บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

คําถามที่ถึงอลขึ้นในใจทําให้เธอต้องเหลือบมองไปทางแจ๊คเก็ตหนังที่พาดอยู่ข้างตัว เห็นเครื่องหมายการค้าของห้องเสื้อแห่งนั้น แต่คนอื่นไม่น่าจะรู้ได้ นอกจากเขาจะมีสายตาแหลมคมเหมือนตาเหยี่ยว

เขาสังเกตเห็นแววพิศวงที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าจึงเอ่ยออกมาว่า

“ผมอาจจะไม่ใช่สุภาพบุรุษแห่งวงสังคมตามสายตาของคุณ แต่ถึงยังไงผมก็เคยได้ยินชื่อเสียงของออสการ์ เดอ ลา เรนต้าแน่นอน แล้วก็พอจะรู้ว่าค่าเสื้อชุดที่คุณสวมอยู่นี่เท่ากับเงินเดือนผมหนึ่งอาทิตย์ทีเดียว คุณหาเงินได้ด้วยวิธีไหนนะมิสโอ’เชีย”

“อ้าว...ฉันก็ได้มาจากการทํางานน่ะสิ” เธอตะเบ็งเสียงใส่หน้าให้ “แล้วฉันก็ไม่ใช่แค่ลูกจ้างธรรมดาอย่างที่คุณคิดด้วย มิสเตอร์บาเรทท์ ฉันเป็นเจ้าของบริษัท มีพนักงานที่ทํางานอยู่กับฉันถึงสิบสองคน ซึ่งทุกคนล้วนแต่มีฝีมือด้วยกันทั้งนั้น และธุรกิจของฉันก็เป็นธุรกิจที่ประสบความสําเร็จอย่างมากด้วย”

“ขอแสดงความยินดีด้วยนะ” เขาประชดให้ “แล้วคุณหาเงินหาทองมาจากไหนถึงตั้งบริษัทใหญ่โตได้ขนาดนั้น”

“จากสามีของฉันน่ะสิ”

คําตอบของเธอจะสร้างความแปลกใจให้กับเขาอย่างมาก ดวงตาคู่นั้นหลงอย่างประสงค์ร้าย

“ก่อนหน้านี้ดูเหมือนคุณจะบอกผมว่าคุณยังไม่ได้แต่งงานนะ”

“มันก็เป็นความจริงอีกนั่นแหละ” เมื่อเห็นเขาขยับสืบเท้าเข้ามาใกล้ เธอก็ยกมือทั้งสองขึ้นยับยั้งเขาไว้ “ฉันเป็นแม่หม้าย”

ปฏิกิริยาที่เขาแสดงออกในตอนนี้เป็นสิ่งที่เธอมิได้คาดคิด เพราะเขาแหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

“แหม...ให้ตายสิ...คุณนี่เหลี่ยมพราวไปทั้งตัวเลยนะ เอ้า...ว่าต่อไป ผมชักสนุกกับเรื่องเล่าของคุณแล้ว นะนี่”

“แต่มันเป็นเรื่องจริงนะ” เธอร้องเสียงดังลั่น

“กรุณาเล่าต่อเถอะ ผมจะอยากฟังแทบขาดใจแล้ว” เขาเลิกคิ้วเยาะหยัน

“มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรมากเลย พอฉันเรียนจบฉันก็เดินทางไปนิวยอร์ค ทํางานเป็นนางแบบอยู่ที่นั่นสองปี แต่ไม่ประสบความสําเร็จกับอาชีพนั้นเท่าไหร่นัก เมื่อฉันเห็นว่ามันไม่มีทางสร้างชื่อเสียงให้กับฉันได้ ฉันก็ไปทํางานกับบริษัทที่ผลิตเสื้อผ้า สําหรับแสดงแฟชั่นโชว์โดยเฉพาะแห่งหนึ่ง”

จากสีหน้าของเขาในยามนี้ทําให้เธอพอจะรู้อยู่ว่าเขาไม่ได้เชื่อถือในเรื่องที่เธอกําลังเล่าให้ฟังแม้แต่น้อย

“คุณคงจะไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่นักหรอก แต่ห้องเสื้อที่เขาตัดเย็บเสื้อผ้าสําหรับการแสดงแฟชั่นโชว์น่ะเขาจะต้องมีนางแบบเพื่อใช้วัดขนาดเสื้อผ้าที่จะตัดออกมาด้วย และฉันก็มีรูปร่างตรงกับความต้องการของเขาพอดีคือ ไซส์แปด ทางห้องเสื้อก็จะตัดเย็บเสื้อผ้าเหล่านั้นออกมาให้เท่ากับขนาดตัวของฉัน...ตราบเท่าที่ฉันยังรักษารูปร่างไว้ได้”

