บทที่ 2 เมื่อต้องอยู่ร่วมห้องเดียวกัน (1)
บทที่ 2
เมื่อต้องอยู่ร่วมห้องเดียวกัน
“ฉันจะพาเธอไปส่งบ้าน” เขายืนยันเสียงเข้ม หนักแน่นปานหินผา
“ไม่นะคะ” แพรววนิตส่ายหน้าจนเส้นผมยุ่งๆ นั่นกระจายล้อมกรอบหน้า “หนูไม่อยากอยู่เป็นกระสอบทรายให้พี่ยศอีกแล้ว หนูกลัว หนูขอร้อง...พาหนูออกไปจากนรกนี่ที”
เขาจิกมองเธอด้วยหางตา ก่อนจะถอดแว่นโยนไปที่เบาะข้างๆ เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ลุกโชติช่วงไม่ต่างจากเปลวเพลิงที่พร้อมเผาไหม้
“งั้นฉันจะพาเธอไปแจ้งความ”
“ไม่นะคะ ถ้าพี่ไม่โดนคุก หรือติดคุกไม่นาน สุดท้ายหนูอาจโดนฆ่า”
ชายหนุ่มบดกรามกร้วม มองมุมปากที่แดงช้ำและเนื้อตัวที่เป็นรอยจ้ำเขียวของเธอ
“งั้นไปบ้านฉันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มร่า รีบยันกายขึ้นนั่งบนเบาะ “ลุงใจดีที่สุดเลย”
“แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าลุง ฉันไม่มีหลาน” พูดเย็นชา เขาจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ก็คราวนี้แหละกระมัง
“โธ่ ก็สำหรับหนูแล้ว ลุงคือผู้ใหญ่ที่ใจดีนี่คะ”
ลูเซียโน่คำรามฮึ่มฮั่มในลำคอ หงุดหงิดจนอธิบายไม่ถูก ก่อนจะขับรถต่อไป พึมพำว่า
“แล้วฉันจะบอกแม่ว่ายังไง”
“ให้หนูเป็นคนรับใช้บ้านลุงก็ได้นะคะ ขอแค่ข้าวกินกับที่ซุกหัวนอน หนูก็ขอบคุณแล้วล่ะค่ะ”
สีหน้าลูเซียโน่ยิ่งทะมึนหนักขึ้นไปอีก
“ให้ตายสิ มันไม่เวิร์คอย่างแรง คนอื่นจะมองฉันยังไง เธออายุเท่าไหร่แล้วนะ 19 ? ”
“ค่ะ ใช่”
“แค่ 19 ห่างจากฉันตั้ง 20 ปี แบบนี้ในสายตาทุกคน ฉันไม่กลายเป็นเฒ่าหัวงูเลยรึ”
“ลุงจะไปกลัวอะไรคะ หากลุงไม่ได้คิดเกินเลยกับหนู ลุงจะแคร์สายตาใครทำไม หนูยังไม่อายเลย”
“ฉันไม่หน้าด้านเหมือนเธอนี่” ชายหนุ่มพูดลอดไรฟัน
“ยังไงหนูก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ช่วยหนูด้วย”
เขาเหลือบมองเธอทางกระจกส่องหลัง เด็กสาวรูปร่างผอมบาง หน้าอิดโรยมีรอยฟกช้ำตามเนื้อตัว เสื้อผ้าเก่าขาดรุ่งริ่ง มองดูก็น่าเวทนา แต่มันใช่ธุระของเขาเสียเมื่อไหร่ล่ะที่ต้องมารับผิดชอบคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เธอควรไปอยู่กับหน่วยงานไหนที่น่าจะช่วยเหลือเธอในเรื่องนี้ได้ หรือไม่ก็...หางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเองซะ
“ทำไมไม่หางานทำ จมปลักอยู่กับหมอนั่นทำไม”
“หนูทำงานอยู่ร้านสะดวกซื้อค่ะ แต่เงินเดือนได้มา พี่ยศก็เอาไปหมด”
“พี่ชายเธอเขาไม่ทำงานหรือไง”
“ทำค่ะ แต่พอติดการพนันงอมแงม งานการก็เลยพลอยเละเทะเหลวไม่เป็นท่าไปด้วย”
“คงหวังรวยทางลัด”
“แต่หนูคิดว่าถ้าเหงื่อไม่ออก ก็ไม่ได้เงินมาง่ายๆ หรอก พี่ยศไม่น่าเอาอนาคตตัวเองไปฝากไว้กับการเสี่ยงดวงเลย”
“เขาคงไม่ได้เอาแค่อนาคตตัวเองหรอกมั้ง น่าจะรวมถึงอนาคตของเธอด้วย”
เด็กสาวก้มหน้านิ่ง มองมือที่บีบแน่นบนตัก หยดน้ำเอ่อรื้นคลอหน่วยตา
“หนูไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของพี่ยศหรอกค่ะ หนูเป็นแค่ลูกของเมียน้อย แม่หนูตายไปตั้งแต่คลอดหนูได้ไม่นานแล้วค่ะ พ่อเอาหนูมาเลี้ยง ส่งเสียให้เรียนจบ ปวช. แต่แม่เลี้ยงไม่ค่อยชอบหนูเท่าไหร่ หนูก็พอรู้ตัวเองดีค่ะ จนถึงวันที่พ่อกับแม่เลี้ยงโดนรถชนตายคาที่ทั้งคู่ พี่ยศก็เริ่มเปลี่ยนไป ตอนนั้นหนูอายุแค่ 17 ค่ะ พี่ยศจากเด็กเรียนก็เอาแต่เล่นการพนัน เขาเชื่อเพื่อน ติดเพื่อนมากไปจน...” เสียงเธอขาดหายไปดื้อๆ ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเครือสะอื้น “จนมีแต่หนี้สินรุงรัง เขากู้เงินคุณนายโชติกามา แต่ก็หมดไปกับบ่อนจนหมด”
ลูเซียโน่ไม่นึกเลยว่าคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องใครอย่างเขา จะต้องมาฟังสาวน้อยระบายความอัดอั้นตันใจ แถมยังเป็นสาวน้อยที่เขาไม่รู้จักอีกด้วย
“เธอชื่อแพรววนิตใช่ไหม”
“ค่ะ เรียกแพรวก็ได้”
“ฉันคือลูเซียโน่ หรือลูซ”
“ค่ะลุงลูซ”
เขาไม่ชอบให้คนที่ไม่สนิทมาเรียกชื่อสั้นๆ อย่างนั้น แต่พอเหลือบตามองกระจกส่องหลังเห็นดวงตาแดงช้ำของเจ้าหล่อน คำต่อว่าเสียดสีก็จุกอยู่ที่ลำคอ พูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
“ฉันจะหางานพร้อมที่พักให้เธอก็แล้วกัน ฉันคงไม่สามารถทำมากกว่านี้ได้ ไม่งั้นคนอื่นจะมองฉันยังไง เธอเข้าใจไหม”
“ลุงลูซคงแคร์สายตาคนอื่นมาก”
“ฉันไม่ได้แคร์ใคร แต่เธอเข้าใจไหม เวลามีคนมาซุบซิบนินทาให้เข้าหูฉัน บางทีมันก็น่ารำคาญ”