บทที่ 1 แรกพบคนเถื่อน (3)
หลังเลิกงาน ลูเซียโน่ถอดสูทตัวนอกออก พับแขนเสื้อสีขาวขึ้นถึงศอก สวมแว่นตาสีชา ตรวจดูว่ามีปืนอยู่ในรถไหม ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์แล่นไปตามท้องถนนที่วุ่นวาย
บ้านหลังแรกเป็นชายขี้เหล้าที่กำลังเมาแปล้ ก๊งเหล้าอยู่หน้าบ้านตรงแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นมะม่วงกับเพื่อนๆ พอเห็นรถเขาปุ๊บ วงก็แตกฮือ ตัวเป้าหมายของเขาจะวิ่งหนีเข้าบ้าน แต่ช้ากว่ามือใหญ่ที่กระชากไหล่ชายผู้นั้นอย่างแรง
“จะหนีไปไหนครับ”
“ปะ ปะ ปะ เปล่าครับ ไม่ได้หนี” ตอบสั่นๆ เหงื่อแตก ยิ่งเห็นปืนสั้นในมือลูเซียโน่ก็ยิ่งกลัว
“ผมมาเก็บเงิน”
“ยัง ยังไม่มีเลยครับ”
“มีเงินกินเหล้าก็ต้องมีเงินใช้หนี้ด้วยสิ”
“ผลัดไปก่อนได้ไหมครับ”
“คุณกุ๊กไก่” เขาส่ายหน้าระอาใจ “ถ้าไม่มีเงินต้นก็จ่ายดอกมาก่อนสิครับ ห้าพัน”
“ผม ผมยังไม่มีจริงๆ ครับ” ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าวอนขอ “ได้โปรดเห็นใจผมเถอะครับ”
“เงินกู้ ไม่ใช่เงินบริจาค ยืมได้ก็ต้องคืนได้สิ ผมขอแค่ดอกแล้วจะจากไปดีๆ”
“คุณลูซครับ”
“อย่าเรียกผมอย่างสนิทสนมอย่างนั้น”
“เมตตาผมเถอะ”
“ประวัติคุณเคยเสพยาและขี้เหล้า ผมไม่ได้แจกเงินให้คุณเอาไปถลุงกับสิ่งไม่ดีนะครับ ถึงเวลาก็ต้องคืน ถ้าคุณลำบากยากจนแล้วขยันขันแข็ง ผมอาจเห็นใจคุณกว่านี้ก็ได้”
“ผม...ผมจะปรับปรุงตัวให้ดีกว่านี้ครับ”
“ผมมาเก็บในแต่ละเดือนก็เห็นคุณเป็นแบบนี้ทุกเดือน ความเมตตาไม่สามารถให้กับทุกคนได้จริงๆ ครับ”
กุ๊กไก่ไม่รู้เลยว่าสายตาหลังแว่นคู่นั้นมองเขายังไง รู้แค่ว่าเขาคงไม่มีทางหนีพ้นแน่ สำหรับเขาและทุกๆ คน ต่างก็คิดว่าลูเซียโน่คือลูกชายมาเฟียที่กฎหมายทำอะไรไม่ได้ และที่สำคัญ...ไร้ซึ่งความปรานี
เคยได้ยินมาว่ามีคนโดนตัดนิ้วเพียงเพราะไม่ยอมคืนเงินและคิดจะทำร้ายลูเซียโน่
แจ้งความ คดีก็ไม่คืบหน้า คุกคงมีไว้สำหรับขังคนจนจริงๆ
“เอาล่ะ จะจ่ายมาดีๆ ไหม”
“ผม...ไม่มีครับ” ยืนกราน “ขอเวลาอีกสามวัน ผมจะรีบหาดอกให้ทัน”
“เสียใจด้วยครับ ผมเป็นคนตรงต่อเวลา” ชายหนุ่มก้มตัวตบบ่ากุ๊กไก่แรงๆ ก่อนใช้ด้ามปืนฟาดที่กกหูกุ๊กไก่เต็มเหนี่ยว
ผลั๊วะ
“โอ๊ย ! ” อุทานลั่น ทั้งดีกรีน้ำเมาและความเจ็บปวดที่แล่นปราดทำให้กุ๊กไก่หน้ามืดแทบเป็นลม ล้มลงไปนอนคลุกดินคลุกฝุ่น
ลูเซียโน่ก้มลงตบๆ ตามลำตัวกุ๊กไก่ ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ได้กระเป๋าใบน้อยคร่ำคร่ามาใบหนึ่ง เปิดดูข้างใน ดึงธนบัตรในนั้นออกมานับๆ ก่อนจะโยนกระเป๋าทิ้ง
