บทที่ 4 จับดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพงจวน 1
บทที่ 4 จับดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพงจวน
ซ่งชิงเยียนไม่รู้ความคิดของนางเมื่อคืนก่อนนั้นถูกกงไป๋อวี่ล่วงรู้เข้าแล้ว แม้ว่าความจริงแล้วนางจะยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยสักอย่าง ทว่าในสายตาของเจียเฉิงซือจื่อนั้นเขาได้นับนางเป็นศัตรูไปแล้ว
ใช่...กงไป๋อวี่คือผู้ได้รับตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋องต่อจากกงหานจงผู้เป็นบิดา แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่ถูกประกาศออกไป ทว่าความไว้ใจทั้งหมดของกงหานจงนั้นรวมอยู่ที่บุตรชายคนนี้หมดแล้วเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าพระชายาเอกคนปัจจุบันของเจียเฉิงอ๋องจะมิใช่มารดาผู้ให้กำเนิดเขาก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความมั่นคงของเขาในจวนอ๋องหรือแม้แต่ในเมืองฉายจี๋แห่งนี้ลดน้อยลงไป
เดิมทีเรื่องแต่งตั้งหรือประกาศผู้สืบทอดตำแหน่งอ๋องเจียเฉิงนี้กงหานจงกับกงไป๋อวี่ไม่ได้รีบร้อนที่จะป่าวประกาศออกไปนัก แต่เพราะราชโองการของฮ่องเต้ เรื่องแต่งตั้งผู้สืบทอดนี้จึงจำเป็นต้องเปิดเผยให้ผู้คนได้รับรู้อย่างเก็บงำยืดเยื้อต่อไปอีกไม่ได้
และแน่นอนว่าคนที่ซ่งชิงเยียนจะต้องแต่งงานด้วยนั้นย่อมต้องเป็นกงไป๋อวี่ผู้นั้น
ทว่า...ตั้งแต่มาถึงจวนอ๋องซ่งชิงเยียนก็ยังไม่เคยได้พบหน้าเขาเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่วันแต่งงานได้ถูกกำหนดออกมาแล้ว
“องค์หญิง คราวนี้พระองค์จะว่าการกระทำของจวนอ๋องไม่น่าแปลกไม่ได้แล้วนะเพคะ ก่อนหน้านี้พวกเขาทำตัวนิ่งเฉย ไม่กระตือรือร้นเรื่องงานอภิเษกสักนิด แต่มาวันนี้กลับมีท่าทีรีบร้อน เร่งรัดจัดงานเสียรวดเร็ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไปมากมาย” ตี้ฉางอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
เหตุเพราะเมื่อช่วงสายของวันนี้พ่อบ้านประจำจวนอ๋องได้มาเยือนที่เรือนรับรองเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบวัน ชายวัยกลางคนผู้นั้นแจ้งว่ามาส่งข่าวเรื่องงานอภิเษก จากนั้นก็บอกว่างานอภิเษกสมรสจะมีขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า ให้องค์หญิงแปดเตรียมตัวให้พร้อม พูดจบแล้วก็จากไปราวกับว่าอยู่นานเขาจะถูกวิญญาณร้ายหลอกหลอนเสียอย่างนั้น
“แล้วเจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร?” องค์หญิงแปดเอ่ยถามนางกำนัลคนสนิท
“น่าแปลกเพคะ” ตี้ฉางเอ่ยตอบ
“น่าแปลกแล้วอย่างไร?”
“ไม่ให้เกียรติ องค์หญิงเป็นถึงพระธิดาของฝ่าบาท จะร้ายดีอย่างไรพวกเขาก็สมควรที่จะให้เกียรติพระองค์มากกว่านี้ มิใช่ทำเหมือนองค์หญิงไร้ตัวตน ไร้ความสำคัญ”
ซ่งชิงเยียนยิ้มแห้งออกมาครั้งหนึ่ง...ไร้เกียรติหรือ ไร้ตัวตนหรือ ไร้ความสำคัญหรือ?
ทั้งหมดนั่นมิใช่ความจริงที่เกี่ยวกับตัวนางหรอกหรืออย่างไร?
“ตี้ฉาง”
“เพคะองค์หญิง”
“ต่อจากนี้ไปข้าไม่อยากให้เจ้าคิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว”
“? ...แต่ว่าองค์หญิงเพคะ”
“ตั้งแต่เด็ก ข้าก็เติบโตขึ้นมาภายในวังหลวงอย่างโดดเดี่ยว ชีวิตนี้หวังเพียงได้ก้าวขาออกมาจากสถานที่อันคับแคบแห่งนั้นและใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่สนใจเรื่องอำนาจวาสนา มีครอบครัวเล็กๆ อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอย่างไม่ลำบากยากแค้น ข้าคาดหวังไว้เพียงแค่นั้นจริงๆ”
“แต่เพราะเกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์ ชีวิตนี้ของข้าจึงมีไว้เพื่อเป็นหมากเบี้ยให้ผู้อื่น เสด็จพ่อทรงต้องการประโยชน์จากข้า เจียเฉิงอ๋องเองก็คงนึกระแวง ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“องค์หญิง” ตี้ฉางมีสีหน้าสลด นางเพียงหวังดีกับผู้เป็นนายเท่านั้น
ในความคิดของตี้ฉาง การแต่งเข้าจวนอ๋องขององค์หญิงนั่นก็เปรียบเสมือนการได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ นางอยากเห็นผู้คนในจวนอ๋องปฏิบัติกับองค์หญิงดีกว่านี้ ให้สมกับที่องค์หญิงคือว่าที่หวางเฟยของเจียเฉิงอ๋องซือจื่อและในอนาคตก็คือนายหญิงของจวนอ๋องแห่งนี้เท่านั้น
แต่จากคำพูดขององค์หญิงเมื่อครู่นี้คล้ายกับว่าเป็นนางที่คาดหวังมากเกินไป จวนอ๋องแห่งนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย อีกทั้งองค์หญิงเองก็ไม่ได้คาดหวังให้ผู้ใดมาปรนนิบัติเอาใจใส่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาองค์หญิงแปดของนางใฝ่หาเพียงความสงบเรียบง่าย ทั้งยังทรงเกลียดชังและเบื่อหน่ายการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในวังหลวงเพียงใด เป็นนางที่ควรรู้ดีที่สุด
“ขออภัยเพคะองค์หญิง ต่อไปตี้ฉางจะระวังให้มากกว่านี้”
“ไม่เป็นไร ข้าแค่อยากให้เจ้าจำเอาไว้ว่าตราบใดที่พวกเรายังมีลมหายใจ ชีวิตของเราย่อมต้องมีอิสระในสักวัน”
“...” ตี้ฉางมีสีหน้างุนงง “องค์หญิงหมายความว่าเช่นไรเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจเลย”
“ยังไม่ต้องเข้าใจอะไรตอนนี้หรอก รู้ไว้เพียงว่าข้ามีแผนการในใจก็พอ”
“...”