บทที่ 1 แรกพบคนเถื่อน (2)
ลูกพรุนเยื้องกรายมาหยุดหน้าประตูห้องแรกติดกับบันได เธอเคาะประตูเบาๆ พร้อมเอ่ยเจื้อยแจ้วเสียงหวาน
“ลูเซียโน่คะ ลงไปร่วมวงกับพวกเราเถอะค่ะ”
“...” เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ เธอถือวิสาสะผลักประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไป ภายในนั้นกว้างขวาง โทนสีเทาเข้ม บนเตียงมีผ้าห่มพันร่างผู้ชายที่นอนคว่ำ ใบหน้าตะแคงหนุนหมอน
“คุณลูเซียโน่คะ” เธอดึงผ้าห่มจนเลื่อนหลุดจากแผ่นหลังกำยำของเขา...ผิวสีขาวนวลลออ ช่างเป็นแผ่นหลังที่กว้างน่าซบ
เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นผู้ชายนอนถอดเสื้อ
“อืม...” เขาส่งเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนพลิกกายนอนหงาย เผยให้เห็นหน้าอกที่ตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ไรขนสีน้ำตาลอ่อนประปรายบริเวณอกไล่ยาวลงไปจนหายลับไปกับขอบกางเกงบ็อกเซอร์ ซึ่งช่วงขานั้นซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม
ลูกพรุนจับขอบผ้าห่มจะดึงให้พ้นจากร่างเขา แต่ตอนนั้นเอง
หมับ !
มือใหญ่จับข้อมือเธอตรึงไว้ เธอเหลือบตามองใบหน้าหล่อเหลานั่น...ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองเธออย่างดุดัน
“คะ คะ คุณลูเซียโน่ ตื่นแล้วเหรอคะ ลงไปสนุกด้วยกันนะ” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงเริ่มสั่น นึกหวั่นเกรงอย่างบอกไม่ถูก แน่นอนว่าเขาหล่อจริงๆ แต่ทว่าหนวดเครารอบริมฝีปากและแนวสันกราม ทำให้เขาดูเถื่อนๆ น่ากลัว...
“ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา” ถามเสียงกร้าว
“พะ พ่อคุณให้ฉันมาตาม”
“อย่าสะเออะ พ่อฉันน่ะรู้ดีว่าในเวลาแบบนี้ ฉันไม่ต้องการให้ใครมารบกวน”
“ขะ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวตัวสั่นเทิ้ม พยายามบิดข้อมือออก แต่ยิ่งบิด เขายิ่งบีบแน่น
ลูเซียโน่ลุกขึ้นก่อนจะลากหญิงสาวลงจากเตียง
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะคะ ปล่อยฉันนะ” เธอดิ้นรน เพิ่งเห็นตอนนี้เองว่าเขาเป็นคนที่มีรูปร่างใหญ่โตมาก ใหญ่แบบไม่มีไขมัน ดูแข็งแกร่งไปทั้งตัว ตอนแรกนึกว่าจะตัวสันทัดไม่สูงเหมือนพ่อซะอีก ใครจะนึกว่าเขาจะผ่าเหล่าผ่ากอเป็นยักษ์ปักหลั่นอย่างนี้
“จำไว้ว่าอย่ามายุ่งกับผมอีก”
“แค่อยากให้มาสนุกด้วยกัน คุณทำงานก็เหนื่อยพอแล้ว”
“ผมไม่ต้องการรับความเห็นใจจากคนแปลกหน้าอย่างคุณ” ชายหนุ่มใช้เท้าถีบประตูออก “ดูแต่งตัวเข้าเถอะ นมยานๆ ของคุณอาจถูกใจพวกผู้ชายแก่ๆ แต่สำหรับผม...บอกตรงๆ ว่าไม่รู้สึกอะไรสักนิด” เขาพูดหน้าตาย และพอเธอดิ้นมากๆ เข้า เขาก็จับเธอโยนออกไปนอกประตูโดยไม่ปรานีเลยสักนิด
พลั่ก !
“ว้าย ! ” หญิงสาวล้มลงกองที่พื้น น้ำตารื้นคลอหน่วยก่อนไหลอาบแก้ม เมื่อเขาปิดประตูใส่หน้าเธอเสียงดัง ปัง !
น่าอับอายขายขี้หน้าที่สุด สาวสวยเซ็กซี่ที่มั่นใจในการสยบผู้ชายมาโดยตลอด เพิ่งได้รู้สึกถึงคำว่า ‘พ่ายแพ้’ ก็ในวันนี้เอง
ลูกพรุนเดินก้มหน้าปาดน้ำตาลงบันได โรเรนโซ่ยังคงนั่งอยู่กับสาวๆ ที่เดิม เขาถามว่า
“อดได้สองแสนสินะ”
“ใช่ค่ะ” พูดได้เพียงเท่านั้นก็ปล่อยโฮ จนหนุ่ม ( แก่ ) หลายต่อหลายคนต้องเข้ามาช่วยกันปลอบ เธอถึงรู้สึกดีขึ้นมานิดหนึ่ง เห็นไหมว่าเสน่ห์ของเธอยังคงมีเต็มเปี่ยม แล้วทำไม...ทำไมลูเซียโน่ถึงไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลยสักนิด
ทั้งๆ ที่เธอสวมบิกินีทูพีชอวดเรือนร่างที่ไม่ว่าชายไหนเห็นเป็นต้องตาลุกวาว
แต่เขาคนนั้นกลับมองเธอเหมือนมองไส้เดือนหรือกิ้งกือที่ไร้ค่า
ลูเซียโน่...ไอ้คนป่าเถื่อน ใครจะกล้าเอามาเป็นสามี คนอะไร แย่ที่สุด
เช้าวันต่อมา
ลูเซียโน่อาบน้ำใส่ชุดสูทสีดำ อันเป็นสีที่เขาชอบที่สุด ส่งให้บุคลิกดูน่าเกรงขาม ผมสั้นหยักศก มีผมปอยหนึ่งระหน้าผาก ดวงตาคมเข้มที่ไร้อารมณ์เหมือนคนไม่มีความรู้สึก
เขาลงบันไดมาเจอมารดานั่งจิบกาแฟอยู่ตรงห้องโถงพอดี
“กินข้าวสิลูซ”
“ไม่ล่ะครับ ผมจะแวะกินข้างทางก่อนเข้าบริษัท” ตอบเสียงเรียบ บริเวณนี้สินะที่เมื่อคืนมีปาร์ตี้ครึกครื้น เช้านี้กลับเงียบงันเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น “คุณพ่อยังไม่ตื่นเหรอครับ”
“จ้ะ เมื่อคืนกว่าทุกคนจะกลับก็จวนตีสามแล้ว”
“แก่แล้วน่าจะปลงๆ ซะบ้าง”
“ช่างพ่อเขาเถอะ เขาเหนื่อยมามากแล้ว ควรให้เขาได้พักผ่อนบ้าง” แม่ออกโรงปกป้องพ่อเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือก
“คุณแม่นี่ใจกว้างจังนะครับ”
โชติกายกกาแฟขึ้นจิบพลางยิ้ม “แม่อาจเป็นผู้หญิงที่แปลกกว่าคนอื่น แต่สำหรับแม่แล้วน่ะ...แค่พ่อมีเงิน มีความสบายให้แม่ ดูแลใส่ใจแม่ แม่ก็พอใจล่ะ ส่วนเรื่องกินเที่ยวก็เป็นความสุขของเขา แม่ก็ปล่อยเขาไป ชีวิตมันสั้น”
“ครับ” เขาไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำว่า ‘ครับ’ บางทีคู่นี้อาจจะเหมาะสมกันที่สุดแล้วก็ได้ พ่อชอบผู้หญิง ส่วนแม่ก็ชอบเงิน ไม่มีอะไรที่จะลงตัวไปมากกว่านี้แล้ว
สำหรับเขา...สิ่งที่ชอบสุดก็คงเป็นความโสดนี่ล่ะมั้ง !