“ผมเอามาห้าพันพอดีนะ”
“ได้โปรด ขอร้องเถอะครับ ผมจะเอาเงินก้อนนั้นไปจ่ายหนี้ค่ากับข้าวที่ติดไว้”
“จ่ายให้ผมก็ถือว่าเป็นการใช้หนี้เหมือนกัน” ตอบเย็นชา
กุ๊กไก่คว้าขาเขาดึงรั้งไว้ ส่งเสียงสะอื้น “เห็นใจผมด้วย ผมมีหนี้รอบตัว”
“แม่ผมให้โอกาสคุณแล้ว เงินห้าหมื่นที่คุณยืมไป ถ้าเอาไปลงทุนค้าขายคงดีกว่านี้ ไม่ใช่ไปละลายกับยาเสพติดของมึนเมาหมด แล้วมาบ่นว่ายากจนขอความเมตตาจากคนอื่น”
ลูเซียโน่เตะมือของชายขี้เมาที่เกาะขาซ้ายเขาออก พร้อมสะบัดขาไปมาคล้ายไล่เสนียดหรือสิ่งสกปรก ก่อนจะขึ้นรถ ขับจากไป
กุ๊กไก่น้ำตานองหน้า มือสั่นๆ หยิบกระเป๋าเงินบนพื้นลูกรังมาเปิดดู...
“มันเอาไปห้าพันบาทจริงๆ กูเหลือติดกระเป๋าแค่ยี่สิบเอง แม่งเอ้ย !”
ลูเซียโน่ตระเวนไปเก็บหนี้ ผ่านไป 5 บ้านแล้ว เหลือบ้านหลังสุดท้ายที่เขาต้องจัดการให้เสร็จภายในวันนี้
บ้านของยศกร...ซึ่งมีเขียนไว้ว่ากู้เงินไป 3 แสน เพื่อลงทุนทำธุรกิจ
เขาเลี้ยวรถจอดบริเวณหน้าบ้านปูนเก่าๆ ชั้นเดียวซึ่งอยู่ติดถนน มีลานว่างแค่นิดเดียว พอจอดรถได้เพียงคันเดียวเท่านั้น
สภาพบ้านเงียบงันเหมือนไม่มีใครอยู่ เขาลงจากรถไปเคาะประตูเรียก
“คุณยศกร ผมลูเซียโน่นะ ออกมาคุยกันหน่อย”
ในใจนึกว่าอีกฝ่ายคงขังตัวเงียบ หรือไม่ก็กลัวลนลานเหมือนลูกหนี้รายอื่นๆ ที่เคยประสบมา ทว่าผิดคาด ยศกรเปิดประตูต้อนรับเขาพร้อมรอยยิ้ม
“เข้ามานั่งในบ้านก่อนสิครับ ผมมีเรื่องจะตกลงกับคุณอยู่พอดี”
ชายหนุ่มมองหน้าเจ้าของบ้านที่สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงบอล ผมยุ่งกระเซิง ใต้ตาดำขลับ ก่อนจะแตะปืนที่เหน็บไว้บั้นเอวเพื่อให้อุ่นใจว่าหากเกิดตุกติกอะไรขึ้นมา เขาคงคว้ามันมาป้องกันตัวได้ทัน
“เชิญครับ”
เขาเดินตามเข้าไปในบ้านที่มีแต่ของเก่าๆ รกเต็มไปหมด จัดวางไม่เป็นระเบียบ กลิ่นยาเส้นคลุ้งลอยไปทั่ว
ยศกรนั่งบนพื้นกระเบื้องกลางห้องโถงที่เหลือพื้นที่ไม่มากนัก ลูเซียโน่จึงจำต้องนั่งตาม
“ขอโทษนะครับ ไม่มีโซฟาดีๆ ไว้ต้อนรับคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า สามแสนจะจ่ายผมได้ไหม”
“ผมยังไม่มีสามแสนครับ”
“งั้นจ่ายดอกเบี้ยมา” เขายิงคำพูดตรงประเด็น “สามหมื่น”
“ดื่มน้ำให้ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” ยศกรตะโกน “แพรวเอ้ยแพรว เอาน้ำมาต้อนรับแขกหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ” ลูเซียโน่รีบปฏิเสธ เขาไม่วางใจพอที่จะดื่มน้ำบ้านใคร เพราะไม่รู้ว่ามีการใส่ยาอะไรลงไปบ้างหรือเปล่า แต่พอเห็นเด็กสาวในชุดเก่า เสื้อยืดที่ขาดตรงไหล่และกางเกงขาสั้นแค่เข่า ผมสั้นแค่ต้นคอดูยุ่งเหยิง มีรอยช้ำๆ ม่วงๆ ที่มุมปาก และแขนขา
