้องในยามนี้ เป็นสายตาที่เปล่งแววไม่เข้าใจและงุนงง ไม่มีความรู้สึกใดฉาบฉายอยู่บนใบหน้านั้นนอกจากความบึ้งตึง
เมื่อคําพูดประโยคนั้นซึมแทรกเข้าไปในสมองที่เต็มไปด้วยความสับสน เอรินก็สะบัดไหล่ให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม ถอยห่างออกมาหลายก้าว
“ฉันว่าคุณต้องเสียสติแน่เลย มิสเตอร์บาร์เรทท์”
“ถ้าผมปล่อยให้คุณออกจากบ้านหลังนี้โดยไม่รู้แน่ชัดว่าคุณเป็นใคร และทําไม่จู่ ๆ ถึงได้มาโผล่ขึ้นที่หน้าประตูบ้านของไลแมนนั่นละผมถึงจะยอมรับว่าตัวเองเสียสติ”
พูดจบเขาหันหลังให้เดินดิ่งตรงไปยังประตู เมื่อถึงตรงนั้นก็หันกลับมามองหน้า
“ผมเป็นผู้ชายที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนบริบูรณ์ที่สุด” เขายิ้มระรื่น ราวยิ้มของเพื่อนสนิท ซึ่งยิ่งสร้างความกราดเกรี้ยวให้กับเอรินอย่างเหลือจะกล่าว “ผมเห็นจะต้องขอตัวก่อนนะ ยังมีงานต้องทำ เชิญตามสบายเลย เวลานี้คุณเป็นเจ้าของห้องนี้แล้ว”
“ไปลงนรกเสียไป๊...” เธอตวาดใส่หน้า
รอยยิ้มกดลึกลงกว่าเดิม
“ผมน่ะอยากลงมาตั้งนานแล้วละ” แต่เขาเดินออกจากหน้าประตูนั้นไม่ทันถึงสามก้าว เธอก็กระชากประตูให้เปิดออก ตะโกนไล่หลังมาว่า
“นี่...คุณจะมาขังฉันไว้เหมือนนักโทษอย่างนี้ไม่ได้นะ”
“งั้นเรอะ...” เขาหันมาเผชิญหน้า “ก็แล้วใครเล่าจะมาห้ามผม” เขาถามอย่างท้าทาย ท่าทางสบายอารมณ์ เพราะรู้อยู่ว่าคําพูดของเธอไม่ใช่คำขู่
เอรินขยับปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีเสียงหลุดลอดออกมา...จริงสิ...ใครเล่าที่จะห้ามเขาได้... เธอ คอตกถอนหายใจหน่วงหนัก เธอจะไปทนเหน็ดเหนื่อยต่อสู้กับหินผาที่ไม่มีทางขยับเขยื้อนอยู่เพื่ออะไร...
ทางที่ดีเธอน่าจะทนเอาสักคืนหนึ่ง เมื่อถึงตอนเช้า เขาก็จะติดต่อไปยังฮิวสตันเพื่อยืนยันหลักฐานเกี่ยวกับตัวเธอ ภายหลังจากที่ได้รับคําอธิบายเรื่องการตามหาเคนเนธ ไลแมน ของเธอจนเป็นที่พอใจแล้ว เธอก็จะไม่ต้องเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีก
ล้านซ์ บาร์เรทท์ จับตามองหน้าเอรินอยู่ ดูเหมือนเขาจะอ่านสิ่งที่อยู่ในความคิดของเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มันเป็นงานของเขาอยู่แล้วที่จะต้องรู้ซึ้งถึงความคิดของผู้อื่น อ่านทุกสิ่งที่ล้ำลึกกว่าที่อีกฝ่ายหนึ่งกล่าวออกมา เขาได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับเรื่องนี้มาอย่างดี
ให้ตายสิ...จริง ๆ แล้วเธอช่างเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างหาตัวจับยาก...เขาครุ่นคิดอยู่ในใจ ตอนที่เขาเปิดประตูบ้านและพบเธอยืนอยู่ตรงหน้าระเบียง ด้วยสีหน้าท่าทางและการแต่งกายที่ราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นนั้น เขามีความรู้สึกเหมือนถูกต่อยตรงหน้าท้องอย่างแรง
แต่ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนแรกก็ถูกข่มด้วยสัญชาตญาณและความรับผิดชอบต่องานอาชีพ แต่กระนั้น เขาก็ยังไม่อาจละสายตาจากเธอได้...