“เอ้อ จริงสิลูซ” แม่รีบตบที่นั่งข้างกาย “มานั่งตรงนี้ก่อนมา แม่มีอะไรจะคุยด้วย”
“วันนี้ผมมีประชุมนะครับ”
“แม่ขอเวลาไม่นานหรอกจ้า แค่สิบนาทีก็เหลือเฟือแล้ว”
ร่างสูงจำใจต้องมานั่งข้างแม่ “ครับ มีอะไรงั้นหรือครับ”
“แม่มีงานให้ลูกช่วยสักหน่อย”
“อีกแล้วเหรอครับ”
“แม่ยังไม่ทันจะบอกเลยนะว่าเป็นงานอะไร ทำไมต้องทำสีหน้าเบื่อหน่ายขนาดนั้นด้วย”
“คุณแม่เกริ่นมาแค่นี้ ผมก็รู้แล้วล่ะครับ จะให้ผมไปทวงหนี้อีกแล้วใช่ไหม”
“แหม น่ารักจังเลยลูกแม่ ใช่แล้วล่ะ ไปทวงเงินให้แม่ที ใช้ลูกน้องไม่ค่อยจะได้ความ”
“คุณแม่ก็เลิกปล่อยกู้ซะทีเถอะครับ ไม่ได้ลำบากถึงขั้นต้องเก็บดอกเบี้ย” สีหน้าเขายุ่งยากใจ
“แม่ชอบที่จะเห็นเงินมันเพิ่มพูนนี่จ๊ะ ชอบนับเงินอ่ะ ขนาดพ่อยังไม่ห้ามแม่เลย ลูซก็ตามใจแม่หน่อยจะเป็นไรไป”
เป็นครั้งที่สองของวันนี้ที่เขาถอนหายใจ แม่ปล่อยเงินกู้โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 บาทต่อเดือน ถึงเวลาต้องจ่ายดอก คนที่มากู้แม่ส่วนมากจะเป็นพวกนักพนัน ห่างจากนี่ไปราวสิบกิโลมีบ่อนขนาดใหญ่ที่ตำรวจทำเป็นมองไม่เห็นอยู่
เขาเคยเตือนแม่หลายครั้งแล้วว่าอย่าปล่อยให้พวกผีพนันมากู้ เพราะมันไม่ค่อยจะมีคืนหรอก สุดท้ายก็ร้อนเขานี่แหละที่ต้องตามทวง
“จะให้ใครกู้ แม่ก็เลือกคนหน่อยเถอะครับ”
“จ้ะๆ แม่สัญญาว่าต่อไปจะดูให้ดี แต่คราวนี้ลูซช่วยแม่ก่อนนะ”
เขาถอนหายใจครั้งที่สาม แม่ก็พูดแบบนี้ตลอด รับปากส่งๆ แต่ไม่เคยทำได้
“ผมจะช่วยแม่แค่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะครับ”
“จ้ะ แม่เข้าใจแล้ว”
โชติกาส่งกระดาษเอสี่ให้ห้าแผ่น “นี่เป็นหน้าตาและที่อยู่รวมทั้งจำนวนเงินที่ลูกต้องไปทวงนะ”
“ครับ” เขารับมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เอาลูกน้องไปด้วยไหม”
“ไม่จำเป็นครับ ผมจะแวะไปตอนเย็นหลังเลิกงานล่ะกัน”
หญิงสูงวัยยิ้มกว้าง จับหน้าบุตรชายมาหอมที่แก้มฟอดใหญ่
“ขอบใจนะลูกรัก”