ดูๆ ไปน่าจะแค่ ม. ต้น
“น้ำค่ะ” เด็กสาวก้มหน้าก้มตา ส่งแก้วน้ำเย็นให้ ซึ่งเขาก็รับมาถือไว้
“แพรวออกไปรอข้างนอกก่อนนะ พี่จะคุยธุระ”
“ค่ะ” เด็กสาวรับคำเงื่องหงอย แล้วเดินออกจากบ้านไปเหมือนหุ่นยนต์
“คนเมื่อกี้เป็นน้องสาวผมเองครับ น้องคนละแม่ ชื่อแพรววนิต” ยศกรเล่า
“ผมไม่ได้อยากรู้ครับ” ลูเซียโน่ตอบอย่างเย็นชา “จ่ายผมมาสามหมื่นก็จบ ผมจะได้กลับบ้านพักผ่อน” วางแก้วน้ำลงบนพื้นโดยไม่ยอมแตะแม้แต่หยดเดียว
“ผมไม่มีครับ ช่วยรับน้องสาวของผมไปเป็นค่าดอกได้ไหม เดือนหน้าผมคงมีเงินต้นคืนคุณได้แน่ๆ ”
ชายหนุ่มตาลุก “ว่าไงนะ ! ”
“ผมจริงจังนะ เอาน้องสาวผมไปขัดดอกก่อน”
“ผมต้องการเงิน ไม่ใช่เด็ก”
“แพรวไม่เด็กแล้วนะครับ ปีนี้ก็สิบเก้าแล้ว”
“อ้อ...” ลูเซียโน่ครางในลำคอ ก่อนจะลุกยืนกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายให้ลุกตาม “จ่ายผมมาเถอะ เลิกเบี่ยงเบนประเด็นได้แล้ว”
“แหม คุณลูเซียโน่ไม่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาบ้างเลยนะครับ”
“ผมขี้เกียจฟังคุณโยกโย้ เสียเวลา” มือใหญ่เลื่อนมาจับสร้อยทองที่คอของยศกร “สร้อยเส้นนี้น่าจะพอขัดดอกได้ ผมขอรับไว้ล่ะกันนะ” พูดจบก็กระชากสร้อยอย่างแรงจนขาด
ยศกรเจ็บแปล๊บจนต้องรีบกุมคอตัวเองไว้
“อ้ะ เอาทองผมคืนมานะ”
“โถ ลูกหนี้ที่น่าสงสาร” ลูเซียโน่แสยะยิ้ม “มีทองใส่ แต่ไม่มีปัญญาจ่ายดอก ไปล่ะ”
“ไม่ได้นะ” ยศกรจะเข้าขวางหน้า แต่ต้องผงะเมื่อปืนสั้นจ่อไปที่หน้าอกเขา
“ถอยไป ผมไม่อยากทำปืนลั่นใส่ใคร”
ยศกรหน้าซีด กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ค่อยๆ เลี่ยงหลบ ลูเซียโน่เดินผ่านออกจากตัวบ้าน ขึ้นรถขับออกไปทันที เขาโยนสร้อยไว้ที่เบาะข้างๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบเห็นอะไรแวบๆ ผ่านกระจกส่องหลัง
เขาเบรกรถจนหัวทิ่ม โชคดีที่ตรงนี้มีผู้คนสัญจรกันไม่เยอะ หันขวับไปมองทางเบาะหลัง เด็กสาวที่เขาเจอที่บ้านยศกร นั่งคุดคู้อยู่บนพื้น หัวผลุบๆ โผล่ๆ
“นี่เธอ ! ” เขาตะคอก ก่อนจะชะงักเมื่อแพรววนิตเงินหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำเอ่อคลอ
“ลุงช่วยพาหนูไปด้วยนะคะ หนูไม่อยากอยู่กับพี่ยศ”
“ไม่ได้ !! ” เขาว้ากเสียงดัง ไม่รู้ว่าโกรธที่เธอแอบขึ้นรถ หรือโมโหที่โดนเธอเรียกว่า ‘ลุง’ กันแน่ !