สิ่งที่มากกว่าความสวยของเธอคือความจริงใจและมีสมอง เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอ่อนเป็นขี้ผึ้งเพียงแค่ถูกมองด้วยสายตาคมปลาบของเขาเพียงครั้งเดียว มิได้แสดงความหวั่นไหวหรือตื่นกลัวเลยด้วยซ้ำ เอริน โอ’เชีย สามารถท้าทายเขาตลอดเวลา เขายอมรับว่าสนุกกับการต่อปากต่อคำกับเธอไม่น้อย
แต่เขาก็อดตําหนิตัวเองไม่ได้ว่า ไม่ควรจูบเธออย่างนั้นเลย ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้เข้า เขาคงถูกไล่เตะตั้งแต่นี่จนถึงวอชิงตันแน่ และเธอก็พูดถูก ว่าเขาไม่จําเป็นต้องค้นตัวเธอถึงขนาดนั้น...ยอมรับมาเสียสิเพื่อนเอ๋ย...ว่าที่แกทําถึงขนาดนั้นเพราะอยากถูกเนื้อต้องตัวเธอ...
นรก...สิ่งที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะทําเพียงแค่มอง แต่เขาสามารถจะทั้งมองและสัมผัสทุกส่วนโค้งส่วนเว้าที่อยู่ใต้เสื้อสูทราคาแพงชุดนั้น ชุดที่สมสัดส่วนเรือนร่างเธออย่างที่สุด แต่...ราคาของมันมากกว่าเงินเดือนของเขาทั้งอาทิตย์เสียด้วยซ้ำ
เขาจับตามองเธออยู่ เอรินขบเรียวปากด้วยไรฟันซี่เล็กๆ ขาวสะอ้าน ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงอยู่บนใบหน้าของเธอยามนี้ ราวภาพที่เคลื่อนไหวอยู่บนจอภาพยนตร์
ลึกลงไปในใจเขารู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม เรื่องราวที่เธอเล่าให้เขาฟังมันออกจะคล้ายนิยายไปสักหน่อย แต่ถ้าเป็นความจริงตามนั้น เขาก็จะปล่อยตัวเธอไป แต่แน่นอนที่จะต้องมีคนของเขาคอยติดตามความเคลื่อนไหวของเธออย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
ก็แล้วทําไมเขาถึงไม่ทําเสียตอนนี้เลยเล่า...
ล้านซ์ได้รับการอบรมมาแล้วอย่างดีที่จะไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ให้ปรากฏออกมาในสีหน้า ดังนั้น เอรินจึงไม่อ่านความคิดของเขาเกี่ยวกับตัวเธอได้ อย่างไรก็ตาม เธอตัดสินใจที่จะทําให้ดีที่สุดสําหรับสถานการณ์ในตอนนี้
“รู้สึกว่าฉันคงไม่มีทางเลือกหรอกนะ มิสเตอร์บาร์เรทท์ เอาละ...ฉันจะยอมอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงตอนเช้า ซึ่งฉันหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้น คุณจะติดต่อทางโทรศัพท์กับทุกคนที่คิดว่าจำเป็นเรียบร้อยแล้ว เพื่อที่จะยืนยันว่าทุกสิ่งที่ฉันเล่าให้คุณฟังล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น”
“การให้ความร่วมมือต่อประเทศชาติของคุณเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญอย่างยิ่ง” เขายั่ว
เธออยากจะตบหน้าที่ยั่วเยาะนั้นให้สาแก่ใจเสียนัก แต่ก็สะกดใจไว้เอ่ยถามออกไปว่า
“ถ้ายังงั้นให้ฉันออกไปเยี่ยมเมลานี่หน่อยได้ไหมคะ ในฐานะที่เขาเป็นพี่สะใภ้เรายังไม่ได้แนะนําตัวกันอย่างถูกต้องเลย และช่วงเวลาอย่างนี้เขาคงจะไม่สบายใจอย่างมากด้วย”
“ผมว่าคงไม่เป็นไรหรอกนะ เอายังงี้ดีกว่า เดี๋ยวผมจะให้เขาเข้ามาหาคุณในห้องนี่ สําหรับตอนนี้ ผมยังอยากให้คุณอยู่แต่ในห้องมากกว่า”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันสัญญาว่าจะไม่วิ่งหนีไปไหน”
“ดี...” พูดจบเขาก็เดินจากไป
เอรินจําต้องเดินกลับเข้าไปในห้องด้วยความเคืองขุ่นในอารมณ์ ผู้ชายคนนี้ไม่น่าจะเป็นมนุษย์ สงสัยในเส้นเลือดของเขาจะมีแต่น้ำแข็งไหลเวียนอยู่ เขาคงจะดูหนังที่แสดงโดยคลินท์ อิสต์วู้ด มากเกินไป ถึงได้พยายามจดจําบทบาทของนักแสดงผู้นั้นมาใช้กับตัวเอง พยายามแสดงอํานาจอยู่ตลอดเวลา
แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังต้องให้เครดิตเขาในเรื่องของการทํางาน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้าหน้าที่ของทางบ้านเมือง ซึ่งหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่เป็นงานที่ยากลำบากมาก เขาคงจะต้องรับการอบรมในเรื่องระเบียบวินัยมานานมาก
เมื่อถึงเวลานี้ เธอเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเขาจึงไม่ยอมให้มีสิ่งใดหลุดลอดไปจากสายตาได้เลย นับแต่วาระแรกที่เขาเปิดประตูรับ เธอสัมผัสความรู้สึกอยู่ว่าเขาคอยจับตามองทุกอิริยาบถที่เคลื่อนไหว และอ่านความคิดเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างทอดสายตาออกไปภายนอก พยายามกล้ำกลืนความตีบตันที่ขึ้นมาบดรัดอยู่ในลําคอลงไว้ หวังแต่เพียงว่าเขาจะอ่านความรู้สึกบางอย่างของเธอไม่ออก เพราะบางความคิด และความรู้สึกนั้นเธอก็อยากจะเก็บมันไว้เป็นการส่วนตัวมากกว่า
หัวใจของเธอพองโตขึ้น เมื่อเขาใช้คําพูดว่า...คืนนี้เธอจะต้องอยู่กับเขาที่นี่ จริงอยู่...มันอาจจะเป็นเพียงแค่คําพูด ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งแต่อย่างใด เพียงแต่มัน “ฟัง” ดูคล้ายกับมีความหมายอื่นแฝงนัยอยู่ด้วยเท่านั้น
แต่กระนั้น ความนับถือตนเองคงจะถูกทําลายลงอย่างน่าเสียดาย ถ้าเขาล่วงรู้ว่า คําพูดประโยคนั้นมันได้สร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นกับจิตใจของเธอมากเพียงไร...
นวลแก้มร้อนผ่าวแดงปลั่งขึ้นมาอีก เมื่อเอรินนึกไปถึงจูบที่เขาประทับลงตอนที่อยู่ด้วยกันในห้องครัว มันทําให้เธอต้องเลื่อนมือขึ้นประคองใบหน้าไว้ เมื่อนึกถึงตอนที่เธอเกือบจะสนองตอบต่อจูบของเขาอยู่แล้ว ถ้าเมลานี่จะไม่เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะคิดอยู่ว่าเขาเป็นพี่ชาย แต่ก็เกือบจะสนองตอบออกไปจริง ๆ เอรินนึกไม่ออกว่าเธอหลงเสน่ห์ผู้ชายคนไหนบ้าง...จะมีด้วยหรือ...
เธอก้มลงมองแหวนเพชรที่สะท้อนประกายอยู่พราวแพรวอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย และรอยยิ้มอย่างเศร้าเสียใจก็ปรากฏขึ้น จูบของบาร์ทไม่มีทางที่จะนํามาเปรียบเทียบกับล้านซ์ บาร์เรทท์ ได้เลย
เอรินรู้ว่าเธอกําลังไม่ยุติธรรมต่อบาร์ท เมื่อหกเดือนก่อนเขาได้เร่งเร้าให้เธอยอมรับแหวนหมั้นวงนี้ ซึ่งเธอก็เพียงแต่ยอมทำตามใจ เพื่อไม่ให้เขาต้องติดตามเว้าวอนอย่างที่ทําอยู่
“เถอะน่า ฮันนี่ สวมไว้เถอะ”
“แต่...เอ้อ...บาร์ท...”
“ผมรู้...ผมรู้ ชูการ์ ว่าคุณยังไม่คิดจะแต่งงานใหม่ ผมสัญญาว่าจะไม่เร่งรัดคุณเรื่องวันแต่งงานหรอก ขอแต่เพียงให้คุณสวมแหวนวงนี้ไว้เท่านั้น คิดดูสิ ถ้าผมเอามันกลับไปคืนร้านเพชร พรุ่งนี้ข่าวจะต้องกระจายไปทั่วฮิวสตันเลยว่า บาร์ท สแตนตัน ถูกผู้หญิงหักอกเข้าให้แล้ว” เขาแสร้งทําคอตก ซึ่งทําให้เธออดผลักไหล่อย่างขบขันกับท่าเศร้านั้นไม่ได้
“โอ...เอาเถอะ...เอาเถอะ...อย่ามาแสดงละครบ้า ๆ บอ ๆ ให้ฉันดูหน่อยเลย ใคร ๆ ก็รู้ว่ามีผู้หญิงนับร้อยพันที่พร้อมจะยืนเข้าคิวต่อกัน เพื่อจะให้ตัวเองได้สวมแหวนหมั้นวงนี้ มีใครบ้างล่ะคะที่ไม่อยากเป็นเจ้าสาวของบาร์ท สแตนตัน ผู้ที่ประวัติของเขากลายเป็นตำนานของท้องถิ่นไปแล้ว”
“แต่ผมต้องการผู้หญิงอยู่คนเดียวเท่านั้นนะ ชูการ์” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง เอรินรู้ว่าเขาเป็นคนพูดจริงทำจริงทุกอย่าง แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่สร้างความรู้สึกสับสนให้เกิดขึ้นกับเธออยู่