บทที่ 24 ไทเฮาหรือไท่เฟย - 1
บทที่ 24
ไทเฮาหรือไท่เฟย
ครั้นกลับมาถึงตำหนักฮุ่ยหมิงหงมามาก็ไม่ลืมที่จะรายงานเรื่องที่ตนเองประสบพบเจอมาให้นายเหนือหัวผู้เป็นเจ้าของตำหนักฟัง
เซียวไทเฮารับฟังเรื่องราวนั้นด้วยท่าทีเรียบเฉยนิ่งสงบราวกับผืนน้ำไม่ต้องสายลม ทว่าหงมามากลับรู้ดีว่าภายใต้ท่าทางเช่นนี้นั้นผู้เป็นนายขอตนล้วนมีความคิดมากมายเป็นของตัวเอง
“ฉีเฟยผู้นั้น...เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้มากเลยหรือ?” ตรัสถามออกมาหนึ่งคำถามพร้อมกับพระเนตรเรียวงามที่หันมามองคนข้างกาย
“ก่อนหน้าฉีเฟยมีตำแหน่งเป็นสนมขั้นผินเคยถวายงานฝ่าบาทไม่กี่ครั้งเพคะ ทว่าภายหลังจากที่ได้รับมอบหมายให้เลี้ยงดูองค์หญิงแปดที่พระมารดาสิ้นไปตอนห้าขวบ ฝ่าบาทก็เสด็จไปที่หาฉีผินบ่อยขึ้นเพคะ จากนั้นไม่กี่เดือนฉีผินก็ตั้งครรภ์มังกร ภายหลังคลอดองค์ชายเก้าออกมาและจึงได้เเลื่อนขั้นเป็นฉีเฟยเพคะ”
“เช่นนั้นก็แสดงว่าโปรดปรานอยู่ไม่น้อย” ไทเฮาสรุป
“หากมิใช่ว่าตำแหน่งพระสนมเอกทั้งสี่ล้วนถูกจับจอง พระสนมชั้นรองเฉกเช่นฉีเฟยผู้นั้นก็น่าจะได้ครอบครองสักตำแหน่งเพคะ” คำกล่าวนี้โอหังอย่างยิ่งหากออกจากปากผู้อื่น ทว่านี่คือหงมามา นางกำนัลใกล้ชิดคนสนิทของเซียวไทเฮาผู้ที่เลี้ยงดูฮ่องเต้มากับมือตั้งแต่วันที่พระองค์ทรงคลอดออกมาจากครรภ์มารดา
เซียวไทเฮาแต่เดิมเป็นบุตรสาวแม่ทัพพิทักษ์อุดรแห่งเมืองจ้างเป่ย ดินแดนเหนือสุดที่สูงและหนาวเหน็บที่สุดในแคว้นซิ่งแต่เพราะบิดาตายตกในสงครามที่แคว้นซิ่งรบรากับชนเผ่าเล่อซานบุตรสาวคนเดียวของแม่ทัพอุดรเช่นนางจึงต้องเข้าวังตามประสงค์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่ยามนั้นพระองค์ยังทรงเป็นเพียงองค์รัชทายาทที่ไร้อำนาจ
แต่เพราะบุพเพนำพาวาสนาได้ครองครู่พระชายาของอดีตรัชทายาทเกิดล้มป่วยและสิ้นใจไป ภายหลังเซียวเฟิ่งเหยาจึงได้แต่งเข้าตำหนักตงกงในฐานะชายาเอกแทน
จากพระชายาของรัชทายาทก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งมารดาแผ่นดิน ระหว่างทางที่ผ่านมาไม่มีสิ่งใดง่ายดาย เซียวเฟิ่งเหยาสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจไปไม่น้อยกับการรวบรวมอำนาจเพื่อสนับสนุนพระสวามีให้นั่งบนบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง
อดีตฮ่องเต้ผู้นั้นขวนขวายหาอำนาจมากจนละเลยหน้าที่สามีต่อนาง ทว่าภายหลังกลับมีนางกำนัลผู้หนึ่งตั้งครรภ์ เซียวเฟิ่งเหยาในยามนั้นยิ่งกว่าถูกตบหน้าในที่รโหฐาน สุดท้ายเพราะสายเลือดมังกรในท้องนั่นนางจึงจำต้องพยักหน้าให้พระสวามีมอบตำแหน่งพระสนมชั้นผินให้กับนางกำนัลผู้นั้น
และเมื่อถึงคราวคลอดบุตร สนมชั้นผินผู้นั้นก็คลอดพระโอรสออกมา ทว่าอดีตฮ่องเต้ทรงรู้สึกผิดกับภรรยาร่วมผูกผมมาก นอกจากจะไม่ทรงเลื่อนขั้นให้สนมผู้นั้นแล้วยังทรงมีรับสั่งให้เซียวฮองเฮาเป็นผู้เลี้ยงดูพระโอรสองค์แรกอีกด้วย
สิบปีผ่านไปซ่งเฟยหลงเติบโตมาอย่างดีจนไม่อาจจะดีไปกว่านี้ได้อีก กระทั่งครบอายุสิบห้าเขาก็ได้ครอบครองตำแหน่งรัชทายาทจนกระทั่งได้นั่งบัลลังก์ขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นซิ่งมาจนปัจจุบัน ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเพราะอำนาจและบารมีของเซียวไทเฮา
แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นโดยไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น เพราะหลังจากที่ซ่งเฟยหลงได้รับตำแหน่งรัชทายาท เซียวฮองเฮาก็ตั้งครรภ์ อีกทั้งยังคลอดออกมาเป็นพระโอรส
ทว่าเซียวไทเฮานับเป็นคนมีคุณธรรมมากล้นอย่างยิ่ง เมื่อโอรสในอุทรของพระนางอายุครบเจ็ดขวบพระนางก็ทรงให้พระโอรสออกบวช ตัดขาดจากทางโลกนับแต่นั้นเป็นต้นจวบจนปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้เองซ่งเฟยหลงฮ่องเต้จึงรักและทรงยำเกรงเซียวไทเฮามากด้วยเพราะรู้ว่าที่พระองค์มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะเซียวไทเฮา มิใช่มารดาผู้ให้กำเนิดที่เป็นเพียงลูกหลายบัณฑิตจนๆ ทั้งยังไร้ชื่อเสียง แต่เพราะความกตัญญูนั้นสำคัญยิ่ง ต่อให้ไม่สนิทสนมกับมารดาผู้ให้กำเนิดเท่าใดนัก ทว่าฮ่องเต้ก็ยังทรงแต่งตั้งพระมารดาแท้ๆ ให้ขึ้นเป็นไท่เฟย ฉะนั้นแล้วไม่ว่าผู้ใดก็จะมองว่าพระองค์อกตัญญูไม่ได้
“แล้วฮ่องเต้ไม่นึกเอะใจหรือถามหาองค์หญิงแปดผู้นี้เลยหรือ? ฟังจากที่เจ้าเล่านางก็เป็นดรุณีน้อยผู้หนึ่งแล้ว อีกไม่นานก็เข้าสู่วัยปักปิ่นจะปล่อยปละละเลยได้อย่างไร”
“กราบทูลไทเฮา องค์หญิงแปดผู้นี้เหมือนจะมีภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีนักเพคะ”
เซียวไทเฮาขมวดคิ้ว “อย่างไร?”
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าตั้งแต่ฉีเฟยมีโอรสเป็นของตัวเอง องค์หญิงแปดซ่งชิงเยียนก็มีนิสัยเอาแต่ใจและไม่ยอมรับว่าตนเองจะต้องแบ่งปันฉีเฟยกับน้องชายเพคะ ดังนั้นจึงดื้อแพ่งจะอยู่ที่ตำหนักเล็กอันเป็นตำหนักเดิมของฉีเฟย อีกทั้งนอกจากฉีเฟยแล้วผู้ใดก็เข้าหน้าไม่ติดชอบทำร้ายนางกำนัลขันที ทั้งยังชอบเรียกร้องความสนใจจากฉีเฟยบ่อยๆ ด้วยการแกล้งป่วยเพคะ”
“และทุกครั้งที่หมอหลวงเข้าไปตรวจอาการก็มักพบว่าเป็นเรื่องโกหก องค์หญิงแปดไม่เคยป่วยทั้งยังสุขภาพแข็งแรงดีแต่กลับไม่เลิกแกล้งป่วย สำนักหมอหลวงวุ่นวายอยู่เช่นนั้นระยะหนึ่งเลยเพคะ ทว่าหลังจากฉีเฟยไปเยี่ยมและมอบเครื่องประดับให้ องค์หญิงแปดก็หายป่วยราวกับปลิดทิ้ง เรื่องนี้สร้างความขุ่นเคืองให้สำนักหมอหลวงระดับหนึ่งทีเดียวเพคะ”
“เป็นเช่นนี้เอง คนในสำนักหมอหลวงจึงปฏิบัติกับนางอย่างที่เจ้าเห็นวันนี้”
“เพคะ แต่ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันมีข้อสงสัยประการหนึ่งเพคะ” หงมามาเอ่ยพร้อมทำท่านึก
“อะไร” เซียวไทเฮามองคนสนิทอย่างสนพระทัย เรื่องที่หงมามาสงสัยมักจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสมอ
“คือหม่อมฉันสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่องค์หญิงแปดสวมใส่อยู่นั้น...ดูไม่เหมาะสมเท่าใดนักเพคะ”
เซียวไทเฮาเลิกคิ้วก่อนเอ่ยถามต่อ “ไม่เหมาะสมอย่างไร?”
“เก่าเพคะ ทั้งดูเก่าและทรุดโทรม อีกทั้งเครื่องประดับก็มีเพียงน้อยชิ้น หากผู้ไม่รู้มาได้ยินบทสนทนานั้น ไหนเลยจะรู้ว่าเด็กสาวผู้นั้นเป็นถึงองค์หญิง อีกทั้งร่างกายภายใต้เสื้อผ้าเก่าสีซีดนั้นก็ดูผอมบางไร้เรี่ยวแรง”
“เจ้าจะบอกว่าอาจมีเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับองค์หญิงแปดผู้นี้?”