เธอเลียริมฝีปากด้วยความรู้สึกอึดอัดกระวนกระวายใจ เพราะเขากําลังใช้สายตาตรวจไปทั่วเรือนร่าง ราวกับว่ารูปร่างของเธอจะเหมาะกับอาชีพที่กําลังเล่าให้เขาฟังอยู่ในขณะนี้หรือไม่

“มันเป็นงานที่ดีมาก...เพราะถ้าฉันไม่ต้องยุ่งกับการให้ช่างวัดตัวเพื่อตัดเสื้อผ้า ฉันก็มีโอกาสที่จะศึกษาธุรกิจด้านนั้น ซึ่งก็มีทั้งเรื่องของการออกแบบ การเลือกสีสัน เลือกผ้าที่จะใช้ในการตัดเย็บ เลือกเครื่องประดับให้เข้าชุดกัน แม้แต่เรื่องของการส่งสินค้าหรือการออกบิลเก็บเงิน”

“ผมเคยรู้มาว่า คนที่จะเป็นนางแบบมักจะมีรูปร่างสูงโปร่ง ค่อนข้างผอม หน้าอกค่อนข้างเล็ก” รอยยิ้มกริ่มฉาบขึ้นทั้งใบหน้าและแววตา “แต่สําหรับคุณนะครับ มิสโอ’เชีย แม้จะมีรูปร่างอย่างที่ว่า แต่รู้สึกว่าหน้าอกไม่ได้แฟบอย่างที่ควรจะเป็นเลยนี่”

ความร้อนลวกลามไปทั่วทั้งใบหน้า

“ฉันก็บอกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าฉันไม่ใช่นางแบบที่ประสบความสําเร็จอะไรนัก”

ภายหลังจากความเงียบอันน่าอึดอัดตกลงปกคลุมห้องนั้นไว้เป็นครู่ เขาก็เอ่ยถามต่อว่า

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่คุณทํางานตามนิยายที่แต่งขึ้นนี่แล้ว”

“ฉันแต่งงาน”

“เออ...นั่นสินะ ผมก็ลืมเรื่องสามีไปเสียสนิท”

เอรินพยายามกล้ำกลืนความแค้นใจลงไว้อย่างสุดความสามารถ ตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า

“เจ้าของบริษัทนั่นแหละที่แต่งงานกับฉัน แต่หลังจากที่เราแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน หมอก็ยืนยันว่าเขาเป็นมะเร็ง...ในที่สุดเขาก็ตาย ทิ้งมรดกไว้ให้ฉันก้อนหนึ่ง หลังจากนั้นฉันก็เดินทางกลับไปอยู่ฮิวสตันแล้วก็ตั้งบริษัทสปอตไล้ท์ขึ้น”

“เขาแก่กว่าคุณมากไหม”

“มากทีเดียว”

“ก็หมายความว่าคุณทิ้งมรดกทั้งหมดไว้ที่นั่นแล้วก็เช่ารถเบนซ์มาใช้”

“ฉันไม่ค่อยเข้าใจคําถามยอกย้อนของคุณหรอกนะ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก...สามีฉันเขามีลูกที่เกิดจากภรรยาคนก่อนอยู่สองคน ซึ่งก็โตกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นทรัพย์สินส่วนหนึ่งเขายกให้ลูกสองคนนั่น ฉันไม่เคยขออะไรจากเขา และเขาก็ทิ้งเงินไว้ให้ก้อนใหญ่พอที่ฉันจะเอามาตั้งบริษัทได้”

“คุณเป็นคนใจคอกว้างขวางดีจริง ๆ” ขณะนี้เขากําลังรื้อค้นกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธออยู่ ทุกสิ่งที่อยู่ในนั้นล้วนเป็นสมบัติของผู้หญิงโดยเฉพาะ เอรินไม่พอใจอย่างที่สุดที่เขาล่วงล้ำเข้ามาในความเป็นส่วนตัวของเธอแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้จะทําอย่างไรได้ เมื่อมาถึงเวลานี้ดูเหมือนเธอจะไม่มีความลับอะไรสําหรับผู้ชายที่หยาบคายคนนี้อีก

เขาชูยาแผงหนึ่งขึ้นตรงหน้า เอ่ยถามออกมาว่า

“ยาคุมกําเนิดหรือนี่”

