บทที่ 2 เมื่อต้องอยู่ร่วมห้องเดียวกัน (2)
“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ งั้นสุดแท้แต่ลุงลูซจะนำทางฉันไปล่ะกันนะคะ”
เธอฉลาดพูด...เขาคิดในใจ แบบนี้ใครจะกล้าวางอนาคตให้เธอแบบตามมีตามเกิดกัน ก็คงต้องทำให้ดีสินะ เธออุตส่าห์ไว้ใจเขาทั้งที
“ตามนั้น ถึงบ้านฉันแล้วล่ะ” เขาชะลอรถเมื่อมาถึงคฤหาสน์หลังงามซึ่งตั้งตระหง่านกลางพื้นที่หลายไร่ เธอห่อปาก ตาโต จับพนักเบาะข้างหน้าแล้วยื่นหน้าไปดูอย่างตื่นเต้น
“โอ้โห บ้านลุงลูซหลังใหญ่จังเลยค่ะ”
เขาเงียบ...หน้าเรียบสนิท จนบางทีเธอก็สงสัยว่าเขายิ้มเป็นหรือเปล่า หรือถนัดทำหน้าตายอย่างนี้ตลอด เขามีความรู้สึกเจ็บ เสียใจ มีความสุขบ้างไหมนะ
รปภ. ที่อยู่ป้อมเล็กๆ รีบลุกมาเปิดประตูรั้วให้อย่างรู้หน้าที่ เขาขับรถเข้าไปภายในอาณาเขตบ้าน ดับเครื่องที่โรงจอดขนาดใหญ่ที่กว้างขวางพอๆ กับโรงอาหารโรงเรียน ภายในนั้นมีรถหลากหลายยี่ห้อจอดเรียงราย ทั้งรถกระบะ รถเก๋ง รถเบนซ์ รถสปอร์ต และจักรยาน
เธอก้าวลงจากรถพร้อมๆ กับเขา อยู่ดีๆ ร่างกายก็สั่นเทิ้มขึ้นมาเสียเฉยๆ ได้แต่ยืนขาแข็ง ส่วนเขาก้าวพรวดนำหน้า พอเห็นเธอไม่ยอมเดินตามก็หันหลับมา
“ตามมาสิ เธออยากได้ชีวิตใหม่ไม่ใช่หรือไง”
เด็กสาวกำมือแน่น เม้มปาก นั่นสิ...ชีวิตใหม่ที่เธอปรารถนา ขอเพียงแค่เธอกล้าที่จะก้าวเดินไป เธอก็จะหลุดพ้นจากขุมนรกที่ชื่อว่า ‘พี่ชาย’
เธอยังจำได้ดีถึงความขมขื่นที่ได้รับมาตลอดทั้งชีวิต ตอนเด็กๆ โดนกลั่นแกล้ง พอพ่อตาย พี่ยศก็ติดเหล้า ติดการพนัน เมามาหรือเสียพนันก็จะมาระบายลงกับเธอผ่านกำปั้น เข่า และฝ่ามือ
เธอกลายเป็นกระสอบทรายของพี่ แม้จะเรียนจบ ปวช. ดิ้นรนไปหางานทำ แต่ได้เงินมาก็ไม่พ้นถูกพี่ถลุงจนหมด
เธอหนีออกจากบ้านหลายครั้งเพราะอยากใช้ชีวิตอิสระเป็นของตัวเอง แต่ก็โดนพี่ตามตัวกลับบ้านได้ทุกครั้ง และบทลงโทษที่เธอหนีออกจากบ้านก็ช่างหนักหน่วงจนเธอไม่อยากนึกถึงอีก
เธอไม่เคยได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ
ไม่เคยได้กินอาหารดีๆ
สำหรับพี่ยศแล้ว เด็กที่เกิดจากเมียน้อยอย่างเธอก็คงไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยง
มีหน้าที่ทำงานหาเงิน ทำงานบ้าน คอยรับใช้ และเป็นกระสอบทรายให้พี่ชายระบายความหงุดหงิด
เธอมองลูเซียโน่ ผู้ชายตัวสูงใหญ่ ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้ม สีหน้าเรียบเฉย เธอไม่เคยเห็นเขามาก่อน ไม่รู้จักและไม่สนิท ไม่รู้ว่าเขาไว้ใจได้มากแค่ไหน แต่ในเมื่อเธอกล้าที่จะก้าวออกมาจากบ้านที่ตัวเองอยู่ตั้งแต่เด็ก เธอก็ควรเชื่อใจเขา
เพราะในเวลานี้....ที่พึ่งหนึ่งเดียวของเธอก็คือเขา
“ค่ะลุงลูซ” เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ นับจากนี้ ทุกการก้าวเดินคืออนาคตใหม่ของเธอ
ยิ่งเมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ความหรูหราทำให้เธอตัวลีบเล็กหนักขึ้นไปอีก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่ขยะไร้ค่าชิ้นหนึ่ง สภาพมอมแมม เสื้อผ้าเก่าๆ แม้แต่ชุดของคนรับใช้ยังดูดีกว่าเธอเสียอีก
“มาแล้วเหรอจ๊ะลูซลูกรัก” โชติกาซึ่งรอคอยท่าอยู่แล้ว ทันทีที่ลูเซียโน่ก้าวเท้าเข้าห้องโถง เธอก็ปรี่เข้ามาจับแขนลูกชาย ปากหวานพร่ำพูด
“วันนี้ได้ครบทุกคนอีกแล้วใช่ไหม”
“ครับ” เขาเปิดกระเป๋าสะพายขวางอก หยิบธนบัตรสีเทาปึกใหญ่กับสร้อยทองมาวางกองรวมกันไว้บนโต๊ะตัวเตี้ย “ยังไม่มีใครจ่ายต้น มีแต่คนจ่ายดอก”
“แหม ลูกของแม่นี่เก่งจริงๆ ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลย” หญิงสูงวัยยิ้มแป้นแล้น รีบนับเงินเป็นฟ่อน ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเด็กสาวที่ยืนตัวลีบ ก้มหน้าอยู่ห่างๆ “เอ๊ะ แล้วนั่นใคร”
“ผมจะอธิบายให้ฟังครับ นั่งก่อนสิคุณแม่” เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวหนึ่ง แม่รีบนั่งฝั่งตรงข้าม เขาหันไปทำน้ำเสียงบังคับใส่แพรววนิต
“เธอก็มานั่งสิ นั่งข้างๆ ฉันนี่”
“ค่ะ...” เธอยกมือไหว้โชติกา ฝ่ายนั้นเพียงพนักหน้ารับส่งๆ สายตาจิกมองเด็กสาวหย่อนก้นลงนั่งด้วยท่าทางรังเกียจ เนื้อตัวก็สกปรกมอมแมมอย่างนั้น ลูซคิดยังไงถึงเชื้อเชิญให้มันนั่งบนโซฟาราคาแพง
เห็นทีพรุ่งนี้จะต้องเอาโซฟาตัวนั้นไปทิ้งแล้วซื้อตัวใหม่มา