คําถามนั้นทําให้เธอร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งตัว อยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือเสียนัก

“เปล่า...ยาระงับการอักเสบ ฉันเจ็บคอมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อน”

“ไม่เห็นบอกวิธีการใช้ไว้เลยนี่”

“ฉันไปหาหมอแล้วเขาก็ให้ยาตัวอย่างมา ไม่ต้องไปหาซื้อตามร้านขายยา”

ท่าทางเขาดูจะพอใจกับคําตอบของเธออยู่ ขณะหยิบสบู่อาบน้ำขึ้นมาดมก็ถามว่า

“คุณอาจจะคิดว่าผมโง่นะมิสโอ’เชีย ทุกวันนี้คุณยังใช้ชื่อสกุลเดิมอยู่ใช่ไหม” เมื่อเธอพยักหน้าเขาก็ถามต่อว่า “ทําไมล่ะ หรือว่าคุณขายหน้าที่ต้องแต่งงานกับคนแก่ที่มีโรคมะเร็งติดตัว เพียงเพื่อจะหาเงินมาสร้างฐานะของตัวเองเมื่อเขาตายลง”

เอรินเย็นเชือดไปทั้งตัวแล้วความร้อนก็แล่นขึ้นมาแทนที่ในนาที่เดียวกัน เธอถลันลุกขึ้นจากโซฟา เงื้อมือจะฟาดใส่ใบหน้าที่ยิ้มหยันนั้นให้สะใจและสมแค้น แต่ถูกคว้าแขนจับบิดไพล่ไปข้างหลังเสียก่อน

พร้อมกันนั้นเขาก็กระชากตัวเธอเข้ามาตรึงไว้กับแผงอก

“ถ้าผมเป็นคุณ จะไม่พยายามทําอย่างนั้นอีก” น้ำเสียงคุกคามของเขาน่าเชื่อถือยิ่งนัก “เอาละ ตอบผมมาสิว่าทําไมคุณถึงไม่ใช้ชื่อแต่งงาน ถ้ามีการแต่งงานอย่างที่คุณว่าจริง”

“ชื่อแต่งงานของฉันคือกรีน ฉันแต่งงานกับมิสเตอร์ โจเซฟ กรีน ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักกันในวงการอุตสาหกรรมเสื้อผ้าอยู่จนทุกวันนี้ แต่คนใจต่ำอย่างคุณนั่นแหละที่คิดว่า การที่ฉันตั้งตัวได้เพราะสมบัติของเขาที่ทิ้งไว้ให้ ไม่ใช่เพราะการทุ่มเททั้งใจกายและแรงงานของฉัน ที่ทําให้ฉันประสบความสําเร็จอย่างทุกวันนี้...”

แขนทรงพลังที่รวบรัดเธอไว้บีบแน่นเข้าจนเธอต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่เอรินก็ประสานสายตากับเขาอย่างไม่พรั่น

มันมีความรู้สึกสับสนบังเกิดขึ้นราวจะครอบงําความโกรธแค้นของเธอไว้ ความเจ็บปวดที่แขนถูกรวบรัดไว้นั้น ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับการที่ได้ตระหนักด้วยความปวดร้าวเมื่อร่างกายของเขาแนบชิดอยู่กับเธอในลักษณะนี้ แผงอกที่แนบอยู่กับเนินทรวงของเธอราวหินผา ต้นขาที่แนบสนิทขยับเบา ๆ จนถึงตําแหน่งที่มันเข้ากันได้พอดี

ดวงตาคู่สีฟ้าเข้มที่เมื่อครู่เป็นประกายวาวด้วยความโกรธ เหมือนจะแฝงไว้ด้วยแววบางอย่างที่น่ากลัวกว่านั้น ทั่วทุกองค์ประกอบบนใบหน้าราวถูกลวกร้อนด้วยเปลวไฟสีน้ำเงิน ไม่ว่าจะเป็นดวงตา ขมับ นวลแก้มและเรียวปากที่ได้ถูกโลมไล้ด้วยปลายลิ้นที่แรงร้อนราวเปลวไฟมาแล้ว

กับความรู้ที่ได้รับในยามนี้ มันทําให้เอรินต้องหลบตาลง และทันใดนั้นเขาก็ปล่อยมือที่จับตัวเธอไว้

เธอรีบหันหลังให้ พยายามตั้งสติไว้ให้มั่น และเนื่องจากไม่มีทางที่จะทําอะไรได้ดีไปกว่านั้น เธอจึงทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตามเดิม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel